สรุปตอน บทที่ 1367 การปฏิบัติทางสังคม – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1367 การปฏิบัติทางสังคม ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว เซียวเฉวียนก็สามารถเข้าใจได้ในชั่วพริบตา นอกเหนือจากนั้นแล้วพวกที่ล้าหลังเหล่านั้นที่อยู่ในท้องพระโรงก็ไม่เห็นด้วยอีกด้วย
เซียวจิ่วปฏิเสธขึ้นมาว่า: “ข้าก็ไม่ได้หมายความเช่นนี้ แต่การที่ผู้หญิงเรียนหนังสือมันไม่เคยมีมาก่อน ทำไมเจ้าถึงได้พยายามจะทำเช่นนี้”
ในเมื่อเป็นคนที่มาจากตระกูลเซียวเหมือนกัน บรรพบุรุษเหมือนกัน เซียวเฉวียนจะไม่สามารถพูดเหมือนเวลาพูดกับคนอื่นได้ ในหมู่บ้านของข้าไม่แบ่งเพศชายหรือหญิง และผู้หญิงส่วนมากก็มีความสามารถโดดเด่นมากเลยทีเดียว
การที่เซียวเฉวียนพูดแบบนี้ ก็เพราะเกรงว่าเซียวจิ่วที่มีความคิดล้าหลังจะสงสัยขึ้นมาอีก
เซียวเฉวียนจึงไม่อยากตอบคำถามเหล่านั้นเต็มทน
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงหาข้ออ้างขึ้นมาพูด: “นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของเหวิน เจี้ยวหยู ที่เขามอบห้องศึกษาชิงหยวนไว้ในมือข้า โดยหวังว่าทุกคนจะได้เรียนหนังสือ”
โดยหวังว่าทุกคนจะได้เรียนหนังสือเหมือนกัน
หลังจากที่เซียวจิ่วฟัง เขาก็นึกขึ้นได้ว่า: “ข้าเข้าใจแล้วล่ะ ที่แท้ก็คือคำสั่งของอาจารย์นี่เอง”เซียวเฉวียนรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า: “เจ้าก็ช่วยข้าสอนนักเรียนที่นี่ หากวันใดวันหนึ่งเจ้าอยากกลับไปอยู่ที่เขตชานเมืองหลวงก็ย่อมได้”
เซียวจิ่วเป็นทายาทของสกุลเซียวในเขตชานเมืองหลวง การที่ให้เขาเข้ามาช่วยดูแลนักเรียน เขาก็ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย
แน่นอนว่าอะไรที่ลำบากเขาจะไม่ยอมทำ และเซียวเฉวียนก็จะไม่บังคับเขาด้วย
แต่ไม่รู้เซียวจิ่วคิดอย่างไร จู่ ๆ เขาพูดขึ้นมาว่า: “ไม่มีปัญหา เพียงแต่ข้าไม่เคยมีประสบการณ์การสอน เจ้าไม่รังเกียจที่ข้าไม่มีประสบการณ์ก็พอแล้วล่ะ”
ประโยคนี้ทำให้เขาดูเจียมเนื้อเจียมตัวมาก
เซียวเฉวียนหัวเราะขึ้น: “เจ้าพูดเกินไปแล้วล่ะ เจ้าจะต้องเป็นอาจารย์ที่เยี่ยมอย่างแน่นอน”
เซียวจิ่วถูกเซียวเฉวียนชมไปแบบนี้ เขายิ่งไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร
ผู้คนต่างพากันทยอยมาลงทะเบียนอย่างล้นหลาม
แม้พวกเขาจะสามารถเข้ามาในจวนเซียวได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่ผ่านการลงทะเบียน
ยิ่งกว่านั้นแล้ว เมื่อใกล้เที่ยง พระอาทิตย์เริ่มสาดแสงสว่างมากยิ่งขึ้น แต่ผู้คนก็ยังอดทนรอ เพื่อให้ลูกหลานของตนนั้นไม่พลาดโอกาสที่จะเรียน
การที่พระอาทิตย์เริ่มสาดแสดงเข้ามาเรื่อย ๆ นั้น ไม่ใช่ทางออกที่ดี มันจะทำให้พวกเขาเสียเวลาเสียเปล่า
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงส่งคนไปหาเหล่าบัณฑิตที่เคยจบการศึกษา เพื่อให้พวกเขามาช่วยอีกแรงหนึ่ง
ในเมื่อเรามีแรงงานที่สามารถใช้ตอนไหนก็ได้ เราก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์
เพราะนี่คือคำสั่งจากเซียวเฉวียน บัณฑิตเหล่านั้นจึงไม่กล้าปฏิเสธ
ดังนั้น พวกเขาจึงรีบมาทันทีทันใด
เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากลงทะเบียนจากกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว ทำให้การลงทะเบียนเสร็จไปย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากเหล่าบัณฑิตที่มาช่วยแล้ว เสินหลิงก็ยังมาช่วยอีกแรงด้วย
