สำหรับองค์หญิงและเซียวหมิงชิว เซียวเฉวียนต้องหาที่อื่นให้พวกเธอปักหลัก
ส่วนมู่จิ่น เขามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมติดตัวแถมมีปืนพก จึงมีเครื่องป้องกันตัวสองชั้น
อีกอย่าง ตอนนี้เขาอยู่กับเจี้ยนจงทุกวัน จึงมีเจี้ยนจงคอยคุ้มครอง เขาไม่มีปัญหาที่จะอยู่ในจวนเซียว
เพียงแต่ว่า เซียวเฉวียนนึกไม่ออกว่า ที่ไหนจะเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับองค์หญิงและเซียวหมิงชิวหลบซ่อนตัว
ในเวลานี้เอง ในวังมีคนมา และคนที่มาก็คือเม่ยซี
เม่ยซีออกจากวังเที่ยวนี้ แค่พาสาวใช้มาคนเดียว
ในช่วงเกิดความวุ่นวายในวัง เม่ยซีถูกไทเฮาอีนางแม่มดทำให้เสียโฉม
ยังดีที่เม่ยซีอายุยังน้อย เป็นคนกำเนิดมาจากไพร่ชาวคุนหลุน บาดแผลฟื้นสภาพเก่งอยู่แล้ว เมื่อรวมกับยาทาเครื่องสำอางที่พัฒนาโดยแพทย์หลวง หลังจากพักฟื้นไม่กี่เดือน บาดแผลบนใบหน้าของเธอก็เกือบจะหายดีแล้ว รอยแผลที่ทิ้งไว้ก็ไม่ลึก ถ้าไม่สังเกตก็แทบจะมองไม่เห็น
ดังนั้นเวลานี้โฉมหน้าของเม่ยซีแม้จะไม่งามชนิดล่มชาติถล่มเมืองเหมือนตอนแรก แต่เธอก็ยังคงดูเป็นหญิงงดงาม ยังเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิเช่นเดิม
เธอออกจากวังครั้งนี้ ประการแรกเธอจะกลับมาเยี่ยมจวนเซียว ประการที่สองเธออยากจะมาขอบคุณเซียวเฉวียนต่อหน้าเองสำหรับการอุ้มชูไป่ฉี
ยิ่งกว่านั้น เม่ยซีก็ไม่ได้กลับมาที่จวนเซียวนานมากแล้ว
มองดูเม่ยซีก้าวข้ามประตูเข้ามาอย่างงดงาม เห็นว่าใบหน้าของเธอไม่ได้เลวร้าย เซียวเฉวียนก็โล่งใจ
ว่าไปแล้ว เซียวเฉวียนก็รู้สึกผิดต่อเม่ยซีเช่นกัน เขารู้ว่าตอนนั้นเม่ยซีทำเพื่อช่วยพวกเขา จึงถูกไทเฮาอีแม่มดนั่นทำร้ายจนเกือบเสียโฉม
เสียโฉมสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ก็เสมือนกับมาควักหัวใจและสูดเลือดของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น เม่ยซียังเป็นผู้หญิงขององค์จักรพรรดิ ในวังหลังขององค์จักรพรรดิมีสาวงามเป็นพัน จะได้รับความโปรดปรานต้องอาศัยโฉมหน้าเท่านั้น
หากโฉมหน้าของเม่ยซีฟื้นฟูกลับมาไม่ได้ ชีวิตของเธอก็สลายไปเลย
ในที่สุด เทพเจ้าก็ยังทรงโปรดปรานเม่ยซี
”เม่ยซี มาได้ยังไงนี่” เซียวเฉวียนเหลือบมองเม่ยซีเรียบ ๆ
สายตาที่มองมา ดูจนเม่ยซีอดไม่ได้ที่จะสะอึก
หลังจากความวุ่นวายในวังจบลง เม่ยซีไม่ได้พบเซียวเฉวียนอีกเลย
คิดไม่ถึง พอได้พบครั้งนี้ รูปร่างของเซียวเฉวียนก็สูงใหญ่และแข็งแรงขึ้นไม่ว่า พลังเยือกเย็นในตัวเขาก็ดูดุดันกว่าเดิมมาก !
บุคลิกโดยรวมดูแล้วน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ สัญลักษณ์สีแดงระหว่างคิ้วของเซียวเฉวียนก็หายไปแล้ว เม่ยซีไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนใช้อะไรลบไป หรือว่ามันหายไปแล้วจริงๆ
สัญลักษณ์ระหว่างคิ้วของเซียวเฉวียนเขาได้ใช้แป้งสำอางทาปิดแล้วตอนไปที่ภูมิภาคตะวันตก ต่อมาเซียวเฉวียนก็เริ่มชินกับมัน จึงปิดบังสัญลักษณ์ไว้อยู่อย่างนั้น หลีกเลี่ยงใครบางคนที่จะเอาสัญลักษณ์นั้นมากล่าวครหา
เม่ยซีก็เป็นคนที่เคยประสบลมพายุคลื่นแรงมาก่อน เธอกลับมามีสติอย่างไวและพูดอย่างนิ่งสงบ "เม่ยซีคิดว่าไม่ได้กลับมาจวนเซียวนานแล้ว อยากกลับมาเยี่ยม และถือโอกาสขอบคุณท่านราชครูสำหรับบุญคุณที่อุ้มชูพี่ชายด้วย”
เซียวเฉวียนเป็นผู้ช่วยชีวิตพี่ชายและน้องสาวออกจากขุมเปลวเพลิงของอ้านย้วนนั่น บุญคุณนี้ พี่น้องสองคนนี้ไม่มีวันที่จะลืมเลือน
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนใจดีกับพวกเขาพี่น้องอย่างมาก ทั้งยังแสวงหาตำแหน่งแม่ทัพให้กับไป่ฉีอีกด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น เม่ยซีและไป่ฉีไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ไป่ฉีติดตามเซียวเฉวียนแค่ปีเศษ ๆ ก็ก้าวกระโดดสู่ประตูมังกรได้เป็นแม่ทัพแห่งเมืองมู่อวิ๋น
ด้วยเหตุเช่นนี้ สถานะของเม่ยซีในวังก็ได้ขยับสูงตามขึ้นไป
เซียวเฉวียนมีบุญคุณต่อเม่ยซีและไป่ฉีอันใหญ่หลวงนี้ เม่ยซีทราบดีว่า ไม่สามารถตอบแทนได้ด้วยคำขอบคุณเพียงคำเดียว แต่ถึงกระนั้น ยังดีกว่าไม่พูดอะไรเลย
เซียวเฉวียนกล่าวว่า "ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ด้วยกำลังของไป่ฉีเอง เขามีความสามารถพอที่จะรับเป็นแม่ทัพนี้ได้"
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไป่ฉีได้เป็นเช่นทุกวันนี้ ล้วนได้มาด้วยกำลังของเขาเอง
และเซียวเฉวียนก็เป็นแค่ส่งเสริมเท่านั้นเอง
ว่าไป ไป่ฉีติดตามอยู่ข้างกายเซียวเฉวียนนานขนาดนี้ ยอมแม้แต่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเซียวเฉวียน หากจะกล่าวขอบคุณจริงๆ ก็ควรที่จะเป็นเซียวเฉวียนกล่าวกับไป่ฉี
“ท่านราชครูขออย่าได้พูดเช่นนี้เลย ท่านกล่าวมาเช่นนี้ พวกเราพี่น้องแบกรับไม่ไหวจริงๆ” เม่ยซีกล่าวด้วยสีหน้าอันสัตย์ซื่อ
เซียวเฉวียนพูดเรียบๆ "ดังนั้น พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราจึงควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กล่าวขอบคุณกันก็เหมือนเป็นคนนอกไปแล้ว"
เรื่องที่จางเคอหายตัวไป เซียวเฉวียนคิดมาแล้ว
ถ้ำในสถานที่ห่างไกลอย่างนั้น ปกติจะไม่มีใครไปถึงที่นั่น
แต่แล้วจางเคอก็ยังถูกคนช่วยเหลือเอาตัวไปได้
ใครกันแน่ที่มาช่วยชีวิตจางเคอไป เซียวเฉวียนคิดไม่ออกจริงๆ
ตอนนั้น องค์หญิงเห็นว่าเซียวเฉวียนเหมือนกังวลอะไรอยู่ จึงถามเซียวเฉวียนว่าเกิดอะไรขึ้น
ในเมื่อองค์หญิงถาม เซียวเฉวียนก็เล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ให้องค์หญิงฟัง
เมื่อองค์หญิงได้ฟัง เธอก็จำอะไรบางอย่างได้ เธอก็รู้สึกว่าเป็นไปได้มากที่สุด คือหมิงเจ๋อเป็นคนทำ
เนื่องจากเดิมทีเสวี่ยเยี่ยนเคยเป็นสาวรับใช้ส่วนตัวของหมิงเจ๋อ เคยสร้างข้อผูกพันกับหมิงเจ๋อไว้
นั่นหมายถึงว่าหมิงเจ๋อสามารถสัมผัสรับรู้ว่าตัวเสวี่ยเยี่ยนไปอยู่ที่ไหน
ข้อผูกพันที่ว่านั้น เทียบได้กับพิกัดตำแหน่งในยุคสมัยใหม่
สันนิษฐานว่า หมิงเจ๋อก็อาศัยทางนี้มาวินิจฉัยตำแหน่งที่อยู่ขององค์หญิง
สันนิษฐานว่า หมิงเจ๋อคงใจร้อนจะฆ่าเซียวเฉวียน จึงต้องการใช้องค์หญิงและลูกสาวแม่ลูกเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เซียวเฉวียนยอมจำนน
แต่ว่า คนคิดมิอาจสู้ฟ้าลิขิต จางเคอปรากฎตัวมากลางคัน และเซียวเฉวียนก็เคลื่อนย้ายองค์หญิงได้ก่อนที่คนของหมิงเจ๋อจะมาถึง
เพราะฉะนั้น ครั้งนี้ เสวี่ยเยี่ยนจึงไม่สามารถอยู่ติดตามข้างกายองค์หญิง
มิฉะนั้น มีพิกัดตำแหน่งของเสวี่ยเยี่ยนอยู่ ถึงองค์หญิงไปเก็บตัวหลบอยู่สุดขอบฟ้า หมิงเจ๋อก็ยังหาตัวเจอจนได้
ตอนนั้นไม่ได้คิดรอบคอบ มาคิดตอนนี้ มีความเป็นไปได้ที่จางเคออาจติดตามคนของหมิงเจ๋อไปยังภูมิภาคตะวันตกแล้ว
ไม่งั้น ถ้าเขายังอยู่ในต้าเว่ย เขาคงไม่หายไปชนิดไร้ร่องรอยเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...