สรุปตอน บทที่ 1277 เป็นคนโง่ที่คิดไม่ทันคนอื่น – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1277 เป็นคนโง่ที่คิดไม่ทันคนอื่น ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เป็นเพียงเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยขององค์หญิง เพื่อความแน่ใจ เซียวเฉวียนจึงส่งไป่ฉีขึ้นไปดูหน่อย จะได้สบายใจ
“ขอรับ ผู้น้อยไปเดี๋ยวนี้เลย” ไป่ฉีพูดจบ ก็ผันร่างหายไปจากจวนเซียวในพริบตา
ไป่ฉีเป็นคนหนักแน่นระวังตัว มีกำลังแข็งแกร่ง เวลาส่วนใหญ่ เซียวเฉวียนชอบให้ไป่ฉีไปทำการ
วันนี้ เซียวเฉวียนจู่ๆ พบว่า ไป่ฉีมีความคิดไหวพริบเฉียบไวขึ้นมามาก อย่างเช่นเมื่อกี้นี้ เขานึกถึงจางเคอไอ้คนบ้าตัณหาได้ในวินาทีแรก
ถ้าเป็นเหมิงเอ้าคนเรื่อยเฉื่อยคนนั้น ให้เขาคิดสองวันสามคืน ก็ไม่แน่จะคิดออกได้
ในเวลานี้ เหมิงเอ้าที่กำลังฝึกคัดลายมืออย่างขยันขันแข็งก็จามเสียงดัง "ฮัดเช่ย !"
เหมิงเอ้าลูบๆ จมูกแล้วพึมพำ "ใครกำลังบ่นถึงข้าวะ ?"
พึมพำเสร็จ เหมิงเอ้าก็ยังคงฝึกคัดลายมือต่อไป
ดังที่คนโบราณกล่าวไว้ว่า บนโลกนี้ไม่มีอะไรยาก ขอแค่คนมีใจมุ่งมานะ
ด้วยการฝึกฝนอย่างทุ่มเทของเหมิงเอ้า ลายมือของเหมิงเอ้าดีขึ้นกว่าก่อนมาก เมื่อเห็นความสำเร็จ เหมิงเอ้าก็ยิ่งฝึกฝนอย่างหนักยิ่งขึ้น
มีเรื่องให้ทำ เหมิงเอ้าจะทำอย่างตั้งอกตั้งใจ ในสายตาของเซียวเฉวียน ดูน่ารักจริงๆ
ไม่เหมือนอย่างแต่ก่อน ถ้าไม่มาพันแข้งพันขาเซียวเฉวียนทุกวัน ก็มาพูดกระแทกเสียงใส่หูเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนในที่สุดก็สามารถอยู่อย่างชายโฉมงามสงบเงียบซะที
เวลาที่ไม่มีอะไรทำ เซียวเฉวียนก็จะเป็นเพื่อนคุยกับองค์หญิง ใช้เวลาอยู่กับแก้วตาดวงใจตัวน้อยๆ
เซียนชิวน้อยไม่มีอะไรทำ เธอก็จะพาน้องสาวเที่ยวเล่น พาตัวน้อยบินขึ้นบินลง ทำให้เธอหัวเราะคิกคัก
เมื่อเห็นน้องสาวหัวเราะ เซียนชิวน้อยก็มีความสุข หัวเราะจนหุบปากไม่ลง
ในตอนแรก เซียวเฉวียนและองค์หญิงเป็นห่วงว่าแก้วตาดวงใจตัวเล็กเกินไป เล่นรุนแรงขนาดนี้ จะทำให้เธอตกใจ
ไม่คิดว่าเด็กน้อยคนนี้ใจกล้าไม่เบาเช่นกัน นอกจากจะไม่กลัว เธอยังสนุกกับการเล่นแบบนี้อีกด้วย
เมื่อเป็นอย่างนี้ เซียวเฉวียนกับองค์หญิงก็ปล่อยให้เซียนชิวน้อยพาเธอไปเล่น
เกี่ยวกับต้นกำเนิดของเซียนชิวน้อย องค์หญิงก็รู้เรื่องตั้งแต่ตอนที่เธออยู่ในภูมิภาคตะวันตก
ตอนนั้น สวีซูผิงได้รับคำสั่งให้ไปที่ภูมิภาคตะวันตกเพื่อคุ้มครององค์หญิง ในขณะที่พูดคุยเรื่องซุบซิบกัน สวีซูผิงก็ได้เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับเซียวเฉวียนให้ฟังอย่างละเอียด