วันนี้เธอสวมชุดสีฟ้าน้ำทะเล คาดว่าเธอคงไม่รู้จะทำทรงผมอะไร เธอจึงปล่อยให้ผมของตัวเองยาวลงมาประบ่า และมัดด้วยริบบิ้นผ้าไหมสีฟ้าคราม แทนปิ่นปักผมที่ถูกเธอดึงออกอย่างเบามือ
แม้ว่าเธอจะจัดระเบียบเกี่ยวกับร่างกายเธอเองอย่างไร แต่เสินหลิ่งก็ยังคงดูแตกต่างกับเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งเสียจริง
เธอก็อ่านออกเขียนได้มากเลยทีเดียว การที่เซียวเฉวียนให้เงินทองแก่เธอ และให้น้องชายและน้องสาวเธอเข้ามาพักในหอในสวงชิง เธอก็ต้องช่วยอะไรเซียวเฉวียนบ้าง เพื่อเป็นการตอบแทน
ในตอนแรกเซียวเฉวียนปฏิเสธ
นับว่าเขาเป็นพลเมืองดีในศตวรรษที่ 21 แม้ว่าเขาจะอยู่ในยุคสมัยโบราณ แต่ก็ไม่สามารถใช้แรงงานเด็กเยี่ยงนี้ได้ มินำไม่ต้องพูดถึงแรงงานเด็กผู้หญิงเลยล่ะ
การที่กำเนินบุตรหญิงออกมานั้น เราก็ต้องรักและเอาใจใส่ให้มาก
ถึงแม้พ่อแม่ของเสินหลิ่งจะไม่อยู่แล้วก็ตาม แต่เซียวเฉวียนก็ยังมองว่าเธอคือศิษย์ของห้องศึกษาชิงหยวนเขาควรที่จะปกป้องและดูแลศิษย์คนนี้ให้เหมือนกับศิษย์คนอื่น ๆ
แม้เสินหลิ่นจะอายุยังน้อย แต่เธอเป็นคนที่มีหลักการมาก พ่อของเธอเคยสอนไว้ว่า เมื่อรับความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้ว ก็ต้องตอบแทนให้ถึงที่สุด เนื่องจากความเพียรพยายามของเธอ เซียวเฉวียนจึงปล่อยให้เธอทำตามความปรารถนาของตัวเธอเอง
ที่นี่ทุกอย่างดำเนินการไปด้วยดี
ทุกคนในที่นี้ล้วนลงความเห็นกันหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ฮ่องเต้พระองค์เดียวเท่านั้น
สำหรับฮ่องเต้นั้น ไม่ว่าเซียวเฉวียนต้องการจะทำอะไร เขาก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่
ยิ่งไปกว่านั้นห้องศึกษาชิงหยวนก็เป็นเงินที่เซียวเฉวียนจ่ายเองทั้งหมด ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดคือฮ่องเต้
เพราะผู้คนที่มาเรียนเหล่านั้นต่างเป็นผู้ที่ล้วนมีฝีมือกันทั้งสิ้น พวกเขาสามารถทำประโยชน์ให้แก่พวกเราได้
ประโยชน์ของการกระทำเช่นนี้มีมากมายเพียงนี้ ทำไมฮ่องเต้ถึงจะไม่อนุญาตกันล่ะ
ถ้าฮ่องเต้ไม่เห็นด้วยมันจะเป็นการดูถูกเซียวเฉวียนหรือไม่
ฮ่องเต้กล่าวขึ้นด้วยความใจเย็น: “ทุกท่าน เรื่องของห้องหนังสือสวนชิงไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของราชสำนัก เนื่องจากซือมั่วและเหวิน เจี้ยวหยูมีความประสงค์ให้ลูกศิษย์ของพวกเขาเองดูแล เพราะฉะนั้นข้าจะไม่ยุ่งในเรื่องนี้”
กล่าวคือห้องศึกษาชิงหยวนเป็นของเซียวเฉวียน และเขามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้
ต่อให้เขาจะการลงเบียนเรียนนั้นง่ายขึ้น หรือเปิดรับสตรีเข้าศึกษาก็ย่อมได้
ความหมายชัดเจนถึงเพียงนี้ แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ล้าหลัง ไม่เห็นด้วยพูดขึ้นมาว่า: “ฝ่าบาท การที่เรารับสตรีเข้ามาศึกษานั้น มันเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมโดยสิ้นเชิง”
ท่าทางและคำพูดที่ดูมั่นคง ทำให้เห็นว่าเขานั้นต้องการต่อการต่อต้านเซียวเฉวียนให้ถึงที่สุด
ต่อให้คือเซียวเฉวียนแล้วจะเป็นอย่างไร
ต่อให้เหนือฟ้ายังมีฟ้า แต่เซียวเฉวียนก็ควรที่จะได้รับความคุ้มครอง เพราะเขาเป็นสมาชิกในราชวงศ์เว่ย
เซียวเฉวียนทำสิ่งที่ผิดมามากมาย พวกเราควรที่จะตามใจเขาอยู่อีกหรอ
ไม่ เขาต้องการทำลายเซียวเฉวียนให้ถึงที่สุด
เขารอคอยช่วงเวลานี้มานานมากแล้ว
หลังจากที่คิด ๆ ดูแล้ว ก็มีสายตาที่เย็นชาของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก ในใจคิดต่อให้เว่ยเชียนชิวจะหมดลมหายใจไปแล้ว คนต่อไปที่จะหมดลมหายใจก็คือเจ้า!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...