อ่านสรุป บทที่ 1363 เงื่อนไขที่ดึงดูดใจ จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1363 เงื่อนไขที่ดึงดูดใจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ดูมีอำนาจยิ่งนัก!
ดูดีก็ดูดีอยู่ แต่ในใจของเซียวเฉวียนกำลังกระอักเลือด
เจี้ยนจงและมู่จิ่นสองคนนี้ไม่ได้ใช้เงินของตัวเอง จึงพยายามสร้างโดยไม่ตระหนักถึงความรู้สึกของเซียวเฉวียนสักนิด
แค่ปรับปรุงชิงหยวน ก็ใช้เงินของเซียวเฉวียนไปไม่น้อยแล้ว การเปิดรับนักเรียนรุ่นต่อไป เซียวเฉวียนยังต้องจ่ายค่าครองชีพให้กับนักเรียน
ใช้เงินเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำจริง ๆ !
ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวเฉวียนหาเงินเก่ง เซียวเฉวียนจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายมากขนาดนี้ได้อย่างไร
เซียวเฉวียนอดมองไปยังสถานศึกษาชิงหยวนที่แยกแยะรูปแบบไว้อย่างชัดเจนไม่ได้ พลางครุ่นคิดในใจ ใช้เงินไปตั้งเยอะ แต่ก็ออกมาดูดีเชียวล่ะ ไม่ได้แตกต่างจากโรงเรียนที่ในใจของเซียวเฉวียนนัก เงินก้อนนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว
เวลานี้เอง ห้องครัวของชิงหยวนถูกสร้างเสร็จแล้ว
เดิมทีสถานศึกษาชิงหยวนแห่งนี้ก็คล้ายกับหงส์ในฝูงกา ดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย
ในทุกวันจะมีผู้คนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาดูความคืบหน้าของสถานศึกษาชิงหยวนกันไม่น้อย
สิ่งสำคัญคือรูปแบบการก่อสร้างของสถานศึกษาชิงหยวนแห่งนี้ คนต้าเว่ยไม่เคยพบเห็นมาก่อน ดังนั้นจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องใหม่
ในทุกวันจะมีชาวบ้านแวะเวียนกันเข้ามาชมไม่ก็ชะเง้อแลมอง
บัดนี้เมื่อเห็นร่างเงาของเซียวเฉวียนปรากฏขึ้นที่นี่ ก็ยิ่งดึงดูดชาวบ้านให้เข้ามามุงดูมากกว่าเดิม
ชาวบ้านต่างเดินมายืนอยู่ด้านหลังของเซียวเฉวียนด้วยจิตใต้สำนึก และยืนดูสถานศึกษาชิงหยวนไปพร้อมกับเซียวเฉวียน
ในฐานะที่เซียวเฉวียนเป็นประมุขแห่งชิงหยวน การที่สถานศึกษาชิงหยวนถูกสร้างในรูปแบบนี้ จะต้องเป็นคำแนะนำของเซียวเฉวียนแน่นอน
พวกเขาประหลาดใจมากที่สถานศึกษาชิงหยวนกลายมาเป็นแบบนี้ เซียวเฉวียนคิดอะไรอยู่กันแน่
ดังนั้นชาวบ้านที่กำลังซุบซิบนินทาก็เอ่ยขึ้น “ราชครู เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้?”
เซียวเฉวียนรู้ ความหมายของพวกเขาคือเซียวเฉวียนไม่จำเป็นต้องสร้างสถานศึกษาที่ใหญ่ถึงเพียงนี้
มันสิ้นเปลือง
สถานศึกษาชิงหยวนคือโรงเรียนของตระกูลผู้ร่ำรวยในเมืองหลวง มีแค่ลูกหลานของตระกูลที่มีอำนาจและครอบครัวที่มีภูมิหลังดีถึงจะเข้าเรียนได้ ลูกหลานที่มาจากครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะได้เข้าฟัง
สร้างชิงหยวนใหญ่เช่นนี้ ไม่สิ้นเปลืองแล้วจะเรียกว่าอะไร?
แถมยังสร้างถึงสามชั้นอีก
ไม่ใช่สิ้นเปลืองธรรมดาด้วยซ้ำ
เซียวเฉวียนได้ยินก็เอ่ยเสียงเรียบ “สถานศึกษามีไว้สำหรับอ่านหนังสืออยู่แล้ว”
ในเมื่อพูดถึงขนาดนี้ เซียวเฉวียนจึงฉวยโอกาสเอ่ยว่า “ถึงเวลานั้นสถานศึกษาชิงหยวนจะเปิดให้บริการไม่คิดเงิน ต้อนรับนักเรียนทุกคนที่จะเข้ามาสมัครเรียน”
“อีกเรื่อง นอกจากอาหารเที่ยงที่ทางสถานศึกษาบริการแล้ว นักเรียนทุกคนจะได้เงินคนละสองตำลึงเงินด้วย”
ตอนนี้เมืองหลวงเพิ่งจะผ่านวิกฤตใหญ่หลวงมาไม่นาน ชาวบ้านยังไม่ทันได้ฟื้นตัว
เศรษฐกิจฟื้นตัวเมื่อไหร่ คงมีกำลังหาเงินไม่น้อย
อีกอย่างผลผลิตในสมัยโบราณค่อนข้างต่ำ การจะฟื้นตัวกลับมาจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองถึงสามปี
พูดได้ว่าถ้าเซียวเฉวียนไม่เสนอเงื่อนไขนี้ ภายในสองสามปี ชาวบ้านคงจะไม่อยากให้ลูกหลานของตัวเองมาเรียนชิงหยวนแล้วก็ได้
แต่ถ้ามีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สองตำลึงเงินถือว่ามากกว่าเงินเดือนที่ชาวบ้านหามาอย่างยากลำบากเสียอีก
การเล่าเรียนในสถานศึกษาชิงหยวน ไม่เพียงแต่ลูกหลายของตัวเองที่ได้รับความรู้แล้ว ยังได้เงินมากมายอีกด้วย เรื่องดีแบบนี้พวกชาวบ้านไม่พลาดแน่นอน
แต่ในตอนที่เซียวเฉวียนจะรับช่วงต่อจากชิงหยวนนั้น ก็เคยใช้อุบายนี้เช่นกัน แต่ขณะที่นักเรียนกำลังเล่าเรียนอยู่นั้น เซียวเฉวียนยกเลิกเงื่อนไขไม่ได้
ชาวบ้านต่างส่งเสียงฮือฮาเพราะเรื่องนี้
เรื่องนี้ จนถึงตอนนี้ ชาวบ้านก็ยังจำได้
พวกเขามองเซียวเฉวียนอ้าปากตาค้าง มองเซียวเฉวียนเหมือนมองคนไม่ธรรมดา
ในสายตาของพวกเขาเซียวเฉวียนสมองผิดปกติไปแล้ว
เป็นผู้หญิงยิงเรืออย่างไรก็ต้องอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน จะเล่าเรียนหนังสือไปทำไม?
โผล่หน้าทุกวันมาเรียนกับผู้ชายที่ชิงหยวนทุกวัน ผิดศีลธรรมไปตั้งเท่าไหร่
ขณะที่พวกเขาคิดเช่นนี้ ก็ไม่วายตื่นเต้นกับเงื่อนไขของเซียวเฉวียน
ใช่ อยากได้เงินเดือนละสองตำลึงเงิน แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกขัดอยู่ในใจ แต่ก็ยังลังเล
เซียวเฉวียนมองเห็นถึงความลังเลของพวกเขา รู้ว่าความคิดของพวกเขา เซียวเฉวียนเอ่ยวาจาราบเรียบ “วางใจเถอะ ชิงหยวนมีชั้นพิเศษสำหรับสตรี และเชิญอาจารย์ผู้หญิงมาสอนพวกนางโดยเฉพาะ”
ทันทีที่เซียวเฉวียนโพล่งออกไป ชาวบ้านก็ยิ่งลังเลอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่ใช่เพื่อเรื่องอื่น แต่เพื่อเงินสองตำลึงเงินและอาหารมื้อเที่ยง
พวกเขาต่างรู้ดีว่าสตรีเรียนไปก็เท่านั้น พวกเขาสนใจเพียงเงื่อนไขของเซียวเฉวียน
พวกเขาคิดเช่นนี้ ถือว่าพลาดครั้งใหญ่
สตรีที่เล่าเรียนหนังสือจะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร
แม้ว่าสตรีจะลงสอบขุนนางระดับเคอจี่ไม่ได้ แต่สตรีที่เล่าเรียนหนังสือจะทำให้พวกนางมีความรู้
แม้ว่าในอนาคตสตรีจะต้องแต่งงานกับสามีและเลี้ยงลูก แต่ครอบครัวหนึ่งมีนายหญิงที่มีความรู้สึกคน โดยทั่วไปแล้ว ย่อมเก่งกว่าสตรีที่ไร้ความรู้ ทั้งยังช่วยพัฒนาครอบครัวให้ก้าวหน้ามากขึ้น
สตรีที่เล่าเรียนหนังสือไม่เพียงแต่จะมีความรู้ของตัวเองและมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งแล้ว ในอนาคตยังแบ่งเบาภาระของสามีและช่วยสอนลูกให้เติบโตมาเป็นคนดีได้อีกด้วย
ตามหลักเหตุผลแล้ว สตรีที่มีความรู้ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมความก้าวหน้าในกับสังคมอีกด้วย
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงอยากเปิดชั้นสอนสำหรับสตรี
ส่วนอาจารย์ผู้สอนผู้หญิงที่เขาลั่นวาจา เขามีตัวเลือกในใจแล้ว ฉินซูโหรวสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งเมืองหลวงก็หนีไปไหนไม่ได้
ต่อไปเซียวเฉวียนจะสามารถกำหนดปริมาณอาจารย์ที่จะมาสอนผู้หญิงได้ ถ้าฉินซูโหรวคนเดียวสอนไม่ได้ เซียวเฉวียนตั้งใจว่าจะให้ฉินซูโหรวใช้เส้นสายของตัวเองเชิญสตรีจากครอบครัวร่ำรวยมาสอนที่ชิงหยวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...