ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1330

สรุปบท บทที่ 1330 ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 1330 ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1330 ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เดิมทีจวนเจ้าผู้ครองรัฐก็คือที่พำนักของเจ้าผู้ของรัฐ นอกจากเจ้าผู้ครองรัฐแล้ว ใครก็พำนักไม่ได้

ครานั้นเว่ยไป๋ถูกเนรเทศออกไปอยู่เกาะจูเสิน จินเผิงได้รับคำสั่งให้มาปกป้องรัฐมู่อวิ๋นยามเจอเคราะห์ภัย

เพื่อแสดงความเคารพที่ศาลมีต่อจินเผิง จึงปล่อยให้จินเผิงปฏิบัติหน้าที่ในศาลอย่างเต็มกำลัง ดังนั้นจินเผิงจึงเข้าสู่วังได้ตามใจชอบ

การได้เข้าวังนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งยวด!

เกียรติอันรุ่งโรจน์นี้กินเวลานานกว่าสิบปี ทำให้จินเผิงคิดว่าเขาคือเจ้าของตัวจริงของวังแห่งนี้ไปแล้ว

บัดนี้เซียวเฉวียนปรากฏตัว จึงมีพระราชโองการลงไป ให้ตีแสกหน้า บอกจินเผิงไปตรง ๆ ว่าที่นี่ไม่ใช่ของจินเผิง ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้เจ้ามอบมันให้เซียวเฉวียน ให้เจ้าออกไปอย่างว่าง่าย!

พอเห็นกับตาว่าเซียวเฉวียนช่วงชิงความรุ่งโรจน์นี้ จินเผิงจึงอดเกลียดชังเซียวเฉวียนไม่ได้

เกลียดที่เซียวเฉวียนจงใจมาแย่งความรุ่งโรจน์จากเขา

นัยน์ตาของเขาร้อนรุ่ม ถลึงตาใส่เซียวเฉวียนอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็รับพระราชโองการอย่างไม่เต็มใจนัก

โชคดีที่พระราชโองการนั้นทรงมีคำสั่งให้เขาออกจากวังเท่านั้น ไม่ได้ลดสถานะของเขา

เขาต้องการนำเลือดเนื้อของราษฎร์ที่ขูดมาเลือดขูดเนื้อมาหลายปีไปด้วย

ในเมื่อไม่ได้อยู่ในวังแห่งนี้ สมบัติพัสถานที่ได้จากราษฎร์เหล่านั้นก็จำต้องยกให้เรือนใหญ่อันหรูหราของจินเผิง กระทั่งมีชีวิตอย่างสุขสบาย

ไปก็ไป!

“เจ้าเข้าไปเก็บของก่อนเถอะ” จินเผิงยังคงยืนหยัด กระทั่งออกคำสั่งทหารรักษาการณ์อยู่รอบตัวด้วยท่าทีดุดัน

ทหารรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะเดินออกไป

เหล่าชนชั้นสูงผู้มีอำนาจเดินออกมาพร้อมกับจินเผิง เขามีสีหน้าลังเลเหมือนมีบางอย่างจะพูดกับจินเผิง ด้วยท่าทีที่ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควร

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเหล่าชนชั้นสูงผู้มีอำนาจผู้หนึ่งก็ตัดสินใจ ก่อนจะเดินรุดหน้าเข้ามาด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว จากนั้นก็ชะโงกหน้าเข้ามากระซิบข้างหูของจินเผิงด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ท่านแม่ทัพ ตอนนี้จำนวนคนมากเกินไป ถ้าเจ้าจะย้ายเข้าวังต่อหน้าทุกคน เกรงว่าคงดูไม่เหมาะสม”

คนอื่นไม่รู้ แต่เหล่าชนชั้นสูงผู้มีอำนาจรู้ดี

แค่สมบัติของราษฎร์ที่ขูดเลือดขูดเนื้ออย่างไร้เยื่อใยเหล่านี้ก็ไม่ต่ำกว่าสิบกล่องแล้ว

ย้ายกันออกมาอึกทึกครึกโครมขนาดนี้ จะไม่ดึงดูดสายตาได้อย่างนั้นหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้นเซียวเฉวียนก็ยังอยู่ที่นี่

อย่าลืมว่าการกระทำของเซียวเฉวียนดูหยิ่งผยองจนเคยตัว ถ้าเขาบังคับให้จินเผิงเปิดกล่องตรวจสอบ ใครก็ปฏิเสธไม่ได้

เหตุใดถึงไม่ยื้อเวลาอีกสักหน่อย ถือโอกาสตอนที่สถานการณ์คับขัน ค่อยลงมือช่วงที่ผู้คนบางตาล่ะ?

