สรุปตอน บทที่ 1372 ขอความเห็น – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1372 ขอความเห็น ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
อ่อ!
เป็นอย่างที่เซียวเฉวียนคาดเดาไว้จริงๆ อี้กุยมาเพื่อถามเรื่องของฉินซูโหรว
เซียวเฉวียนแอบมองอี้กุยโดยไม่ให้เขารู้ สีหน้าของอี้กุยแดงกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
เซียวอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว หน้าบางซะขนาดนี้ จะทำได้อย่างไร จะจีบผู้หญิงได้อย่างไร?
เซียวเฉวียนกระแอมในลำคอและพูดว่า :“ท่านหญิงไปที่หอปี๋เซิ่ง?ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้?นางไปที่หอปี้เซิ่งทำไม?ไปกินอาหารหรือไปหาใคร?”
ถามติดกันหลายคำถาม อี้กุยไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ก้มหน้า มือทั้งสองข้างไม่รู้จะวางไว้ตรงหน ดูก็รู้ว่า อี้กุยรู้สึกอายอย่างมาก
ไม่มีใครถามคำถามคนอื่นอย่างเซียวเฉวียนแบบนี้ จะให้อี้กุยตอบอย่างไร?
อะไรที่ว่าไปกินข้าวหรือไปหาใคร?
คิดไปคิดมา สีหน้าของอี้กุยก็แดงขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าหน้าของเขามีความรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ความรู้สึกร้อนนี้ลุกลามไปถึงหลังหู
แย่แล้ว ครั้งนี้น่าอับอายเป็นอย่างมาก
อี้กุยพูดติดๆขัดว่า :“ท่าน ท่านปู่น้อย ท่านหญิงไปที่หอปี๋เซิ่ง แน่นอนว่าก็ต้องไปกินอาหาร”
ในยุคโบราณ ชื่อเสียงของผู้หญิงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ถึงแม้ว่าฉินซูโหรวจะไปพบใคร อี้กุยก็จะบอกว่านางไปกินอาหาร
ยิ่งไปกว่านั้น อี้กุยรู้สึกว่านางไม่ได้ไปพบใคร
ไปหาใคร?โย่วควนชายหนุ่มสุดหล่อไม่ได้อยู่ที่นั้น ไปหาอี้กุย?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อี้กุยก็รีบส่ายหน้า เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าอี้กุยจะหน้าตาดี แต่ก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมาย ฉินซูโหรวจะไปหาเขา?
ถ้าจะบอกว่าฉินซูโหรวคิดอะไรกับอี้กุย มันก็เป็นไปไม่ได้
ฉินซูโหรวเกิดในตระกูลสูงส่ง หลังจากที่เป็นตระกลูแม่ทัพ มีตำแหน่งเป็นถึงท่านหญิง มีความสามารถเก่งกาจ หน้าตาสวยงาม สมบูรณ์แบบอย่างนี้ ไม่มีทางชอบอี้กุยได้
และอีกอย่าง คนโบราณชอบดูเรื่องความเหมาะสม
ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะให้ความสำคัญกับอี้กุยมาก แต่อี้กุยไม่มีตำแหน่งอะไร เป็นเพียงคุณชายที่ร่ำรวยคนหนึ่ง ตระกูลฉินไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา แล้วเขาจะเหมะสมกับฉินซูโหรวได้อย่างไร?
ที่จริงเขาก็รู้สึกแอบชอบฉินซูโหรว แต่เรื่องนี้ไม่ควรเอามาพูดกัน
ที่เขาถามถึงฉินซูโหรว เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับนาง
อี้กุยพูดจาดูถูกตัวเองมามากพอแล้ว เซียวเฉวียนขมวดคิ้วและพูดว่า:“เสี่ยวอี้ เจ้าควรมีความมั่นใจหน่อย มีผู้หญิงที่ชอบก็ต้องกล้าที่จะตามจีบ ไม่ต้องไปสนใจสายตาของคนอื่น”
เซียวเฉวียนเกิดในครอบครัวยากจน และยังแต่งงานเป็นครั้งที่สอง สุดท้ายก็ยังได้แต่งงานกับองค์หญิงต้าถง?
เพียงแค่ในใจมีความรัก ความเหมาะสมของตระกูล ฐานะ ตำแหน่ง ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งไม่ควรจะเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการตามหาความสุขของอี้กุย
อี้กุยคิดไม่ถึงว่าเซียวเฉวียนจะแนะนำสั่งสอนเขาอย่างนี้ แต่เมื่อคิดดูแล้วก็จริง เซียวเฉวียนไม่คิดเล็กคิดน้อย และยิ่งไม่สนใจต่อสายตาของคนอื่น เขาพูดอย่างนี้ สมกับที่เป็นเซียวเฉียนจริงๆ
เมื่อได้รับคำแนะนำจากเซียวเฉวียน สีหน้าของอี้กุยกลับมาดูเป็นปกติมากขึ้น แต่เขาก็ยังไม่กล้ายอมรับต่อหน้าเซียวเฉวียนว่าเขาชอบฉินซูโหรว :“ท่านปู่น้อย ท่านพูดเหลวไหลอะไร”
ดวงตาเปล่งประกายของเซียวเฉวียนมองอี้กุย ในใจคิดว่า สีหน้าบ่งบอกอย่างเห็นได้ชัดว่าเขาชอบฉินซูโหรว ยังจะมาปากแข็งอีก
เขาพูดว่า :“ข้าพูดอะไร เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ข้าจะเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้ ไม่ชอบผู้ชายที่ไม่มีความกล้าหาญ”
ถ้าชอบฉินซูโหรวก็ต้องกล้าหาญพูดออกไป ไม่แน่ว่าแม่นางฉินซูโหรวอาจจะกำลังรอให้อี้กุยบอกว่าชอบอยู่ก็ได้?
