ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1276

กบาลของหมิงเจ๋อนี้ หันกลับคืนมาไม่ได้ซะที เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อฟังคำพูดของนักปราชญ์ ทำผิดแล้ว ทำผิดอีกซ้ำซาก แล้วทั้งหมดก็โยนให้กับเซียวเฉวียน

บรมโง่ยังไม่โง่เท่าหมิงเจ๋อ

บางที นี่อาจเป็นการลิขิตของสวรรค์แล้วก็ได้

ด้วยนิสัยเชื่อคนง่ายอย่างหมิงเจ๋อ จิตเสื่อมตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่ามาเสื่อมภายหลังที่เขาขึ้นครองบัลลังก์แล้ว

อย่างน้อยก็ไม่นำภัยมาสู่บ้านเมืองและประชาชน

หลังจากมาอยู่ด้วยกัน นักปราชญ์รู้สึกสงสารหมิงเจ๋อ จึงตัดสินใจสอนวิชาต่อสู้ให้เขา เพื่อพัฒนาความสามารถในการเอาชีวิตรอดของเขา

หนึ่งในนั้นก็คือเสริมศิลปะในการปกปิดเสียงในใจของหมิงเจ๋อให้แข็งแกร่งขึ้น

บางที หมิงเจ๋ออาจใช้เป็นประโยชน์ในการสู้รบกับเซียวเฉวียนในวันข้างหน้า

เพื่อแก้แค้น หมิงเจ๋อตัวพิการแต่จิตใจนักสู้ ฝึกฝนเต็มเวลาทุกวัน ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เขาก็กัดฟันอดทนจนกว่าการบ้านในแต่ละวันจะเสร็จสิ้น

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน นักปราชญ์ก็สามารถเห็นได้ชัดว่า หมิงเจ๋อโดยรวมมีกำลังแกร่งขึ้นมาก เนื่องจากพลังแรงของร่างกายของเขาเติบใหญ่มากขึ้น

ผลที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก นักปราชญ์ก็รู้สึกยินดี

ในเวลานี้ จางเคอที่ติดตามศิษย์ของสำนักหมิงเซียนก็มาถึงภูเขาหมิงเซียน

เพื่อหลบเลี่ยงหูตาผู้คน จางเคอได้แต่งกายปลอมแปลงตัวเอง

เขาปลอมตัวเป็นคนหลังค่อม

แม้ว่าศิษย์ที่กลับมาก่อนได้บอกกับนักปราชญ์แล้วว่าจางเคอจะมาที่ภูมิภาคตะวันตกและกำลังอยู่ระหว่างทาง

แต่พอนักปราชญ์ได้พบจางเคอ เขาจ้องมองชายหลังค่อมตรงหน้าเป็นเวลานาน ยังไงก็จำเขาไม่ได้

จนกระทั่งจางเคอยืนตัวตรงและดึงเคราที่ปะไว้ออก นักปราชญ์ถึงจำเขาได้ เขาพูดอย่างสุภาพ "ใต้เท้าจาง ท่านคงเดินทางมาเหนื่อยแย่แล้ว"

มันเหนื่อยมากจริงๆ

ตลอดทางที่มา เพื่อไม่ให้คนพบเห็น จางเคอและศิษย์สำนักหมิงเซียนเร่งเฆี่ยนเดินทางอย่างเต็มที่ ทั้งกลางวันกลางคืน ท่ามกลางสายลมแสงแดด และฝุ่นดิน

จางเคอไม่เพียงแต่ผิวคล้ำลง ยังผอมลงไปไม่น้อย

จางเคอตอนพบกับนักปราชญ์ที่ต้าเว่ย กับตอนนี้มีความเปลี่ยนแปลงไม่ได้มากอย่างธรรมดา

อย่างน้อย ความสง่างามของผู้เป็นบัณฑิตในตัวเขาก็จางหายไปไม่น้อย มีอุ่นไอของนักพเนจรในยุทธจักรให้เห็นหน่อยๆ

แต่จางเคอพูดกลับอย่างนอบน้อม "ไม่เหนื่อยๆ ได้พบหน้าท่านนักปราชญ์ จางดีใจเป็นอย่างยิ่ง"

จางเคอเดินทางมาเป็นพันลี้ เสริมกับคำพูดในครั้งนี้ นักปราชญ์ก็ไม่คิดจะถือสาจางเคออีกสำหรับความขัดแย้งเล็กน้อยในต้าเว่ย

เขาเต็มใจลี้ภัยมาพึ่งพานักปราชญ์ สำหรับนักปราชญ์ ก็ช่วยแรงนักปราชญ์ได้มากอยู่เช่นกัน

นักปราชญ์ก็มีทัศนคติอยู่ เมื่อเผชิญหน้ากับเซียวเฉวียนศัตรูตัวฉกาจ เขายินดีที่จะละทิ้งความขุ่นเคืองส่วนตัวหันหน้าสู้ศึกอย่างเป็นเอกฉันท์

“เจ้าพาใต้เท้าจางไปพักผ่อนก่อน” นักปราชญ์สั่งชายที่กลับมาพร้อมกับจางเคอ หันไปมองจางเคอแล้วพูดว่า “ใต้เท้าจางไปพักผ่อนก่อน หลังจากท่านพักผ่อนแล้ว เราค่อยมาหารือกัน"

ทีแรกจางเคอคิดว่านักปราชญ์จะเอาเรื่องเกิดขึ้นที่ประตูเมืองมาแขวะจางเคอสักหน่อย แต่ไม่คิดว่า นักปราชญ์ไม่พูดอะไรสักคำแถมยังมีน้ำใจมาก จางเคออดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาใจคนต่ำต้อยไปประเมินใจของสุภาพชน จึงรู้สึกซาบซึ้นใจ "ขอบคุณท่านนักปราชญ์”

กล่าวขอบคุณเสร็จ จางเคอก็เดินตามชายคนนั้นลงไปพักผ่อน

พอหันกลับไป จางเคอก็เห็นหมิงเจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาสะดุ้งตกใจ โอ้เทพเจ้า นั่นคนหรือผีกันแน่ ?

ตากลวง ขาง่อย และแขนด้วน

หากมองใกล้ๆ จะเห็นได้ไม่ยากว่าใบหน้านั้นเคยหล่อเหลาขนาดไหน เมื่อมองเขาสวมเสื้อผ้าหรูหรา และสวมจี้หยกสภาพเยี่ยมยอดข้างเอว บอกได้เลยว่าคนนี้ต้องมีภูมิหลังที่ดี

แต่ทำไมกลายมาเป็นเช่นนี้ ?

จางเคอรู้สึกสงสัย แต่เขาเพิ่งมาถึงใหม่ๆ ไม่กล้าพูดอะไรมาก ดังนั้นเขาจึงเหลือกตา สงบจิตและดึงสายตากลับคืน

ในเมื่อนักปราชญ์ก็ไม่ได้แนะนำจางเคอว่าบุคคลนี้เป็นใคร จางเคอจึงทำเป็นมองไม่เห็นและเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนเข้ามาครั้งแรก จางเคอไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา ไม่ทักทายก็ไม่ถือว่าเสียมารยาท

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย