น่าเสียดายร่องรอยที่ทิ้งอยู่ในหุบเขาตอนนั้นถูกฝนกระหน่ำซัดพาหายเกลี้ยง จึงไม่สามารถดึงดูดให้เซียวเฉวียนติดใจ
และตอนนี้หุบเขาก็กลายเป็นแอ่งน้ำไปแล้ว ไม่มีใครอ้อมรอบวงกลมใหญ่ขนาดนี้ มาเปลืองแรงมากมายค้นหาในทิศทางนี้อีก
ดังนั้นตอนนี้นักปราชญ์และกองทัพจึงอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างปลอดภัย
เดินมาตั้งนานแล้ว นักปราชญ์และพวกก็เหนื่อย จึงหยุดพักแรงตรงที่เดิม
นักปราชญ์นั่งขัดสมาธิ เขาใช้โอกาสนี้หลับตาต่อหน้าทุกคน แสร้งบีบนิ้วทำเป็นเร้นลับซับซ้อน พึมพำบางอย่างในปาก ท่องอะไรอยู่นั้นไม่มีใครสามารถฟังเข้าใจได้
พูดให้ถูกคือ ฟังไม่รู้เรื่อง
บีบนิ้วไปบีบนิ้วมา คิ้วของนักปราชญ์แทบย่นจนติดกัน ทุกคนเห็นก็รู้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ไป๋เจวี๋ยและฉินเฟิงซึ่งไม่เข้าใจนักปราชญ์ก็พึมพำต่อกัน
ไป๋เจวี๋ยพูดว่า "ฉินเฟิง เจ้าคิดว่าเจ้านายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หลับตาแป๊บๆ แค่นี้ ก็ฝันร้ายเลยหรือ ?"
ในสายตาของไป๋เจวี๋ย ท่าทางของนักปราชญ์นั้นเหมือนกับกำลังฝันร้ายไม่ผิด
ฉินเฟิงส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าว่าไม่นะ ดูปากเขาสิ ปากของเขายังขยับอยู่ แล้วก็บีบนิ้ว ดูเหมือนว่ากำลังพยากรณ์ดูดวงอยู่"
แต่ว่า มีเหตุรีบด่วนถึงขนาดนี้ ต้องให้นักปราชญ์มาพยากรณ์ดูดวงถึงในป่าลึกภูเขาร้างแห่งนี้หรือ ?
ฉินเฟิงรู้สึกแปลกในใจ เขาเฝ้าดูท่าทางที่เปลี่ยนแปลงของนักปราชญ์อย่างตาไม่กระดิก
เมื่อฉินเฟิงพูดขึ้นมาเช่นนี้ ไป๋เจวี๋ยก็รู้สึกว่านักปราชญ์เหมือนกำลังคำนวณดูดวงอยู่เช่นกัน เขาจ้องมองนักปราชญ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในขณะที่มองดู เขาไม่ลืมที่จะสะกิดข้อศอกของเสวียนจิ้งที่อยู่ข้างๆ พูดว่า "คุณชายเสวียนจิ้ง เจ้านายทำอะไรอยู่ ? เจ้านายรู้วิชาพยากรณ์ดวงชะตาด้วยหรือ "
เสวียนจิ้งพูดอย่างภาคภูมิใจ "ไม่เพียงแต่รู้ แถมเก่งซะด้วยจะบอกให้ ไม่ใช่โม้ อาจารย์ของข้าก็คือเทวดาเดินดินดีๆ นี่แหละ "
“เก่งขนาดนี้เลยหรือ ? ไม่รู้ว่าท่านกำลังดูกว้าไหนอยู่ตอนนี้” ไป๋เจวี๋ยมีท่าทางร้อนวิชา
อันนี้หรือ......เสวียนจิ้งจะรู้ได้ไงล่ะ ?
เสวียนจิ้งกล่าวว่า "เดี๋ยวรออาจารย์ทำนายดวงเสร็จ เจ้าก็ถามท่านเองได้"
พอเสวียนจิ้งพูดเช่นนี้ ไป๋เจวี๋ยก็เงียบทันทีและมองดูนักปราชญ์ต่อโดยไม่กะพริบตา
ผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ นักปราชญ์ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขายกมือขึ้นแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ไม่แม้แต่จะปรากฏว่ามีบนหน้าผากเบา ๆ
จากนั้นเขาก็แสร้งทำท่าทางดูเหนื่อยล้า ดวงตากวาดดูทุกคนที่อยู่รอบๆ แล้วค่อยๆ เอ่ยปากด้วยเสียงที่หนักหน่วงและโศกเศร้า "ไป๋เจวี๋ย ฉินเฟิง บอกข่าวร้ายให้พวกเจ้าได้ฟัง ท่านเจียนกั๋วถูกคนทำร้ายถึงแก่ชีวิตแล้ว ท่านไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว”
พูดจบ นักปราชญ์ก็ทำหน้าเศร้าโศกมองไปข้างหน้าและบ่นพึมพำ "ท่านเจียนกั๋ว ท่านจะจากไปแบบนี้ได้ยังไง ! ท่านไปแล้ว กองทัพจะทำยังไงดี ?"
”อะไรนะ ? ท่านเจียนกั๋วตายแล้ว ?” ส่วนโค้งสะท้อนของไป๋เจวี๋ยนั้นยาวไปนิด จึงใช้เวลานานในการตอบสนอง เขาพูดด้วยอารมณ์ผิดแปลกอย่างมาก
นักรบแท้คนอื่น ๆ ได้ยินแล้ว ก็ดูตกตะลึงงุนงง
ฉินเฟิงเป็นสายลับ เว่ยเชียนชิวตาย ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว เขาดีใจ แต่แสดงออกให้เห็นไม่ได้
แต่เขาแสร้งทำเป็นเศร้าโศกไม่เป็น ดังนั้นเพื่ออำพรางหูตาของผู้อื่น เขาจึงหลับตาลงและทำเป็นนิ่งเงียบ
แสร้งทำเป็นคิดหนัก คนอื่นจะได้ไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ของเขา และสังเกตไม่เห็นอาการผิดแปลกของเขา
แต่สำหรับนักปราชญ์ เขารู้สึกไหนๆ เล่นละครก็ต้องเล่นให้สมจริง เขาฝืนบีบน้ำตาออกมาได้หลายหยด ดูเหมือนสมจริงมาก ราวกับว่าเขากับเว่ยเชียนชิวคบกันมาลึกซึ้งราวกับมหาสมุทร
บรรดาชายตัวใหญ่สมองเล็กปัญญานิ่มของกองกำลังนักรบแท้คิดอะไรง่ายๆ และไม่ระแวงมีอย่างอื่น พวกเขารู้สึกว่านักปราชญ์เป็นคนมีจิตใจมีคุณธรรมจริงๆ เว่ยเชียนชิวมอบพวกเขาให้กับนักปราชญ์เป็นเรื่องที่ทำถูกแล้ว
ใครๆ ก็อยากติดตามคนที่มีจิตใจดีมีคุณธรรม
เพื่อไม่ให้คนระแวง นักปราชญ์ทำท่าพูดกับตัวเองว่า "ข้ามองเห็นนิมิตผิดแปลกบนท้องฟ้าเมื่อกี้นี้ จึงบีบนิ้วคำนวณดู ไม่คิดว่าจะปรากฏผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...