ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1364

สรุปบท บทที่ 1364 เพ้อเจ้อ: ซูเปอร์ลูกเขย

บทที่ 1364 เพ้อเจ้อ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย

ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1364 เพ้อเจ้อ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เรื่องนี้เซียวเฉวียนได้เอ่ยเกริ่นกับฉินซูโหรวไว้บ้างแล้ว ฉินซูโหรวเองก็ตอบตกลง

ไม่อย่างนั้นเซียวเฉวียนคงไม่พูดเรื่องนี้ในเวลานี้

แม้เซียวเฉวียนจะคิดว่าที่ฉินซูโหรวตอบตกลงเพียงเพราะความสัมพันธ์ของตระกูลฉิน

แต่การหารือก่อนกับทำก่อนแล้วค่อยบอก เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกัน

“ใครยังมีข้อกังวลอะไรอีกไหม?” เซียวเฉวียนมองชาวบ้านที่ยังลังเลด้วยสายตาเรียบเฉย

ลังเลเป็นเรื่องปกติ พวกเขาไม่มั่นใจ เซียวเฉวียนจึงให้เวลาพวกเขา “ข้าจะให้พวกเจ้าลองกลับไปคิดดู แต่จำนวนมีจำกัด ต้องรีบสมัคร”

ข้อมูลการสมัครเหล่านี้ เซียวเฉวียนไม่เพียงแต่จะประกาศทั่วเมืองหลวงแล้ว เขายังวางแผนจะประกาศไปยังเมืองที่อยู่ละแวกใกล้เคียงด้วย”

ตราบใดที่เหล่าผู้เรียนยินยอม สถานศึกษาชิงหยวนจะต้องจัดเตรียมให้เหมาะสมกับผู้เรียนแน่นอน

นักศึกษาที่มีบ้านไกล สามารถพักอาศัยอยู่ในสถานศึกษาชิงหยวนได้ ซึ่งสถานศึกษาชิงหยวนมีห้องพัก

ขณะเดียวกันสถานศึกษาชิงหยวนจะจัดเตรียมอาหารสามมื้อให้กับพวกเขาทุกวัน ทว่านักศึกษาที่อยู่ห้องพักจะต้องทำงานแลกอาหารมื้อเช้าและมือเย็น

แน่นอนว่าสถานศึกษาชิงหยวนไม่ได้ให้พวกเขาทำงานหนัก แค่เก็บกวาดทำความสะอาดสถานศึกษาชิงหยวนเท่านั้น

แค่ส่วนของนอกห้องเรียน

ส่วนการเก็บกวาดทำความสะอาดชั้นเรียนปล่อยเป็นหน้าที่เวรของแต่ละชั้นเรียนผลัดหมุนเวียนกันมาทำ

สำหรับนักศึกษาที่กระหายความรู้และผู้ปกครองที่วาดหวังอยากให้ลูกหลานประสบความสำเร็จย่อมเป็นโอกาสที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย

เซียวเฉวียนเชื่อว่าถึงตอนนั้นคนที่มาสมัครเรียนต้องมีจำนวนมากแน่นอน

ดังนั้นถ้าอยากสมัคร ก็ต้องเร่งมือกันหน่อย ปล่อยเวลาให้ผ่านไปไม่ได้

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน ชาวบ้านไม่น้อยต่างกลัวว่าจะพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ ทำการตัดสินใจลงสมัครให้ลูกหลานของตัวเอง

เวลานี้หน้าประตูสถานศึกษาชิงหยวนเต็มไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลกันเข้ามารอการสมัคร

เซียวเฉวียนสั่งให้คนตระเตรียมเครื่องเขียนทั้งสี่สำหรับการสมัครเรียน

ทว่าทุกคนต่างช่วยลงสมัครให้กับลูกชายของตัวเอง

ส่วนสตรีสำหรับพวกเขาแล้ว ยังต้องกลับไปหารือที่บ้านอีกครั้ง

กระทั่งเห็นเจี้ยนจงและมู่จิ่นเดินออกมาหยุดอยู่ข้างกายของเซียวเฉวียน จากนั้นมู่จิ่นก็เอ่ยเสียงเบาว่า “เซียวเฉวียน ข้าเห็นช้นเรียนของสตรีน้อยมาก”

แม้ว่าเป้าหมายของเซียวเฉวียนจะดีมาก แต่ความคิดหัวโบราณของคนเหล่านี้ก็ยังไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้

คิดมาตลอดว่าต่อให้สตรีไร้ความสามารถก็ต้องมีคุณธรรม

เซียวเฉวียนเหยียดยิ้มบาง ๆ “ไม่เป็นไร ตราบใดที่มีสตรีมาลงสมัคร เบิกฤกษ์ จะต้องมีคนมาสมัครตามแน่นอน”

ในตอนนี้เอง น้ำเสียงที่ฟังดูสดใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ถอยหน่อย กรุณาถอยหน่อย”