พอได้ยินประโยคของเหล่าชนชั้นสูงผู้มีอำนาจ จินเผิงก็เปลี่ยนความคิด เพราะคิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่สมเหตุสมผล

เงินทองที่ขูดเลือดขูดเนื้อราษฎร์มานานหลายปีเหล่านี้จะยกให้กับเว่ยเชียนชิวเสียโดยส่วนใหญ่แล้ว ตัวเองก็เก็บสะสมไว้ไม่น้อยเช่นกัน

ดังนั้นกล่องหลายสิบใบของเหล่าชนชั้นสูงผู้มีอำนาจนับว่ายังน้อยนัก

ขณะที่จินเผิงกำลังเตรียมจะเอ่ยปากของยื้อเวลาออกจากวังหลวง เซียวเฉวียนก็ชิงกล่าวเสียก่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “จริงสิ ท่านแม่ทัพ ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องป่าวประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน”

กล่าวจบเซียวเฉวียนก็ล้วงหยิบหนังสือของอาณาประชาราษฎร์ที่เขาเตรียมไว้นานแล้วออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนเปิดออก ตัวอักษรสีดำปรากฏอยู่บนกระดาษสีขาวว่า “หนังสือร้องทุกข์ของเหล่าราษฎร์” อย่างเด่นชัด

จินเผิงกวาดตามองรอบหนึ่ง แม้จะยังไม่ได้อ่านเนื้อหาอย่างจริงจัง แต่ก็พาให้หัวใจของเขาเต้นระส่ำ

หนังสือร้องทุกข์ของเหล่าราษฎร์ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

เขาอ่านอีกครั้ง ซึ่งมีการเขียนอธิบายไว้ว่า ‘จินเผิงท่านแม่ทัพผู้พิทักษ์รัฐมู่อวิ๋น ได้สมคบคิดกับเหล่าชนชั้นสูงผู้มีอำนาจในท้องถิ่นรุกล้ำชาวบ้าน ของให้ศาลปฏิบัติเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด!’

เมื่อมองลงไปด้านล่าง จะเห็นเป็นรอยนิ้วมือเปื้อนเลือดประทับอยู่บนชื่อของตัวเอง

นี่สินะที่เรียกว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็ต้องทำให้พวกเขาเชื่อโดยไม่ต้องพูดสิ่งใด

เซียวเฉวียนเลิกคิ้วสูง ก่อนเอ่ยว่า “เรื่องที่ทำกันอยู่ดูไม่สมเหตุสมผลสักนิด ข้ายังต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้พวกเจ้าด้วย”

กล่าวจบ เซียวเฉวียนก็ตะโกนออกไป “ไป๋ฉี เจินฮ่าว อู๋อิ่ง เหล่าผู้นำของเหล่าราษฎร์จะได้รับการตรวจสอบหาความบริสุทธิ์ก่อน”

ทุกคนต่างเข้าจวนด้วยตัวเอง และเห็นกับตา หากวังไม่มีเงินก้อนโตอย่างที่พวกเขาวาไว้ เท่ากับว่าพวกเขาลบหลู่จินเผิง ถึงตอนนั้นเซียวเฉวียนจะให้เหล่าราษฎร์กล่าวขอโทษจินเผิง

“ท่านแม่ทัพ ท่านดูสิ เป็นอย่างไร?” เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยสีหน้าชอบธรรม จินเผิงเจ้าวางใจเถอะ ข้าเซียวเฉวียนไม่มีวันยอมให้ใครมาลบหลู่คนดี ๆ แน่นอน ตราบใดที่ซื่อสัตย์ ข้าจะสิบหาความบริสุทธิ์มาให้จงได้”

แน่นอนว่าเซียวเฉวียนไม่มีทางปล่อยคนชั่วไปแน่!

ถ้าจินเผิงทำเรื่องเหล่านั้น วันนี้ชีวิตของเขาก็ถึงคราวอวสานเช่นกัน!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงจะคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างราษฎร์และจินเผิงได้ บ้านเมืองจะไม่สงบเชียวหรือ?

นี่...จินเผงจะตอบหรือไม่ตอบไม่สำคัญ เพราะอย่างไรก็ขึ้นหลังเสือไปแล้ว

คนทั่วไปพอได้ยินคำพูดของจินเผิง อาจจะเห็นแก่หน้าจินเผิงเลยยังถนอมน้ำใจบ้าง

ว่ากันว่า การได้ถนมน้ำใจกันอาจจะได้เจอกันอีกในสักวัน

ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นสหายร่วมงานกัน ไม่จำเป็นต้องตึงเครียดเพียงเพื่อราษฎร์

ตราบใดที่จินเผิงหลบเลี่ยงครานี้ได้ จินเผิงก็ไม่มีทางติดหนี้เซียวเฉวียน

ใครจะไปรู้ว่าเซียวเฉวียนกลับไร้เหตุผลเช่นนี้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย