ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1358

น่าเสียดายร่องรอยที่ทิ้งอยู่ในหุบเขาตอนนั้นถูกฝนกระหน่ำซัดพาหายเกลี้ยง จึงไม่สามารถดึงดูดให้เซียวเฉวียนติดใจ

และตอนนี้หุบเขาก็กลายเป็นแอ่งน้ำไปแล้ว ไม่มีใครอ้อมรอบวงกลมใหญ่ขนาดนี้ มาเปลืองแรงมากมายค้นหาในทิศทางนี้อีก

ดังนั้นตอนนี้นักปราชญ์และกองทัพจึงอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างปลอดภัย

เดินมาตั้งนานแล้ว นักปราชญ์และพวกก็เหนื่อย จึงหยุดพักแรงตรงที่เดิม

นักปราชญ์นั่งขัดสมาธิ เขาใช้โอกาสนี้หลับตาต่อหน้าทุกคน แสร้งบีบนิ้วทำเป็นเร้นลับซับซ้อน พึมพำบางอย่างในปาก ท่องอะไรอยู่นั้นไม่มีใครสามารถฟังเข้าใจได้

พูดให้ถูกคือ ฟังไม่รู้เรื่อง

บีบนิ้วไปบีบนิ้วมา คิ้วของนักปราชญ์แทบย่นจนติดกัน ทุกคนเห็นก็รู้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

ไป๋เจวี๋ยและฉินเฟิงซึ่งไม่เข้าใจนักปราชญ์ก็พึมพำต่อกัน

ไป๋เจวี๋ยพูดว่า "ฉินเฟิง เจ้าคิดว่าเจ้านายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หลับตาแป๊บๆ แค่นี้ ก็ฝันร้ายเลยหรือ ?"

ในสายตาของไป๋เจวี๋ย ท่าทางของนักปราชญ์นั้นเหมือนกับกำลังฝันร้ายไม่ผิด

ฉินเฟิงส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าว่าไม่นะ ดูปากเขาสิ ปากของเขายังขยับอยู่ แล้วก็บีบนิ้ว ดูเหมือนว่ากำลังพยากรณ์ดูดวงอยู่"

แต่ว่า มีเหตุรีบด่วนถึงขนาดนี้ ต้องให้นักปราชญ์มาพยากรณ์ดูดวงถึงในป่าลึกภูเขาร้างแห่งนี้หรือ ?

ฉินเฟิงรู้สึกแปลกในใจ เขาเฝ้าดูท่าทางที่เปลี่ยนแปลงของนักปราชญ์อย่างตาไม่กระดิก

เมื่อฉินเฟิงพูดขึ้นมาเช่นนี้ ไป๋เจวี๋ยก็รู้สึกว่านักปราชญ์เหมือนกำลังคำนวณดูดวงอยู่เช่นกัน เขาจ้องมองนักปราชญ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ในขณะที่มองดู เขาไม่ลืมที่จะสะกิดข้อศอกของเสวียนจิ้งที่อยู่ข้างๆ พูดว่า "คุณชายเสวียนจิ้ง เจ้านายทำอะไรอยู่ ? เจ้านายรู้วิชาพยากรณ์ดวงชะตาด้วยหรือ "

เสวียนจิ้งพูดอย่างภาคภูมิใจ "ไม่เพียงแต่รู้ แถมเก่งซะด้วยจะบอกให้ ไม่ใช่โม้ อาจารย์ของข้าก็คือเทวดาเดินดินดีๆ นี่แหละ "

“เก่งขนาดนี้เลยหรือ ? ไม่รู้ว่าท่านกำลังดูกว้าไหนอยู่ตอนนี้” ไป๋เจวี๋ยมีท่าทางร้อนวิชา

อันนี้หรือ......เสวียนจิ้งจะรู้ได้ไงล่ะ ?

เสวียนจิ้งกล่าวว่า "เดี๋ยวรออาจารย์ทำนายดวงเสร็จ เจ้าก็ถามท่านเองได้"

พอเสวียนจิ้งพูดเช่นนี้ ไป๋เจวี๋ยก็เงียบทันทีและมองดูนักปราชญ์ต่อโดยไม่กะพริบตา

ผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ นักปราชญ์ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขายกมือขึ้นแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ไม่แม้แต่จะปรากฏว่ามีบนหน้าผากเบา ๆ

จากนั้นเขาก็แสร้งทำท่าทางดูเหนื่อยล้า ดวงตากวาดดูทุกคนที่อยู่รอบๆ แล้วค่อยๆ เอ่ยปากด้วยเสียงที่หนักหน่วงและโศกเศร้า "ไป๋เจวี๋ย ฉินเฟิง บอกข่าวร้ายให้พวกเจ้าได้ฟัง ท่านเจียนกั๋วถูกคนทำร้ายถึงแก่ชีวิตแล้ว ท่านไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว”

พูดจบ นักปราชญ์ก็ทำหน้าเศร้าโศกมองไปข้างหน้าและบ่นพึมพำ "ท่านเจียนกั๋ว ท่านจะจากไปแบบนี้ได้ยังไง ! ท่านไปแล้ว กองทัพจะทำยังไงดี ?"

”อะไรนะ ? ท่านเจียนกั๋วตายแล้ว ?” ส่วนโค้งสะท้อนของไป๋เจวี๋ยนั้นยาวไปนิด จึงใช้เวลานานในการตอบสนอง เขาพูดด้วยอารมณ์ผิดแปลกอย่างมาก

นักรบแท้คนอื่น ๆ ได้ยินแล้ว ก็ดูตกตะลึงงุนงง

ฉินเฟิงเป็นสายลับ เว่ยเชียนชิวตาย ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว เขาดีใจ แต่แสดงออกให้เห็นไม่ได้

แต่เขาแสร้งทำเป็นเศร้าโศกไม่เป็น ดังนั้นเพื่ออำพรางหูตาของผู้อื่น เขาจึงหลับตาลงและทำเป็นนิ่งเงียบ

แสร้งทำเป็นคิดหนัก คนอื่นจะได้ไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ของเขา และสังเกตไม่เห็นอาการผิดแปลกของเขา

แต่สำหรับนักปราชญ์ เขารู้สึกไหนๆ เล่นละครก็ต้องเล่นให้สมจริง เขาฝืนบีบน้ำตาออกมาได้หลายหยด ดูเหมือนสมจริงมาก ราวกับว่าเขากับเว่ยเชียนชิวคบกันมาลึกซึ้งราวกับมหาสมุทร

บรรดาชายตัวใหญ่สมองเล็กปัญญานิ่มของกองกำลังนักรบแท้คิดอะไรง่ายๆ และไม่ระแวงมีอย่างอื่น พวกเขารู้สึกว่านักปราชญ์เป็นคนมีจิตใจมีคุณธรรมจริงๆ เว่ยเชียนชิวมอบพวกเขาให้กับนักปราชญ์เป็นเรื่องที่ทำถูกแล้ว

ใครๆ ก็อยากติดตามคนที่มีจิตใจดีมีคุณธรรม

เพื่อไม่ให้คนระแวง นักปราชญ์ทำท่าพูดกับตัวเองว่า "ข้ามองเห็นนิมิตผิดแปลกบนท้องฟ้าเมื่อกี้นี้ จึงบีบนิ้วคำนวณดู ไม่คิดว่าจะปรากฏผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้"

บทที่ 1358 กิ่งต้นหลิ่วโผล่มาอีก 1

บทที่ 1358 กิ่งต้นหลิ่วโผล่มาอีก 2

บทที่ 1358 กิ่งต้นหลิ่วโผล่มาอีก 3

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย