บทที่ 1329 ใจระแวงสงสัย – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1329 ใจระแวงสงสัย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนนี้ เว่ยเชียนชิวกลับตายอยู่ในแคว้นมู่อวิ๋น
ไม่ว่าเซียวเฉวียนหรือว่าฉินซูโหรวต้องการสังหารเว่ยเชียนชิว แต่ฮ่องเต้ล้วนไม่รู้เรื่องด้วยทั้งสิ้น
มีคนต้องการสังหารคนในราชวงศ์ของเขา ขุนนางสำคัญในราชสำนัก ตัวเขาเป็นประมุขของประเทศ กลับไม่มีสิทธิจะรับรู้เรื่องนี้สักนิด เซียวเฉวียนกับฉินซูโหรวกระทำการตามอำเภอใจสังหารเว่ยเชียนชิว นี่ช่างทำให้ประมุขเกิดความระแวงครั้งใหญ่!
ยามนี้ พลังที่แท้จริงของเซียวเฉวียนยอดเยี่ยม คนที่ติดตามเขาก็ไม่ใช่พวกคนที่จะดูถูกได้เลย ขุมกำลังเช่นนี้ เซียวเฉวียนย่อมต้องทำให้ฮ่องเต้ทรงระแวงระวังแน่
บวกกับตระกูลฉินเองก็ก้าวเข้ามาในน้ำขุ่นนี้ด้วย ฮ่องเต้คงยากจะไม่รู้สึกว่าตระกูลฉินมีสายสัมพันธ์อันดีกับเซียวเฉวียน
ส่วนอำนาจทางทหารของต้าเว่ยก็อยู่ที่จวนฉิน หากว่าจวนฉินจับมือกับจวนเซียวอย่างแข็งแกร่ง ฮ่องเต้ต้องทรงรู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวงแน่ และยากที่พระองค์จะไม่ทรงมีใจระแวงจวนเซียวและจวนฉินขึ้นมา
เขาจะต้องคอยระแวดระวังจวนฉินและจวนเซียวไปพร้อมกัน
เพื่อปกป้องประชาชนชาวเว่ย จะอย่างไรฮ่องเต้ก็ต้องทรงลอบวางแผน
เพื่อปลอบประโลมหัวใจประมุข ก่อนหน้าที่ข่าวนี้จะแพร่เข้าสู่เมืองหลวง เซียวเฉวียนต้องรีบบอกพระองค์ตั้งแต่โอกาสแรก
อีกทั้ง ผู้ที่ส่งข่าวบอกนั้น ไม่อาจจะส่งใครก็ได้กลับไปสุ่มสี่สุ่มห้า
เซียวเฉวียนมีเรื่องสำคัญติดตัว ฉินซูโหรวเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะกลับไป
ฉินซูโหรวคิดๆ แล้วนางก็รับคำว่า “ได้เจ้าค่ะ นักเรียนจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
“เกรงว่าเสวี่ยเยี่ยนจะยังอยู่ที่แคว้นมู่อวิ๋นนี้กระมัง?” ฉินซูโหรวชะงักไปแล้วเอ่ยถาม
เซียวเฉวียนพยักหน้า “ยังอยู่ ข้าจะเรียกนางมา”
กล่าวแล้ว เซียวเฉวียนก็ส่งกระแสจิตหาไป๋ฉี่ ให้ไป๋ฉี่เรียกให้เสวี่ยเยี่ยนรีบกลับมา
