ตอน บทที่ 1310 สังหารเว่ยเชียนชิว จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1310 สังหารเว่ยเชียนชิว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
พวกเขาตื่นแต่เช้าตรากตรำงานยันค่ำ ชีวิตยังไม่มีหลักประกันดั่งเดิม อาหารเครื่องนุ่งห่มไม่ได้รับการแก้ไข หลักประกันของสิทธิประโยชน์ไม่ต้องพูดถึง หนทางสู่การรักษาผลประโยชน์ของตนเองนั้นลำบากยิ่งกว่าบุกน้ำลุยไฟเสียอีก !
กลับมาดูในยุคปัจจุบัน ชาวไร่ชาวนาพลิกตัวมาร้องเพลง ประชาเป็นนายของประเทศ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเครื่องนุ่งห่ม ทุกคนมีโอกาสเรียนหนังสือ ชีวิตเหมือนอยู่ในแดนสวรรค์
อย่างไรก็ตาม ระบบกษัตริย์แบบรวมศูนย์ของราชวงศ์ต้าเว่ยนั้นหยั่งรากลึก ปรากฏการณ์ของผู้มีอำนาจกดขี่ประชาชนเป็นเรื่องปกติ ชีวิตของประชาดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง
ถ้าจะแก้ไขความขัดแย้งและความแตกต่างระหว่างสังคมชั้นล่างและชนชั้นสูงโดยพื้นฐานแล้ว ก็ต้องกระทบกระทั่งผลประโยชน์ของชนชั้นสูง จึงถูกลิขิตว่าต้องสู้รบอย่างดุเดือดกับบรรดาข้าราชการและผู้มีอำนาจ
กระบวนการนี้อาจเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่ง
แต่เพื่อความคาดหวังของปีศาจกวี เหวินฮั่น เฉาสิงจือ เซียวเทียน และคนอื่นๆ ไม่ว่าหนทางสายนี้จะยากลำบากแค่ไหน เซียวเฉวียนก็จะเดินหน้าลุยต่อไปโดยไม่หันหลัง
เพื่อชีวิตชาวประชา ให้ทุกคนในต้าเว่ยได้เรียนหนังสือ ร่วมกันสร้างราชวงศ์ต้าเว่ยที่เจริญรุ่งเรืองด้วยกัน !
ขั้นตอนนี้ เซียวเฉวียนตัดสินใจจะเริ่มต้นจากเมืองมู่อวิ๋น !
ก่อนที่เซียวเฉวียนจะมาเมืองมู่อวิ๋น องค์จักรพรรดิได้ทรงสั่งว่า เรื่องของเมืองมู่อวิ๋น อำนาจเบ็ดเสร็จมอบให้กับเซียวเฉวียนเป็นผู้ตัดสินใจ รวมถึงอำนาจการกำหนดนโยบายการบริหารของเมืองมู่อวิ๋นหลังจากความวุ่นวายสิ้นสุดลงแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เซียวเฉวียนสามารถคัดเลือกสมัครรับบุคลากรได้ทันที หรือเอ่ยปากขอเอากับองค์จักรพรรดิโดยตรง และจัดการเมืองมู่อวิ๋นในแบบที่เซียวเฉวียนปรารถนา
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนสามารถใช้เจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อดำเนินการปฏิรูปครั้งใหญ่ในเมืองมู่อวิ๋น โดยใช้เมืองมู่อวิ๋นเป็นโครงการนำร่องแห่งแรก
......
......
ระหว่างทางไปมู่อวิ๋น
เพิ่งได้พักแป๊บเดียว พื้นก็ยังไม่ทันนั่งให้อุ่น หวังหลินก็ถูกเรียกขึ้นมาให้เดินทางต่อ
หวังหลินอดไม่ได้ที่จะแอบบ่นในใจ เขาไม่เข้าใจจริงๆ เว่ยเชียนชิวจะมาเมืองมู่อวิ๋น เขามาเองก็หมดเรื่อง ทำไมถึงต้องให้หวังหลินมาด้วย ?
เร่งเอา เร่งเอา นี่จะไม่มาเอาชีวิตของหวังหลินไปทิ้งหรือ ?
หวังหลินแสดงให้เห็นว่าร่างกายของเขาสู้ไม่ไหว เขาพูดอย่างอ่อนแรง "ท่านเจียนกั๋ว ผู้น้อยเหนื่อยจริงๆ ขี่ม้าจนก้นชาไปหมดแล้ว ขอให้ผู้น้อยพักอีกสักเดี๋ยว ขออีกสักเดี๋ยว"
เว่ยเชียนชิวคิดยังไง หวังหลินไม่รู้ไม่เข้าใจแน่นอน
ที่เขาพาหวังหลินมาเมืองมู่อวิ๋น เขาอยากจะพิสูจน์ว่า เซียวเฉวียนมีความหวั่นเกรงอะไรต่อหวังหลินตรงไหน
เพราะเว่ยเชียนชิวรู้สึกว่า ที่ผ่านมาติดต่อกันสองครั้ง เป็นเพราะหวังหลินปรากฏตัว เซียวเฉวียนก็ปล่อยตัวเว่ยเชียนชิว เขาไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ มันต้องมีอะไรพิลึกอยู่ในนั้น
ไม่แน่หวังหลินอาจเป็นอาวุธวิเศษในการเอาชนะเซียวเฉวียนได้
พอคิดว่าหวังหลินอาจใช้เป็นประโยชน์ได้ เว่ยเชียนชิวซึ่งเดิมไม่พอใจคำขอของหวังหลิน สุ่มนิ้วชี้ไปที่นักรบแท้คนหนึ่งแล้วพูดอย่างเฉื่อยชา "เจ้าอยู่นี่คอยคุ้มครองหวังหลิน คนอื่น ๆ ออกเดินทางไปกับข้าเจียนกั๋วเดี๋ยวนี้เลย”
นักรบแท้ขานรับด้วยความเคารพ "ขอรับ ! ผู้น้อยรับทราบ !"
ความหมายก็คือ อนุญาตให้หวังหลินพักได้อีกประเดี๋ยว
ไป !
ในที่สุด ก็ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
หวังหลินยิ้มหน้าเบิกบานและพูดว่า "ขอบคุณท่านเจียนกั๋ว !"
เว่ยเชียนชิวเหลือบมองหวังหลินด้วยสายตาจืดชืด จากนั้นหันศีรษะและควบม้าออกไป ทำให้เกิดฝุ่นควันฟุ้นขึ้นเป็นโขมง
“แคก ๆ ! แคก ๆ !”
ลมกระโชกพัดมา หวังหลินและนักรบแท้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นถูกฝุ่นเคลือบเต็มตัวทันที ยามหายใจก็สูดดมเข้าไปโดยไม่ทันระวัง แสบจมูกจนน้ำตาโผล่เต็มเบ้าตาของพวกเขา
ไปตายซะ ! เว่ยเชียนชิวทำไมต้องเร่งรีบอะไรถึงขนาดนี้ฮ่ะ !