องค์หญิงรับรู้ว่าเซียวเฉวียนมีลูกสาววิญญาณดาบอยู่ข้างกาย ยังสามารถปกป้องเซียวเฉวียนได้ จึงยินดีมากเป็นพิเศษ
เมื่อกลับมาถึงจวนเซียวแล้ว องค์หญิงก็ใจดีกับเซียนชิวน้อยมาก และเซียนชิวน้อยก็ชอบองค์หญิงและลูกสาวสองคนมาก มาเล่นกับพวกเธอเป็นประจำด้วย
เซียนชิวน้อยเรียกเซียวเฉวียนว่าพ่อ ดังนั้นเมื่อองค์หญิงกลับมา เธอจึงเรียกองค์หญิงว่าแม่
ครอบครัวสี่คนนี้เข้ากันได้อย่างกลมกลืนและมีความสุข
เซียนชิวน้อยเป็นพี่สาวคนโต เพื่อเพิ่มความรู้สึกผิดชอบให้เซียนชิวน้อย เซียวเฉวียนจึงมอบเรื่องของการตั้งชื่อแก้วตาดวงใจตัวน้อย ๆ ให้กับเซียนชิวน้อย
เซียนชิวน้อยเป็นวิญญาณดาบ มีหูตากว้างไกล การเลือกชื่อให้น้องสาวไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่นิด
พอได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียนชิวน้อยก็ถามว่า "พ่อ แม่ น้องสาวชื่อว่า เซียวซีซี ดีไหม ?"
ซีซี ฮีฮี เป็นศัพท์ที่เจี้ยนจงจอมดาบชอบใช้ที่สุด ต่อไปนี้วันดีคืนดีเกิดเจี้ยนจงใช้ศัพท์คำเหล่านั้นขึ้นมา ซีซีก็จะนึกว่าเจี้ยนจงเรียกเธอ
ทำให้เคอะเขินได้ง่าย
ชื่อนี้ เซียวเฉวียนไม่เห็นด้วย
“หมิงชิว ดีไหม ?” เซียนชิวน้อยเอียงหัวแล้วลองถามดู
เซียนชิวน้อยเลือกชื่อนี้โดยไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ เพียงเพราะรู้สึกว่าหมิงชิวฟังเพราะดี
ในเวลานี้ แก้วตาดวงใจตัวน้อยปริปากยิ้มอย่างมีความสุข ราวกับจะบอกว่าเธอชอบชื่อนี้
เมื่อเห็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนจึงพูดกับเด็กน้อยว่า "เจ้าชอบชื่อนี้หรือ ? ถ้าชอบก็ยิ้มสองครั้ง"
”คิก ๆ “ น้องตัวน้อยก็ยิ้มออกมาจริงๆ สองครั้ง
ทำให้เซียนชิวน้อยรู้สึกขบขัน เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ "พ่อ แม่ เห็นไหม น้องสาวเธอชอบชื่อนี้จริงด้วย"
ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ ก็เรียกน้องว่าเซียวหมิงชิว” เซียวเฉวียนยิ้มพูดเบา ๆ ด้วยเสียงอ่อนนุ่ม
เซียวเฉวียนอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เซียนชิวน้อยจึงไม่รู้สึกมีแรงกดดัน ไม่มีความหวาดกลัว
เซียวเฉวียนอย่างนี้ก็เหมือนกับเซียวเฉวียนตอนที่เซียนชิวน้อยพบในครั้งแรก
แต่ว่า เซียนชิวน้อยไม่เข้าใจ ทำไมเซียวเฉวียนตั้งแต่ทำลายตราจูเสินมาแล้ว ทั้งร่างของเขาจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปอย่างแปลกตาและดูน่ากลัว
ก็มีแต่หน่วยองครักษ์สายลับเท่านั้นที่สามารถบรรลุภารกิจได้สำเร็จโดยที่เว่ยเชียนชิวไม่รู้ตัว
”เจ้าไปคอยเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเว่ยเชียนชิว” องค์จักรพรรดิทรงสั่ง
“ขอรับ !” เสียงยังไม่ทันจางหาย องครักษ์สายลับนั้นเฟี้ยวทีก็หายวาบไปไม่เห็นรอยแล้ว
ทั้งไปและมาช่างเหมือนดั่งลมจริงๆ
ครั้งนี้ เพื่อให้รู้ว่าเว่ยเชียนชิวแก้ไขปัญหาการจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อส่งหวังหลินเข้าในโรงเรียนชิงหยวนอย่างไร จึงใช้หน่วยองครักษ์ลับไป ตามจริงแล้ว เป็นการใช้บุคลากรสำคัญไปปฏิบัติงานขี้ประติ๋ว
เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร มันรอได้ องค์จักรพรรดิแค่ต้องทรงรอสักระยะหนึ่ง ก็รู้คำตอบแล้ว
อย่างไรก็ตาม องค์จักรพรรดิรู้สึกว่า ไม่ได้ใช้งานหน่วยองครักษ์สายลับมานาน ถึงเวลาให้พวกเขาไปยืดเส้นยืดสายหน่อย
หน่วยองครักษ์ไปไม่ถึงสิบห้านาที ก็กลับมาแล้ว
บังเอิญตอนที่หน่วยองครักษ์ไปถึงที่นั่น เว่ยเจียนกั๋วพอดีกำลังเรียกให้หวังหลินนำเงินห้าแสนตำลึงจากในเงินที่จะใช้สำหรับก่อสร้างจวนเจียนกั๋วออกมา ให้นำไปมอบให้เซียวเฉวียน
ดังนั้น เว่ยเชียนชิวยอมใช้งบน้อยลงห้าแสนตำลึงในการก่อสร้างจวนเจียนกั๋ว ก็อยากจะส่งหวังหลินไปที่โรงเรียนชิงหยวนงั้นหรือ ?
ดูแล้ว โรงเรียนชิงหยวนในใจของเว่ยเชียนชิวมีความสำคัญยิ่งกว่าจวนเจียนกั๋วซะอีก !
แต่นี่องค์จักรพรรดิทรงคิดผิด แม้โรงเรียนชิงหยวนก็มีความสำคัญ แต่จวนเจียนกั๋วก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
เพียงแต่ว่า การสร้างจวนเจียนกั๋ว ขึ้นใหม่ มีจางจิ่นและหวังหลินทำหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินไม่พอ
แม้หวังหลินจะเป็นคนจนเงิน แต่จางจิ่นไม่ใช่
ถึงเวลา หากเงินไม่พอ จางจิ่นซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบแถมร่ำรวยก็สามารถใช้ประโยชน์ได้
นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเว่ยเชียนชิวที่ส่งหวังหลินคนใหม่นี้ไปดูแลกำกับการสร้างจวนเจียนกั๋วขึ้นใหม่
บอกเขาว่าดันหวังหลิน ก็แค่ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์เท่านั้น
ด้วยวิธีนี้ เว่ยเชียนชิวสามารถใช้ข้ออ้างว่าจะสอนงานหวังหลิน แล้วชักจูงให้จางจิ่นเข้ามาพัวพันในน้ำโคลนนี้
แล้วจางจิ่งที่อยู่ในเรื่องนี้ มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเป็นคนโง่ที่คิดไม่ทันคนอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...