อ่านสรุป บบที่ 1333 ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้ จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บบที่ 1333 ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
คนที่ออกไปจากที่นี่ ตั้งแต่ได้เจอเงินก่อนโต ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เวรเอ๊ย !
ความยากจนจำกัดจินตนาการจริง ๆ
ความมั่งคั่งของที่นี่มากเกินพรรณนา มากเสียจนแม้แต่คนธรรมดาก็ยังไม่กล้าจินตนาการ
ทันทีที่เข้ามาในวังก็เหมือนกับเจอโลกกว้าง
โลกที่เปิดกว้างนี้ทำให้ชาวบ้านพากันตกตะลึงไม่ได้สติ...
เมื่อเห็นภูเขาทองภูเขาเงินตรงหน้า เซียวเฉวียนก็เกิดความกังวลเล็กน้อย
ทรัพย์สมบัติที่ปล้นมาจากรัฐมู่อวิ๋นแห่งนี้จะจัดสรรปันส่วนได้อย่างไร?
จะจัดการได้อย่างไร?
“ขึ้นอยู่กับเจ้า ว่าจะจัดการสมบัติเหล่านี้อย่างไร?” เซียวเฉวียนครุ่นคิด จากนั้นก็โยนปัญหาไปทางเจินฮ่าว
โดยทั่วไปแล้วสมบัติมากมายเพียงนี้ควรถวายแด่ฮ่องเต้ไปเก็บไว้ในท้องพระคลัง
แต่ถ้าส่งมอบไปแล้ว การจะนำคืนกลับมาให้ชาวบ้านอีกครั้งเกรงว่าคงยาก
ตั้งแต่โบราณกาลมา หลังจากที่เงินจากการตรวจค้นบ้านเรือนถูกยึดเข้าท้องพระคลังไปแล้วล้วนกลายเป็นเงินเดือนและเสบียงอาหารไม่สามารถคืนราษฎร์ได้อีก
แต่ถ้าไม่ส่งมอบ เซียวเฉวียนฆ่าเว่ยเชียนชิวโดยพลการ ทั้งยังปล่อยให้เขาจัดการเงินทองโดยพลการ ฮ่องเต้ไม่ความคิดอย่างไร ไม่ต้องพูดก็เข้าใจ
เรื่องใหญ่เพียงนี้ เซียวเฉวียนไม่เคยปรึกษาใครมาก่อน จัดการเองทุกอย่าง ฮ่องเต้จะทรงไม่พอพระทัยก็เป็นเรื่องปกติ
ก็ใช่ว่าเซียวเฉวียนจะกลัวปัญหา แต่กลับเป็นความปัญหาที่ไม่จำเป็น เซียวเฉวียนไม่อยากมีปัญหา
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือการกระจายสินค้าที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย
เจินฮ่าวก็เคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาจมอยู่ในความคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ขึ้นอยู่กับข้า เช่นนั้นก็รายงานต่อศาลเถอะ”
จิตใจฮ่องเต้ในอดีตยากเกินจะคาดเดา จิตใจคนเราก็ยากไม่แพ้กัน ระวังใจไว้บ้างไม่ใช่เรื่องเสียหาย
“ดี เช่นนั้นก็เอาตามที่เจ้าพูดละกัน” เซียวเฉวียนพยักหน้าออกคำสั่ง “ไป๋ฉี หลังจากพาทหารไปตรวจสอบที่นี่เรียบร้อยแล้ว ให้เข้าค้นบ้านของตระกูลเศรษฐีคนอื่น ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดแม้แต่คนเดียว”
ในเมื่อเซียวเฉวียนมาถึงรัฐมู่อวิ๋นแล้ว เซียวเฉวียนไม่มีวันปล่อยใครให้เล็ดลอดสักคนหรอก
“ขอรับ!นายท่าน!” ไป๋ฉีตอบรับ
เวลานี้ไป๋ฉีที่ติดตามเซียวเฉวียนมาตลอดก็ได้สติในที่สุด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “พูดเช่นนี้ ก็แสดงว่าเงินเหล่านี้จะไม่คืนกลับมาหาเราอีกแล้วใช่หรือไม่?”
แม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่เซียวเฉวียนก็ได้ยินชัดเจน
เซียวเฉวียนเอ่ยปลอบใจ “พวกเจ้าวางใจเถอะ แม้ว่าเงินเหล่านี้จะถูกส่งมอบให้กับราชสำนัก แต่ทางราชสำนักจะให้คำตอบที่พวกเจ้าพอใจอย่างแน่นอน”
หลังจากที่เว่ยไป๋จักรพรรดิแห่งรัฐมู่อวิ๋นถูกเนรเทศ สิบปีต่อมา ชนชั้นสูงผู้มีอำนาจต่างพากันขูดรีดขูดเนื้อและเอาเปรียบพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ถ้าไม่ใช่เพราะหมดความอดทน พวกเขาคงไม่มีทางคัดค้าน
ช่วงที่เกิดความโกลาหลนี้ ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยพากันบาดเจ็บล้มตาย พวกเขาต่างก็โศกเศร้าไม่น้อย
พอคิดได้ พวกเขาก็เอ่ยเสียงต่ำว่า “ช่างเถอะ ตราบใดที่ลากคออันธพาลอย่างจินเผิงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ ข้าก็พอใจแล้ว”
ส่วนเรื่องอื่น ๆ แล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิตเถอะ!
เซียวเฉวียนพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะลงโทษจินเผิงและคนอื่นให้ได้ ส่วนเรื่องเงินเหล่านี้ ข้าจะนำเรื่องนี้กราบทูลฮ่องเต้ ฝ่าบาททรงเฉลียวฉลาด ไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวังแน่นอน”
เวลานี้คำพูดที่สวยหรูของเซียวเฉวียนได้ปลอบประโลมจิตใจของราษฎร์ได้ไม่น้อย และถือโอกาสลงคะแนนให้กับฮ่องเต้ไปในตัวด้วย
คิดไปคิดมา ฮ่องเต้ควรใช้วิธีการลดภาษีมาลดภาระให้กับราษฎร์ ให้ชีวิตของพวกเขากลับมาสู่เส้นทางเดิม
ถูกต้อง ต่อมาฮ่องเต้ก็ใช้วิธีนี้จริง ๆ ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งลดภาษีให้รัฐมู่อวิ๋นเป็นเวลา 5 ปี!
ให้เวลาพวกเขา 5 ปี ก็พอแล้ว
คำสั่งนี้ทำให้ราษฎร์ในรัฐมู่อวิ๋นพอใจมาก
ส่วนเรื่องของจินเผิงและคนอื่น เซียวเฉวียนได้ออกคำสั่งตั้งแต่วันนั้น มัดพวกเขาไว้และโยนให้ราษฎร์ ให้พวกเขารุมประชาทัณฑ์และระบายอารมณ์ความเกลียดชังออกมา
สุดท้าย จินเผิงและคนอื่นก็ถูกราษฎร์รุมกระทืบจนตาย
วิธีการนี้สร้างความพึงพอใจให้ราษฎร์ไม่น้อย
ความโกลาหลในรัฐมู่อวิ๋น จบลงด้วยการตายของจินเผิงและคนอื่น
ตอนนี้ รัฐมู่อวิ๋นต้องใช้องครักษ์ของเซียวเฉวียนมาคุ้มครองอีกหรือ?
ไร้สาระสิ้นดี!
ใต้หล้านี้ใครบ้างไม่รู้ว่าไป๋ฉีจงรักภักดีต่อเซียวเฉวียนเพียงใด?
แค่เซียวเฉวียนอ้างปากพูด ไป๋ฉีก็ไม่กล้าขัดแล้ว
การยำรัฐมู่อวิ๋นให้ไป๋ฉี ก็เท่ากับว่ารัฐมู่อวิ๋นแห่งนี้ตกไปอยู่ในมือของเซียวเฉวียนนะสิ?
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะทรงพระราชทานรัฐมู่อวิ๋นให้ไป๋ฉีไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” ในตอนนี้เองขุนนางอีกคนเอ่ยแนะนำ “ได้โปรดฝ่าบาททรงพิจารณ์อีกครั้งเถอะ!”
“หม่อมฉันเห็นด้วย!”
“.....”
“.....”
บนพระตำหนักฉางหมิง เหล่าขุนนางทั้งหลายพากันคุกเข่า คัดค้านเรื่องที่ไป๋ฉีจะเข้ามาดูรัฐมู่วิ๋น!
ภาพนี้ ฮ่องเต้ทรงอยากคิดมาแล้ว
ฮ่องเต้นั่งอยู่บนพระที่นั่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก สายตามองไปยังกลุ่มคนเป็นเงาดำด้านล่างไม่วางตา กระทั่งเขาเอ่ยว่า “เรื่องนี้ ข้าตัดสินใจแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ตามนี้”
“ฝ่าบาท!”
มีขุนนางอยากจะคัดค้าน
แต่ทันทีที่ฮ่องเต้ทรงลุกขึ้น เขาก็เดินออกจากพระตำหนักฉางหมิงไปโดยไม่ตรัสสักคำ
ขุนนางด้านล่างพากันส่งเสียงฮือฮา พร้อมกับรู้สึกสับสนในใจ
ความจริงแล้วความกังวลของขุนนางก็ใช่ว่าฮ่องเต้จะไม่เคยคิดมาก่อน
ความสามารถในตอนนี้ของเซียวเฉวียน ถ้าเขามีใจก่อกบฏ ใครจะต้านทานเขาได้?
ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำของเซียวเฉวียน ถ้าเขามีใจต่อต้าน เขามุ่งไปจัดการเจ้าตัวโดยไม่อ้อมค้อมแน่นอน
จะว่าไปแล้ว เซียวเฉวียนไม่อยากไปราชสำนักด้วยซ้ำ ถ้าเขาต้องอยู่ในพระราชวังทุกวัน ตื่นเช้ามาจัดการภารกิจที่ยังไม่เสร็จในทุกวัน คงลำบากว่าให้เขาอยู่ในคุกเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...