เซียวเฉวียนและคนอื่นต่างมองไปตามเสียง สตรีน้อยร่างผอมคนหนึ่งพยายามฝ่าฝูงชนออกมา จากนั้นก็ตรงมาหาเซียวเฉวียน

สตรีน้อยในเวลานี้ผมเพ้ายุ่งเหยิง สวมใส่เสื้อผ้าไม่พอดีตัว ดูก็รู้แล้วว่าต้องเป็นเสื้อผ้าที่ได้มาจากคนอื่นไม่ก็ไปเก็บมาจากที่ไหนสักที่

แถมยังมีการเย็บปะที่ไม่เรียบร้อยอีกหลายจุด ซึ่งการเย็บปะเหล่านั้นดูไม่ชำนาญสักเท่าไหร่

เซียวเฉวียนเดาว่าน่าจะเป็นการเย็บมั่ว ๆ ของตัวนางเอง

ถึงอย่างไรดูจากท่าทีของสตรีน้อยคนนี้น่าจะอายุราว ๆ ห้าถึงหกขวบเห็นจะได้

ด้านหลังของนางยังมีเด็กที่รุ่นราวคราวเดียวกันอีกสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง

เด็กสองคนนั้นมีเสื้อผ้าและท่าทีที่ดูสะอาดกว่าสตรีน้อยผู้นี้ ก็พอดูออกว่าชีวิตของเด็กสองคนนั้นไม่ได้ลำบากเหมือนสตรีน้อยคนนี้

เวลานี้ชาวบ้านต่างลืมเรื่องตรงหน้าไปชั่วขณะ สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชะเง้อแลมองเด็กสามคนอย่างไม่ละสายตา

หนึ่งในนั้นเริ่มวิจารณ์ว่า “แม่หนูคนนี้คงไม่ใช่ขอทานจากทางใต้หรอกนะ? เหตุใดถึงมาที่นี่ได้?”

ตอนนั้นเสินหลิงอายุแค่หกขวบ

สมัยโบราณ เด็กอายุหกขวบรู้ความแล้ว ยิ่งถ้ามีชีวิตอยู่ในครอบครัวที่เข้มงวดแล้ว อายุในวัยนี้ดูแลครอบครัวได้แล้ว

ดังนั้นเรื่องในตอนนั้นเสินหลิงจำมันได้ขึ้นใจ

หลังจากที่ครอบครัวของนางตายไป เสินหลิงก็พาน้องชายและน้องสาวติดตามขอทานรุ่นใหญ่ไปขอทานตามที่ต่าง ๆ แต่กลับไม่เคยคิดจะมาเมืองหลวง

สองปีมานี้ เสินหลิงดูแลน้องชายและน้องสาวมาตลอด นางมักจะนำอาหารที่ขอมาได้ให้น้อง ๆ กินก่อนเสมอ มีหลายครั้งที่นางหิวมาก แต่ก็ยังเหลือเก็บให้น้อง ๆ

ความหิวโหยอันยาวนาน และการขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่อง ทำให้นางดูตัวเล็กกว่าอายุจริง

ในความเป็นจริง ปีนี้นางอายุแปดขวบแล้ว

วันนี้พวกนางมาขอทานในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน จึงบังเอิญไปได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเซียวเฉวียนเข้า เสินหลิงคิดว่าถ้าพวกเขาเข้าไปเรียนในสถานศึกษาชิงหยวนได้ ต่อไปนางก็ไม่ต้องใช้ชีวิตแบบคนเร่ร่อนไร้บ้านอีกต่อไป

ส่วนน้องสาวและน้องชายของนาง ก็ถึงวัยที่ต้องศึกษาเล่าเรียนแล้ว

ก่อนหน้านั้นเสินหลิงจนปัญญา ทำได้แต่ลากกันไป

ตอนนี้มีโอกาสที่ดีแล้ว นางจะต้องคว้ามันมาให้ได้

เมื่อเซียวเฉวียนฟังจบ ก็เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ได้แน่นอน พวกเจ้าลงสมัครได้เลย”

กล่าวจบ เซียวเฉวียนก็ให้เงินจำนวนหนึ่งกับเสินหลิง จัดเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับเด็กทั้งสามคน

แม้ว่าการเรียนจะไม่ต้องแต่งตัวดี แต่ก็ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่โทรมเกินไป เหมือนอย่างเสินหลิง แถมจะปะทั้งตัว คงถูกเพื่อนในห้องเรียนหัวเราะเยาะแน่

ซึ่งเสินหลิงก็ไม่เกรงใจ รับเงินที่เซียวเฉวียนให้มา จากนั้นก็เอ่ยอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณราชครู!เงินก้อนนี้ไว้ข้าจะคืนให้ท่านภายหลัง”

เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดี!ข้าจะรอเจ้าคืนเงิน”

แม้ว่าเซียวเฉวียนจะไม่ได้สนใจเงินจำนวนนี้ แต่เสินหลิงในวัยแปดขวบตระหนักได้ถึงบุญคุณเช่นนี้ ในเมื่อนางมีมาตรฐานเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็ควรเคารพนาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย