คนเหล่านั้นต่างคิดว่าเซียวเฉวียนมีใจคิดก่อกบฏ กลัวว่าเซียวเฉวียนคือคนทรยศต่อฮ่องเต้ ทุกคนต่างคิดมากไปต่าง ๆ นานา
ซึ่งขุนนางเหล่านั้นล้วนแต่อวดดีกันทั้งนั้น ไม่ว่าฮ่องเต้จะทรงตรัสอย่างไร พวกเขาล้วนแต่ไม่ฟัง สู้ไม่พูดอะไรเสียจะดีกว่า ดังนั้นฮ่องเต้เองก็ไม่ได้โทษกล่าวพวกเขา
หลังจากที่ฮ่องเต้เสด็จกลับมาถึงห้องหนังสือ ก็ได้ยินว่าฉินซูโหรวขอเข้าพบ
ฉินซูโหรวไม่ได้เข้าวังมานานแล้ว จู่ ๆ ก็เข้าวัง คงมีเรื่องด่วนแน่นอน
“ประกาศออกไป” ฮ่องเต้ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ทันใดนั้นฉินซูโหรวก็เดินเข้ามาอย่างสง่างาม จากนั้นก็ทำความเคารพ
ฮ่องเต้ขยิบตาให้ขันทีปราดหนึ่ง ส่งสัญญาณให้พวกเขาถอยออกไป
ขันทีเข้าใจทันที เขายกมือข้างหนึ่ง ส่งให้ทุกคนถอยออกไป
ที่นี่ไม่ใช่ใครคนอื่น ฮ่องเต้มองไปทางฉินซูโหรวด้วยสายตาอ่อนโยนแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “โหรวเอ๋อ นั่งเถอะ ไม่ต้องมากพิธี”
ฉินซูโหรวกลับไม่ได้เกรงใจ มองหาตำแหน่งที่ใกล้ฮ่องเต้ที่สุดแล้วนั่งลง จากนั้นก็เอ่ยว่า ขอบพระทัยเสด็จลุงฮ่องเต้”
มารยาทที่ควรมีก็พึงมีแล้ว ถึงเวลาเข้าสู่ประเด็นหลักเสียที
ยังไม่ทันรอให้ฮ่องเต้เอ่ยถามว่าฉินซูโหรวมีธุระอะไร ฉินซูโหรวชิงเอ่ยก่อน “เสด็จลุงฮ่องเต้ โหรวเอ๋อมีเรื่องอยากกราบทูล หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษโกรธโหรวเอ๋อ”
“อ่า? เจ้าว่ามาสิ” นับตั้งแต่ฉินซูโหรวออกจากวังเย็นมา นางแทบไม่ได้ติดตามฮ่องเต้ และไม่ได้เข้าวังเลย
ทันทีที่เข้ามา ก็พูดเรื่องจริงจังเช่นนี้ พอได้ฟังความปรารถนาของนาง เรื่องนี้ไม่เล็กเลยทีเดียว
ฮ่องเต้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ช่วงนี้เมืองหลวงยังคงเงียบสงบ
ยิ่งทำให้ฮ่องเต้อยากรู้มากขึ้น
ฮ่องเต้ไม่ทราบเรื่องที่ฉินซูโหรวไปรัฐมู่อวิ๋น
ดังนั้นในตอนที่เขาได้ยินฉินซูโหรวบอกว่านางไปรัฐมู่อวิ๋น ฮ่องเต้ก็อดตะลึงงันไม่ได้
นางไปรัฐมู่อวิ๋นทำไม?
“เสด็จลุงฮ่องเต้ โหรวเอ๋อ....” พอเอ่ยถึงตรงนี้ ฉินซูโหรวก็ปรายตามองด้วยท่าทีขนาดกลัว ก่อนเอ่ยว่า “โหรวเอ๋อไปฆ่าเว่ยเชียนชิวที่รัฐมู่อวิ๋นเพคะ”
กล่าวจบ ฉินซูโหรวก็ขยำผ้าเช็ดหน้าในมือด้วยความกังวล หลุบตามองต่ำ ไม่กล้าสบตาฮ่องเต้
แน่นอนว่าท่าทีของสตรีผู้นี้ ฉินซูโหรวเสแสร้งแกล้งทำ
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ฮ่องเต้มีอารมณ์แปรปรวนเพราะเรื่องนี้
เมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีผู้อ่อนแอ แม้ว่าฮ่องเต้จะทรงเกี้ยวโกรธ แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนัก ไม่ทำให้ฉินซูโหรวตื่นตกใจ
หากฮ่องเต้จะทรงตัดสินลงโทษ ก็คงลงโทษในสถานเบาที่สุด
ว่าไงนะ!
ฉินซูโหรวฆ่าเว่ยเชียนชิว?
ฮ่องเต้ตะลึงงันเป็นทวีคูณ
ฉินซูโหรวเป็นสตรีผู้อ่อนแอผู้หนึ่ง จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปฆ่าราชาแห่งชาวยุทธิ์แท้อย่างเว่ยเชียนชิว?
ไม่เชื่อ ฮ่องเต้มีท่าทีไม่เชื่อ เขาลองหยั่งเชิงว่า “โหรวเอ๋อ ฝีมือราชครูใช่หรือไม่?”
หากบอกว่าเป็นฝีมือของเซียวเฉวียน ฮ่องเต้ยังพอเชื่อ
ทว่าตอนนี้ยังไม่ทันเปิดโปงที่อยู่ของทหารกลุ่มชาวยุทธิ์แท้ที่แน่ชัด เพื่อควบคุมสถานการณ์ เซียวเฉวียนไม่มีทางฆ่าเว่ยเชียนชิวในเวลานี้แน่นอน
เพราะเหตุนี้ หากบอกว่าเป็นฝีมือของเซียวเฉวียน ก็ยังพอมีความเป็นไปได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...