อ่านสรุป บทที่ 1338 ผิวมืดดำคล้ำ จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1338 ผิวมืดดำคล้ำ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ถึงเวลาไปดูและเผยแพร่มันเทศแล้ว
แล้วก็ถือโอกาสขุดมันเทศที่ปลูกชุดแรกขึ้นมา
เฮ้ ๆ !
หลังจากอธิบายเหตุผลให้ไป่ฉีและเจินฮ่าวฟังแล้ว เซียวเฉวียนก็เตรียมจะไปที่เมืองไป๋ลู่สักเที่ยว
เมืองไป๋ลู่อยู่ไม่ไกลจากเมืองมู่อวิ๋นเท่าไร
ถึงจะไกล เซียวเฉวียนมีวิชาเคลื่อนตัวในพริบตา ไปทีมาทีก็แค่แวบเดียวเท่านั้น
แต่พอได้ยินว่าเซียวเฉวียนกำลังจะจากเมืองมู่อวิ๋นไป ไป่ฉีฟังดูเหมือนเซียวเฉวียนไปแล้วจะไม่กลับมาอีกเลยอย่างนั้น เขาประกาศว่าเขาก็จะตามไปด้วย ว่าที่นี่มีเจินฮ่าวรักษาการ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่
ใครจะไปรู้ว่าเจินฮ่าวก็เป็นคนที่ไม่ชอบเป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการ แต่เพราะคำสั่งขององค์จักรพรรดิ เขาไม่อาจฝ่าฝืนได้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำไปตามนั้น
เจินฮ่าวอยากไปเที่ยวยิ่งกว่าไป่ฉีซะอีก ไป่ฉีเป็นแม่ทัพตัวหลัก จะผลักความรับผิดชอบให้คนอื่นหรือ ?
ไม่มีทาง !
“แม่ทัพไป่ ไม่ได้ ท่านมีฐานะเป็นแม่ทัพตัวหลัก เป็นกระดูกสันหลังของเมืองมู่อวิ๋น ความวุ่นวายเพิ่งจะสงบ หากท่านไม่อยู่ ข้าจะรับมือไม่ไหว” เจินฮ่าวประท้วง
ถึงจะรับมือได้ ก็ต้องบอกว่ารับมือไม่ได้
ถ้าไป ก็ต้องให้เจินฮ่าวตามเซียวเฉวียนไป ถึงตาของไป่ฉีไปตั้งแต่เมื่อไร ?
ฮิ ๆ
ไป่ฉีเป็นเด็กใจซื่อ พอได้ฟังคำพูดจาฉะฉานของเจินฮ่าวแล้ว รู้สึกว่าเขาก็พูดมีเหตุผล แต่ฟังไปฟังมา ก็รู้สึกมีอะไรคลุมเครือแอบแฝงอยู่
ไป่ฉีคิดทวนแล้วทวนอีก ก็ตระหนักได้ว่า จะมีอะไรในเมืองมู่อวิ๋นนี้ที่เจินฮ่าวไม่สามารถรับมือได้ล่ะ
มีชาวประชารักใคร่นับถือขนาดนั้น !
ไป่ฉีเกือบจะถูกเขาหลอกซะแล้ว
แต่ว่า เห็นเซียวเฉวียนไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ดูเหมือนไม่อยากให้ไป่ฉีตามเขาไป
จริงด้วย เซียวเฉวียนพูดอย่างใจเย็น "ไป่ฉี เจ้ามีฐานะเป็นแม่ทัพแห่งเมืองมู่อวิ๋น มีคำสั่งขององค์จักรพรรดิติดตัว เจ้าควรให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานของเมืองมู่อวิ๋นเป็นหลัก เข้าใจไหม ?"
ยังคิดจะเป็นเหมือนเด็กตามตูดเซียวเฉวียนอยู่งั้นหรือ ?
คิดมากไปแล้ว
เซียวเฉวียนกล่าวว่าจนไป่ฉีก้มหน้าลงด้วยความอับอายและพูดว่า "ขอรับ เจ้านาย !"
ฟังดูสิ ยังไม่เปลี่ยนวิธีการเรียกอีก
เซียวเฉวียนย้ำอีกที "เรียกข้าว่าใต้เท้าเซียว !"
“ขอรับ ใต้เท้าเซียว !” ไป่ฉีเบิกตาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
พูดตามตรง เรียกเจ้านายจนเคยชิน จู่ๆ จะให้เขาเปลี่ยนวิธีเรียก ไม่ถนัดเลยนะ
แต่เป็นคำสั่งของเจ้านาย ฝ่าฝืนไม่ได้
ใช่แล้ว ในใจของไป่ฉี เซียวเฉวียนก็ยังเป็นเจ้านายของเขา !
หลังจากปลอบใจไป่ฉีแล้ว เซียวเฉวียนก็จะออกเดินทางไปที่เมืองไป๋ลู่ทันที
จังหวะที่เซียวเฉวียนกำลังจะก่อเกิดพลังจิต เจินฮ่าวก็เบียดตัวเข้ามาและพูดด้วยใบหน้ายิ้มคิกๆ "พี่เซียว พาข้าไปด้วยสิ"
เขาก็อยากจะไปดูว่ามันเทศที่เซียวเฉวียนพูดนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร
ได้ยินเจินฮ่าวพูดมาเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็มองไปที่เจินฮ่าวอย่างสงสัย มองจนเจินฮ่าวรู้สึกแปลกและเขินอาย "พี่เซียว เกิดอะไรขึ้น? การแต่งหน้าของข้าเลอะเทอะไปหรือเปล่า ?"
เมื่อคิดว่าเครื่องสำอางของเขาอาจมีบกพร่องบนใบหน้า เจินฮ่าวตื่นตระหนกตกใจ รีบหยิบกระจกทองแดงอันประณีตออกมาส่องดูแล้วพึมพำ "ไม่นี่ ยังดูดีอยู่เลย"
เซียวเฉวียนพูดอย่างเงียบ ๆ "ไม่พาไป เจ้าต้องทำหน้าที่ผู้ช่วยให้ไป่ฉี"
“มีอู๋อิ่งอยู่ ข้าไม่มีอะไรทำ” เจินฮ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้มร่าเริง
อู๋อิ่งรู้อะไรต่อมิอะไรมากกว่าเจินฮ่าวเยอะ เจินฮ่าวจะอยู่หรือไม่อยู่ ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
ดูเหมือนว่าจะมีเหตุมีผลไม่น้อย
แต่ในฐานะเป็นรองแม่ทัพ จะไปไหนต้องขอความคิดเห็นของหัวหน้ามิใช่หรือ ?
มันเป็นกฎ
ดังนั้น เจินฮ่าวจะไปได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถโน้มน้าวไป่ฉีได้หรือไม่
สำหรับตัวไป่ฉี ก็ยุติธรรมดีนะ
เซียวเฉวียนจะไม่ดูแลความรู้สึกของไป่ฉีก็ไม่ได้ ที่จะพาเจินฮ่าวไปด้วย
หากได้รับอนุญาตจากไป่ฉี มันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หลังจากเจินฮ่าวได้ยิน ก็ยิ้มเบาๆ พูดว่า "ได้เลย"
ดูแขนของพวกเขาสิ ดูแข็งแกร่งกว่าเมื่อสามเดือนที่แล้วมาก !
เด็กเนื้ออ่อนเปลี่ยนมาเป็นชายอาบแดดไปซะแล้ว
แสงแดดเต็มใบหน้า
ฮ่า ๆ ๆ !
การปล่อยให้พวกเขามาทำงานในเมืองไป๋ลู่นี้ถือเป็นทางเลือกที่ฉลาดจริงๆ !
จะดูว่าต่อไปนี้ พวกเขายังจะกล้าดูถูกชาวบ้านทั่วไปที่ทำงานตามท้องไร่ท้องนาอีกหรือไม่ !
การใช้แรงงาน เป็นยาวิเศษที่รักษาอาการอวดรู้อวดเก่งได้ทุกชนิดจริงๆ !
มีสรรพคุณดีเยี่ยม !
เซียวเฉวียนพอใจ !
จากนี้ไป นักเรียนในโรงเรียนชิงหยวนจะให้มีชั่วโมงฝึกแรงงานครึ่งวันทุกสัปดาห์ เพื่อให้พวกเขาจะได้สัมผัสกับเกียรติภูมิของการใช้แรงงานด้วย
โดยเฉพาะลูกหลานที่มาจากครอบครัวชนชั้นสูง ยิ่งจำเป็นต้องฝึกฝนในด้านนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่รู้ว่าอาหารในจานนั้นเมล็ดข้าวแต่ละเม็ดได้มายากเย็นแค่ไหน
มาดัดนิสัยที่เลวทรามของพวกเขาที่เอะอะก็จะคว่ำโต๊ะทุกครั้ง
เซียวเฉวียนรู้สึกยินดีที่เห็นเขาเหน็ดเหนื่อยมาเช่นนี้ เห็นว่าความตื่นเต้นเพลาลงแล้ว เซียวเฉวียนจึงพูดอย่างราบเรียบ "ข้าจะมาดูว่ามันเทศเติบโตไปถึงไหนแล้ว"
เซียวเฉวียนมองไปทีหนึ่งเห็นว่าเถามันเทศบนพื้นไร่นั้นเขียวชอุ่มและเติบโตได้ดีมาก
“เป็นไง ? ชาวบ้านในเมืองไป๋ลู่ได้รับเถามันเทศบ้างหรือยัง ?” เซียวเฉวียนถามเฉย ๆ
อาสือบอกว่าเมื่อเห็นว่าเถามันเทศเจริญเติบโตดีแล้ว พวกเขาก็จะตัดออกแล้วแจกจ่ายให้ชาวบ้านในท้องถิ่นนำไปปลูก
แพร่กระจายด้วยวิธีนี้ ผู้คนในพื้นที่ใกล้เคียงส่วนใหญ่มีเถามันเทศแล้ว
รออีกสองสามเดือน คาดว่าจะได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองไป๋ลู่
ปัญหาความหิวโหยอดอยากในเมืองไป๋ลู่จะได้รับการแก้ไขในอีกไม่ช้านี้
หลังจากฟังรายงานของอาสือแล้ว เซียวเฉวียนก็พูดว่า "ทำได้ดีมาก !"
เจินฮ่าวมองเถามันเทศตรงหน้านี้ พูดอย่างสงสัย "พี่เซียว นี่หรือมันเทศที่ท่านพูดถึง ?"
เมื่อมองดูแล้วเห็นแต่เถาวัลย์ ดูไม่ออกว่ามีอะไรพิเศษ จะแก้ไขปัญหาปากท้องได้อย่างไร ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...