ถ้าฉินซูโหรวไม่ได้ชอบอี้กุย ถ้าอย่างนั้นอี้กุยก็จะได้ตัดใจซะ
อี้กุยยังลังเลอยู่อย่างนี้ ก็ไม่มีผลดีอะไร ฉินซูโหรวอยู่ในตระกูลแม่ทัพ แต่ก็สามารถยอมรับความแตกต่างได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน อี้กุยก็พยักหน้าและพูดว่า :“ท่านปู่น้อยพูดมีเหตุผล”
ในฐานะท่านปู่น้อย เซียวเฉวียนไม่อยากทำไม่ดีต่อรุ่นน้อง เขาพูดว่า:“สบายใจเถอะ ไม่นานนางก็จะกลับมา”
ดูสิ งานดูแลห้องหนังสือชิงหยวนยังต้องให้นางมารับช่วงดูแลต่อ
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน อี้กุยรู้สึกตกใจ เขายกมือลูบหน้าของตัวเอง ในใจเต้นแรง เขาแสดงท่าทางออกชัดเจนมากใช่ไหม?
ไม่สนแล้ว เห็นชัดเจนก็เห็นไป ดวงตาของเขาเป็นประกายและพูดว่า:“จริงเหรอ?”
เซียวเฉวียนพูด :“จริงแท้แน่นอน”
ได้ยินคำพูดนี้ของเซียวเฉวียน อี้กุยก็สบายใจ
แต่ว่า วันนี้เขามาที่จวนเซียว นอกจากจะถามเรื่องของฉินซูโหรวแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่อยากจะขอความเห็นจากเซียวเฉวียน นั้นก็คือเวทีที่ใช้แสดงละครของหอปี๋เซิ่ง ยังจะเปิดอีกหรือไม่
ช่วงนี้ ลูกค้ามากมายไปกินอาหารที่หอปี๋เซิ่ง ทุกคนต่างถามว่าละครหยุดแสดงไปนานมากแล้ว ทำไมยังไม่กลับมาเปิดแสดงอีก
ที่จริงแล้ว เวทีที่ใช้แสดงละครของหอปี๋เซิ่ง ก็ไม่มีคนร้องแสดงมาตลอด เพียงแต่คนที่มากินอาหารส่วนมากต่างเป็นแฟนคลับของโย่วควน พวกเขาคุ้นชินกับการแสดงของโย่วควน พอเปลี่ยนคนกระทันหัน พวกเขาจึงยังไม่ชิน
แน่นอน ตอนที่จวนเซียนโดนกวาดล้าง เซียวเฉวียนก็เก็บซ่อนตัวโย่วควนเอาไว้ ดังนั้น คนส่วนมากคิดว่าโย่วควนตายไปแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เพราะคุ้นชินกับการแสดงของโย่วควน สายตาและหูของพวกเขาต่างคุ้ยชินกับโย่วควนไปแล้ว ไม่ยอมรับการร้องและแสดงจากคนอื่น ไม่เท่านั้น ยังทำให้อี้กุยต้องลำบากหาคนใหม่มาร้องแสดงอีก พวกเขาพูดจาไม่ดี ยิ่งไปกว่านั้นยังขว้างปาสิ่งของขึ้นไปบนเวที ไล่ให้คนที่ร้องแสดงออกไป
เป็นระยะเวลานาน คนที่ร้องแสดงก็ทนไม่ไหวที่โดนลูกค้าขับไล่ ลาออกกันไปหมด
เป็นอย่างนี้ เวทีที่ใช้แสดงก็ว่างมาจนถึงตอนนี้
ตอนนี้ ลูกค้าเหล่านั้นคงรู้สึกว่ามากินอาหารที่หอปี๋เซิ่งอย่างเดียว ไม่มีการแสดงให้ดู รู้สึกว่าบรรยากาศมันขาดหายไป ดังนั้น ก็เรียกร้องที่จะดูการแสดง 《บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก》
ตอนแรก ทางด้านของหอปี๋เซิ่งก็พยายามยืดเวลาไว้ ก็ยังพอปล่อยผ่านไปได้
ตอนนี้ ลูกค้ายิ่งเริ่มพูดกันมากขึ้นเรื่อยๆ อี้กุยไม่สามารถจะต้านทานได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...