สรุปเนื้อหา บทที่ 1376 ยากที่จะแยกแยะว่าเป็นชายหรือหญิง – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1376 ยากที่จะแยกแยะว่าเป็นชายหรือหญิง ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“น้องหนาน เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว รีบคืนเงินให้กับพี่สือเร็ว นั่นเป็นสิ่งที่พี่สือควรได้รับ”
ในตอนนั้น เสียงที่อบอุ่นของฉินซูโหรวก็ดังขึ้นมา
เมื่อสือจู้ได้ยินเสียงดังกล่าว มันเป็นเหมือนกับเสียงสวรรค์ที่ดังขึ้นมาจากธรรมชาติ!
เงิน เงิน เงิน รีบกลับมาอยู่ในอ้อมแขนของสือจู้ผู้นี้เร็ว
คราวนี้ สือจู้ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป แต่เลือกที่จะสร้างขั้นบันไดขึ้นมาแทน “ในเมื่อแม่นางตั้งใจถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าก็คงต้องขอรับเงินจำนวนนี้ไว้ด้วยความเต็มใจแล้วกัน”
จากน้ำเสียงก็รู้ว่าต้องการเงินจำนวนนี้เป็นอย่างมาก แต่ยังมีหน้าจะขอราคาเพิ่ม?
ฉินหนานแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ยิ้มและหยิบเงินออกมา ยัดใส่มือของสือจู้ “แค่นี้ก็จบแล้ว นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเรา หวังว่าพี่สือคงจะไม่รังเกียจ”
แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ฉินหนานก็คิดอยู่ในใจว่า “ฝันไปเถอะ ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา นี่คือเงินที่เจ้าจะได้ไป อย่าคิดว่าจะได้มันมากกว่านี้”
สือจู้รับเงินจำนวนดังกล่าวมา มือที่ถือเงินสั่นเล็กน้อย เขาไม่เคยจับเงินจำนวนมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต มันขาวและงดงามเป็นอย่างมาก แค่มองสือจู้ก็รู้สึกว่าดวงตาของเขาเปล่งประกายมากกว่าที่เคยเป็น
สำหรับคำพูดของฉินหนาน สือจู้รู้สึกขอบคุณกับมันเป็นอย่างมาก แต่ก็รู้สึกตกใจยิ่งกว่า พูดเช่นนั้นได้อย่างไร จะปล่อยเงินจำนวนนี้ไปได้อย่างไร? ต่อให้น้อยกว่านี้เขาก็ไม่สร้างแสดงท่าทีอะไรออกมา ส่วนเรื่องที่จะพูดออกมาก็คงไม่มีทางเป็นไปได้เลย
สือจู้ส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า “คุณชายกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงรู้สึกตื้นตันใจ ไม่เคยรังเกียจมันแม้แต่น้อย”
หลังจากที่พูดคุยกันอีกเล็กน้อย สือจู้ก็จากไปด้วยความพึงพอใจ
ทันทีที่สือจู้จากไป ฉินซูโหรวก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมาว่า “น้องหนาน เมื่อครู่เจ้าจงใจก่อกวนงั้นหรือ”
ฉินหนานยิ้มอย่างไร้เดียงสาและพูดว่า “ข้าก็แค่เห็นท่าทีที่อยากจะทำอะไรสักอย่างของเขาแล้วรู้สึกไม่มีความสุขเท่านั้น อยากจะจัดการกับเขาเล็กน้อย ให้เขารู้สึกถึงความร้อนรนเสียบ้าง”
เห็นได้ชัดว่าเขาโลภและต้องการเงินมากขนาดไหน แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นค่า แสร้งทำตัวเป็นคนดี ฉินหนานไม่ชอบคนที่ชอบทำตัวเสแสร้งแบบนี้เป็นที่สุด
ดังสุภาษิตโบราณที่ว่า นกตายเพราะอาหาร คนตายเพื่อความมั่งคั่ง
ตราบใดที่ได้มาด้วยวิธีที่เหมาะสม ฉินหนานก็ไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติ เงินจำนวนนั้นเป็นเงินที่ฉินซูโหรวอยากมอบให้กับสือจู้จากใจจริง แค่เขารับมันไปอย่างจริงใจก็เพียงพอ จะไม่มีใครว่าอะไรเขาแน่นอน
แต่เขากลับทำท่าทางเหมือนคนที่ไม่ต้องการมัน แต่ในความเป็นจริงเขานั้นต้องการมันอย่างมาก
แค่เห็นฉินหนานก็รู้สึกรังเกียจเป็นที่สุด
เหตุผลก็เป็นเช่นนี้ แต่การที่ออกเดินทางมายังโลกภายนอก มันมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย แม้จะอ่านออกแต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา นี่ถือเป็นความฉลาดอย่างหนึ่ง และมันก็สามารถช่วยลดปัญหาที่ไม่จำเป็นได้
เช่นเดียวกับสือจู้ เบื้องหลังของเขาจะต้องมีคนคอยค้ำจุนอยู่เป็นแน่ การที่ฉินหนานทำเช่นนี้แล้วสือจู้มองไม่ออก หรือโต้เถียงกลับมาก็ดีแล้ว หากเขาโต้เถียงกลับมา แน่นอนว่าเป็นการทอดสะพานให้กับฉินหนาน
แม้จะเป็นมังกรที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจเอาชนะงูที่อยู่ประจำถิ่นได้
แม้ว่าฉินหนานจะไม่ได้กลัว แต่แน่นอนว่าเขาเข้าใจ เขาคงไม่ทำเรื่องที่ดึงดูดความสนใจของใครเมื่อมาถึงที่นี่โดยยังไม่ทันเริ่มภารกิจ
ฉินซูโหรวดุออกไปเบา ๆ “เจ้านี่นะ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เอาเสียเลย เจ้าจะต้องเปลี่ยนนิสัยนี้ไปเสีย ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมาน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉินหนานก็ยิ้มออกมา “ก็ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะเปลี่ยน ข้าจะเปลี่ยน”
“เจ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนมา เจ้าลองดู น้องเป่ยใจเย็นกว่าเจ้ามากเป็นไหน ๆ เจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้จากเขา เข้าใจไหม?” ฉินซูโหรวยังคงไม่ยอมแพ้
ฉินเป่ยที่จู่ ๆ ก็ได้รับคำชื่นชม เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก รีบกล่าวออกมาอย่างถ่อมตัวว่า “พี่หญิงล้อเล่นแล้ว”
หนึ่งคำชมและหนึ่งคำวิจารณ์ ฉินเป่ยที่ได้รับคำชมรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ส่วนฉินหนานที่ถูกตำหนิเบะปากด้วยความไม่พอใจ ตอบรับกลับมาว่า “เข้าใจแล้ว”
พูดจบสามพี่น้องก็รีบช่วยกันเก็บของเข้าที่เพื่อแข่งกับเวลา
ค่ำคืนเข้ามาเยือนโดยไม่รู้สึกตัว แสงจันทร์สาดส่อง สายลมพัดผ่าน เป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ
โรงเตี๊ยมที่ทั้งสามคนเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ นอกหน้าต่างของฉินซูโหรว ร่างของคนผู้หนึ่งพุ่งผ่านเข้าไปทางช่องหน้าต่าง บุกเข้าไปด้านใน
คนผู้นั้นก็คือ ฉินเฟิง
เพียงแต่ สิ่งที่ฉินเฟิงคิดไม่ถึงก็คือ คนที่อยู่ที่นี่ได้เปลี่ยนคนไปแล้ว
ฉินปาฟางเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าเจินฮ่าวรู้เรื่องนี้ดี เขาเกิดมาในดินแดนแห่งต้าเว่ย เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้กับโชคชะตา สามารถพูดได้ว่า เพื่อต้าเว่ย ฉินปาฟางทุ่มเททั้งกายและใจ วีรบุรุษเช่นนี้ มีหรือที่ใครจะไม่เคารพ?
ปกป้องทายาทของเขา เจินฮ่าวรู้สึกว่าคำขอนี้ของเซียวเฉวียนนั้นยอมรับได้
แน่นอน สิ่งที่สามารถดึงดูดหัวใจของฉินซูโหรวได้มากที่สุดก็คือประโยคนั้นของเซียวเฉวียน “ข้าต้องการหาคนที่เชื่อใจได้”
ในเมื่อเซียวเฉวียนเชื่อใจเจินฮ่าวถึงเพียงนี้ เจินฮ่าวเองก็ไม่อยากทำให้เซียวเฉวียนผิดหวังเช่นกัน?
ดังนั้นเจินฮ่าวจึงรับภารกิจครั้งนี้ไว้แต่โดยดี เขาออกเดินทาง ทำหน้าที่ปกป้องที่น้องทั้งสามมาตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงที่นี่
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่สามารถมาน้องมาถึงที่นี่ก็มีคนคนเริ่มทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ
ดูเหมือนว่าความกังวลของเซียวเฉวียนนั้นมันไม่ใช่อะไรที่มากเกินไป
เพียงแต่เจินฮ่าวไม่เคยเห็นหน้าฉินเฟิงมาก่อน ไม่ต้องพูดเรื่องที่ฉินเฟิงสวมหน้ากากเพื่อปิดบังใบหน้า ต่อให้ไม่สวมหน้ากาก เจินฮ่าวก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
ฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงของเจินฮ่าวก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย เขารู้จักฉินซูโหรวงั้นหรือ?
ฉินเฟิงไม่ได้ตอบคำถามของเจินฮ่าว แต่เขาถามกลับไปว่า “เจ้าเป็นใคร?”
มองเห็นคนที่แต่งตัวเหมือนผู้หญิง น้ำเสียงเองก็คล้ายคลึง พฤติกรรมและการกระทำก็ไม่ได้แตกต่าง
มันคือความงดงาม แต่เขากลับมีสิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงความองอาจของวีรบุรุษ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนผู้หญิงเอาเสียเลย มันยากที่จะแยกแยะว่าเป็นชายหรือหญิง
เมื่อเห็นฉินเฟิงจ้องมองมาที่ตนเอง เจินฮ่าวก็ปิดปากและยิ้มออกมาเล็กน้อย “ข้ามีนามว่าเจินฮ่าว”
เจินฮ่าว?
ในรัฐมู่อวิ๋นมีใครบ้างที่ไม่รู้จักชื่อนี้ ดังนั้นฉินเฟิงจึงรู้จักเจินฮ่าวเป็นธรรมชาติ เพียงแต่เขาเอาแต่หลบตัวอยู่ในหุบเขามาโดยตลอดและไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของเขามาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...