หลังจากที่เสวี่ยเยี่ยนมุ่งหน้าไปยังมู่อวิ๋นก่อน เซียวเฉวียนก็ให้นางรอข่าวอยู่ที่นั่น เพื่อที่จะได้ช่วยไป๋ฉี่คอยจัดการปราบความโกลาหล
พอได้ยินเสียงเซียวเฉวียนขานรัก เสียงฟึ่บหนึ่งก็ดังขึ้น นางมาปรากฏตัวพร้อมคารวะเบื้องหน้าเซียวเฉวียน
ทั้งสองคนพยักหน้า ให้สัญญาณว่าเสวี่ยเยี่ยนไม่ต้องมากพิธี
ก่อนหน้าจะเดินทาง เซียวเฉวียนยังเอ่ยกำชับว่า “จวิ้นจู่ จำไว้ให้มั่น เรื่องนี้ไม่อนุญาตให้ปิดบัง ต่อหน้าฝ่าบาท เจ้าย่มอต้องเอ่ยปากให้ละเอียดเสียหน่อย”
ในส่วนเรื่องศพของเว่ยเชียนชิว ก็พูดว่าก่อนหน้าที่เว่ยเชียนชิวจะตาย เพื่อจะรักษาเกียรติยศเสี้ยวสุดท้ายของตัวเอง เขากระโดดหน้าผาหาศพไม่พบ
ฮ่องเต้ฉลาดนับแต่ยังเยาว์ มีประสบการณ์มานานปีปานนี้ น้ำพระทัยเองก็แน่วนิ่ง ความคิดอ่านพระองค์ก็รอบคอบ อีกทั้งยังทรงเก็บอาการได้ลึกยิ่ง ฉินซูโหรวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ไม่อาจจะปิดบังเขาได้
ดังนั้นแล้ว ไม่สู้เปิดเผยทุกสิ่งให้ชัดเจนไปเสีย กันไม่ให้เกิดข้อสงสัยที่ไม่จำเป็น
และแน่นอนว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เซียวเฉวียนไม่อาจสังหารบัณฑิต
เรื่องนี้ ไม่ต้องให้เซียวเฉวียนพูด ฉินซูโหรวก็รู้ว่านางต้องช่วยเซียวเฉวียนปิดบัง
ฉินซูโหรวพอได้ยินก็พยักหน้าเอ่ย “ราชครูวางใจ ศิษย์รู้ว่าควรพูดเช่นไร”
กล่าวแล้ว นางก็เบนสายตาไปยังตัวของเสวี่ยเยี่ยนพลางเอ่ย “เสวี่ยเยี่ยน พวกเราไปกันเถอะ”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็หายไปต่อหน้าเซียวเฉวียน
หลังจากยืนอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฉวียนค่อยเบตัวกลับ เสียงฟึ่บหนึ่งดังขึ้น เขามุ่งหน้าไปยังหน้าผา
ในยามนี้ พวกเฮยหลังกำลังโยนศพของเว่ยเชียนชิวลงหน้าผาเรียบร้อยแล้ว และเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ
พอได้เห็นเซียวเฉวียน เฮยหลังก็เอ่ยปากอย่างเคารพ “ท่านราชครู จัดการเรื่องแล้วขอรับ”
เซียวเฉวียนพยักหน้าเอ่ย “เยี่ยมมาก เรื่องวันนี้ พวกเจ้ารู้ว่าควรเอ่ยสิ่งใดใช่หรือไม่?”
เฮยหลังชะงักไปพลางเอ่ย “วันนี้ ข้ากับใต้เท้าเจี้ยนกั๋วเดินทางไปยังแคว้นมู่อวิ๋นด้วยกัน ระหว่างทางพบกับจวิ้นจู่ ใต้เท้าเจี้ยนกั๋วสั่งให้พวกข้าล่วงหน้าไปก่อน พวกข้าไม่กล้าไม่ทำตาม จึงล่วงหน้าเดินทางไปก่อน ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นต่อมา ข้าก็ไม่รู้ด้วยแล้ว”
ฟังแล้วก็เหมาะสมด้วยเหตุผลยิ่ง ก็ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ บริสุทธิ์เพราะไม่ได้เห็น แถมยังสะบัดความรับผิดชอบจากตัวเองจนหมดจด
เซียวเฉวียนเอ่ยอย่างพอใจ “อื้ม ไม่เลว เอาแบบนี้ละ”
ก่อนกลับ เซียวเฉวียนจำเป็นต้องจัดการเรื่องของชาวยุทธ์แท้ให้เหมาะสมด้วย
นอกจากเฮยหลังแล้ว คนอื่นๆ ก็ถูกเซียวเฉวียนส่งตัวกลับเมืองหลวง เพื่อที่จะอยู่ในจวนเจี้ยนกั๋วต่อไป
ส่วนที่เหลือเฮยหลังอยู่ที่นี่นั้นก็เพราะว่าเฮยหลังรู้สถานที่ของกองทัพชาวยุทธ์แท้ เซียวเฉวียนต้องการให้เขากลับไปที่กองทัพทางนั้นเพื่อสืบข่าว เพื่อฟังความเห็นของผู้นำในกองทัพเหล่านั้น
เฮยหลังรับคำสั่ง จากนั้นก็รีบควบม้ามุ่งหน้ากลับค่ายทหาร
ส่วนเซียวเฉวียนนั้นก็มุ่งหน้ากลับมู่อวิ๋น
หนังสือร้องเรียนของประชาชนถูกส่งถึงมือเซียวเฉวียน เมื่อมีของสิ่งนี้อยู่บวกกับฮ่องเต้ทรงประทานราชโองการให้เขาก่อนหน้าที่เขามายังแคว้นมู่อวิ๋น เขาจึงยืนอยู่หน้าจวนอ๋องด้วยบารมีเต็มเปี่ยม และยืนฟังอู๋อิ่งอ่านราชโองการ
อู่อิ่งเอ่ยเสียงเย็น “ราชโองการมา! จินเผิงรับราชโองการ!”
เมื่อราชโองการมาถึง ก็เหมือนฮ่องเต้ทรงมาด้วยพระองค์เอง
จินเผิงไม่คิดจะออกมา ก็ยังจำเป็นต้องออกมา!
ตามวันปรกติแล้วพวกเขาไม่เห็นราชสำนักอยู่ในสายตา และไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา นี่คือปัญหาทางทัศนคติประเภทหนึ่ง เมื่อไม่มีหลักฐานประจักษ์ ใครก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้
ทว่าวันนี้ราชโองการลงมาแล้ว ตัวเขาจินเผิงหากว่ายังไม่ออกมา เช่นนั้นก็เป็นการประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าเขาต้องการเป็นศัตรูกับราชสำนักชัดๆ การเป็นศัตรูกับฮ่องเต้ ก็คือกระทำผิดฐานไม่เคารพ ต้องถูกตัดศีรษะ
ดังนั้นแล้ว ต่อให้เขาจะไม่ยินยอมมากแค่ไหน คนที่ซ่อนตัวอยู่ในจวนนั้นก็ต้องออกมานอกประตูบานใหญ่อย่างหวาดหวั่น พากันรวมตัวคุกเข่าอยู่บนพื้น รอรับราชโองการ
ความหมายของราชโองการนั้น ในฐานะที่จินเผิงเป็นผู้ควบคุมมู่อวิ๋นที่มีอำนาจสูงสุด ก็ควรต้องให้ความร่วมมือกับเซียวเฉวียนปราบจลาจลอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นแล้วควรจะย้ายออกมาจากจวนผู้ครองรัฐ แล้วให้เซียวเฉวียนเข้าไปอยู่
สรุปง่ายๆ นั้นคือมีสองเรื่อง เรื่องแรก เซียวเฉวียนมาแล้ว ทุกสิ่งให้ฟังเซียวเฉวียนบัญชา เซียวเฉวียนเป็นนาย จินเผิงเป็นบ่าว
อย่างที่สอง จินเผิงไม่อาจจะอยู่ในจวนอ๋องแล้ว เขาจำเป็นต้องให้เซียวเฉวียนอยู่แทน
อีกทั้งราชโองการนี้ ไม่ได้พูดเลยว่าหลังจากที่เซียวเฉวียนออกจากแคว้นมู่อวิ๋นแล้วให้จินเผิงกลับไปอยู่ได้ นี่ก็ย่อมหมายความชัดว่า อีกหน่อยจินเผิงจะอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้แล้ว สิทธิพิเศษของเขาที่จะอยู่ในจวนอิ๋งนั้นไม่มีอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...