เขารีบของเขา ข้าก็พักของข้า
คิดได้ปั๊บ หวังหลินก็นั่งลงพัก
พอได้ยินว่าฉินซูโหรวก็จะไปเมืองมู่อวิ๋น องค์หญิงอดที่จะแปลกใจไม่ได้ แต่ถึงจะประหลาดใจ เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เธอพยักหน้าและตกลงที่จะให้เสวี่ยเยี่ยนไปส่งฉินซูโหรวสักระยะทาง
ฉินซูโหรวเกรงว่าองค์หญิงจะคิดมาก คิดไปเป็นอย่างอื่น เธอจึงอธิบายด้วยตัวเธอเองว่า "ที่ไปที่นั่นในครั้งนี้ เพื่อล้างแค้นเว่ยเชียนชิว หากแค้นครั้งใหญ่นี้ได้ชำระ จะขอบคุณองค์หญิงเป็นอย่างมากสำหรับความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือในครั้งนี้ "
ความหมายในคำเหล่านี้คือ องค์หญิง โปรดมั่นใจได้ว่าฉินซูโหรวไปที่เมืองมู่อวิ๋น เพียงเพื่อหาทางแก้แค้นเว่ยเชียนชิว ไม่มีอะไรเป็นอื่น
อันที่จริง องค์หญิงเชื่อในเซียวเฉวียน และเชื่อในฉินซูโหรวด้วย หากฉินซูโหรวและเซียวเฉวียนมีติดต่อกัน คงเป็นเรื่องธุระ พวกเขาไม่น่าจะมีอะไรข้ามเส้น
ดังนั้นองค์หญิงจะไม่คิดมาก
แต่ว่า พอได้ยินว่าฉินซูโหรวจะไปสังหารเว่ยเชียนชิว องค์หญิงก็เหลือบมองฉินซูโหรวด้วยสีหน้าซับซ้อนและพูดว่า "เจ้าหญิง เว่ยเชียนชิวคนนี้วิทยายุทธ์สูงส่ง จิตใจโหดเหี้ยม ท่านแน่ใจหรือว่าจะสังหารเขาได้ ?”
องค์หญิงรู้ว่าเว่ยเชียนชิวทำกับจวนฉินอย่างไร เธอเข้าใจการตัดสินใจของฉินซูโหรว ที่เธอพูดเช่นนี้ ไม่ใช่จะห้ามฉินซูโหรวไปแก้แค้น เธอแค่เป็นห่วงเกี่ยวกับความปลอดภัยของฉินซูโหรว
คิดไปคิดมา องค์หญิงก็พูดว่า "เอาอย่างนี้ ให้เสวี่ยเยี่ยนและเซียนชิวน้อยไปกับท่านด้วย ดีไหม ?"
มีเสวี่ยเยี่ยนและเซียนชิวน้อยเกื้อหนุน ชนะเว่ยเชียนชิวได้อย่างแน่นอน
ดีก็ดีอยู่ แต่นี่เป็นแค้นของตระกูลฉิน ฉินซูโหรวประสงค์จะล้างแค้นด้วยตัวเอง เธอพูดอย่างแนบเนียน "ขอบคุณองค์หญิงสำหรับความเมตตา องค์หญิงไม่ต้องเป็นห่วง ฉินซูโหรวจะไม่ทำอะไรที่ไม่มีความมั่นใจ ข้าสามารถสังหารเว่ยเชียนชิวด้วยคนเดียวได้”
ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ฉินซูโหรวเป็นสตรีตัวคนเดียว คนเดียวแรงน้อย จะสู้รบกับเว่ยเชียนชิวพวกเขาอย่างไร ?
เห็นว่าองค์หญิงยังจะพูดอะไรอีก ฉินซูโหรวจึงยิ้มและพูดว่า "องค์หญิง เชื่อข้าเถอะ ข้าทำได้แน่นอน"
ในเมื่อฉินซูโหรวยืนกรานหนักแน่น องค์หญิงจึงไม่สะดวกจะพูดอะไรได้อีก เธอแอบกำชับให้เสวี่ยเยี่ยนปกป้อง ฉินซูโหรวให้ดี จากนั้นฉินซูโหรวก็พาเสวี่ยเยี่ยนออกจากจวนเซียว มุ่งหน้าไปยังเมืองมู่อวิ๋น
วิชาเคลื่อนตัวในกะพริบตานี้ใช้ดีจริง
ระหว่างทาง ฉินซูโหรวคำนวณตามความเร็วของเว่ยเชียนชิว และเวลาออกเดินทางของเว่ยเชียนชิว เวลานี้เว่ยเชียนชิวน่าจะยังไปไม่ถึงเมืองมู่อวิ๋น
ดังนั้น เธอสามารถไปรอเว่ยชียนชิวที่เขตชายแดนของเมืองมู่อวิ๋นก็ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...