สรุปตอน บทที่ 1377 พี่ชายน้องสาวพบกัน – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1377 พี่ชายน้องสาวพบกัน ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ฉินเฟิงรู้ว่าเจินฮ่าวเป็นผู้ชาย
เพียงแต่ว่า ฉินเฟิงไม่ได้คิดว่าเจินฮ่าวผู้โด่งดังจะมีหน้าตาเช่นนี้ สวยงามถึงขนาดนี้
กล่าวอย่างไม่โอ้อวด บุคคลนี้ควรเสด็จอยู่บนสวรรค์ มาปรากฏให้เห็นในโลกมนุษย์นี้ได้สักกี่ครั้ง ?
เกิดมาโฉมหน้างามหยดย้อย นึกไม่ถึงว่าเป็นชายชาตรี น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ
ดูจากท่าทางของฉินเฟิง ไม่ยากที่จะเห็นว่าเขารู้จักเจินฮ่าวคนนี้ เจินฮ่าวกะพริบตาและพูดว่า "ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะบอกข้าว่าเจ้าเป็นใครแล้วใช่ไหม ?"
แต่แล้ว ฉินเฟิงไม่ได้ตอบคำถามของเจินฮ่าวโดยตรง แต่เขากลับเลี่ยงเรื่องพูดว่า "เจ้ารู้จักคุณหนูคนโตของบ้านตระกูลฉินหรือ ?"
เจินฮ่าวตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า "เจ้านี้แปลกคนจริงๆ ข้าถามคำถามเจ้า เจ้ายังไม่ตอบอะไรเลย กลับมาถามเกี่ยวกับสถานการณ์อะไรอีกหรือ ? บอกมาสิ ! เจ้าเป็นใคร !"
พูดไปพูดมา น้ำเสียงของเจินฮ่าวก็เย็นลงทันที เย็นเยือกอย่างยิ่ง
ถึงฉินเฟิงจะเคยผ่านสนามรบมาก็ยังรู้สึกสยบต่อแรงทับทวีของเขา จนร่างกายอดสั่นสะเทือนไม่ได้
หลังถูกเจินฮ่าวตะคอกใส่ ฉินเฟิงจึงประกาศชื่อแซ่ของเขาว่า "ข้าน้อยชื่อฉินเฟิง ฉินเฟิงแห่งตระกูลฉินในเมืองหลวง"
พูดเสร็จ เขาก็ถอดผ้าปิดหน้าออกและแสดงใบหน้าที่แท้จริงของเขา
เหตุผลที่ฉินเฟิงเปิดเผยตัวตนของเขาก็เพราะตอนที่เขาอยู่ในหุบเขา เขาได้ยินมาว่าเจินฮ่าวชิงชังความชั่วร้าย คนเช่นนี้จิตใจย่อมไม่เลวร้ายแน่นอน ดังนั้นฉินเฟิงจึงตัดสินใจเสี่ยงโดยคิดเดิมพันว่าเจินฮ่าวกับเซียวเฉวียนเป็นพวกเดียวกัน และเจินฮ่าวก็คือเซียวเฉวียนส่งมาปกป้องฉินซูโหรวและพี่น้องทั้งสามของเขา
การคิดเดิมพันครั้งนี้ ฉินเฟิงเลือกเดิมพันได้ถูกต้องจริงๆ
เจินฮ่าวมองดูฉินเฟิงด้วยความสงสัย ดูระหว่างคิ้วของเขา มีส่วนคล้ายกับทั้งสามคนนั้น แต่คนที่คล้ายกันมีอยู่มากมายในโลกนี้ เจินฮ่าวไม่อาจแค่ฟังคำแอบอ้างของฉินเฟิงคนเดียวก็เชื่อว่าเขาเป็นคนของจวนตระกูลฉิน
“เจ้ามีหลักฐานอะไร ?” เจินฮ่าวจ้องมองฉินเฟิงตาไม่กระดิก ไม่พลาดทุกการแสดงออกบนใบหน้าของเขา
แต่ฉินเฟิงพูดอย่างใจเย็น "คิดว่าคุณชายทราบว่าฉินซูโหรวอยู่ที่ไหนกระมัง ? เจ้านำข้าไปด้วยกัน เดี๋ยวก็รู้เอง "
ใช่หรือไม่ใช่ พบฉินซูโหรวพี่น้องสามคนแล้วก็จะรู้ พวกเขาจะไม่มีวันจำคนผิด
พูดมีเหตุผล
ในเมื่อฉินเฟิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจินฮ่าว ลองพาเขาไปดูสักเที่ยวก็ได้
พอคิดได้ปั๊บ เจินฮ่าวก็เอ่ยขึ้นเบาๆ "เจ้าตามข้ามาสิ"
เอ่ยจบ เจินฮ่าวก็เดินนำทางไปข้างหน้า
เงาร่างสองคนก็เดินฝ่าไปในความมืดค่ำคืน จากนั้นสักพัก สองคนก็มาถึงลานบ้านที่พวกฉินซูโหรวสามคนพักอาศัยอยู่
ในเวลานี้ทุกอย่างเงียบสงบ
ฉินซูโหรวสังเกตเห็นการเคลื่อนไหว เธอลุกตัวขึ้น สวมเสื้อผ้าโดยเคลื่อนไหวเบา ๆ และก้าวเดินออกไปค่อย ๆ เธอลดเสียงลงแล้วตะโกน "นั่นใคร !"
“โหรวเอ๋อ ?” ฉินเฟิงรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงของฉินซูโหรว
อาศัยแสงดวงจันทร์ ฉินซูโหรวเพ่งมองทีหนึ่ง พบว่านั่นคือฉินเฟิง เธอตื่นเต้นดีใจ "พี่ใหญ่ ? ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ ?"
หรือว่าคนที่เห็นเมื่อวานนี้ก็คือฉินเฟิงจริงๆ ?
เมื่อเห็นอากัปกิริยาระหว่างพี่น้องสองคน จึงยืนยันได้แล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือฉินเฟิง เจินฮ่าวไอแห้งๆ แล้วพูดว่า "ขอโทษที คุณชายฉิน ขอโทษที่ล่วงเกินในเมื่อกี้"
ฉินเฟิงกล่าวว่า "ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา"
ฉินซูโหรวเพิ่งเห็นว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลังฉินเฟิง เธอเหลือบมองเจินฮ่าวทีหนึ่ง แม้แสงจะมืด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบความสามารถของฉินซูโหรวในการวินิจฉัยความงามด้อยลง ฉินซูโหรวรู้สึกประทับใจกับเจินฮ่าวจริงๆ เธอถามด้วยความอยากรู้ “พี่ใหญ่ พี่สาวคนนี้คือใคร ?”
ถามคำถามนี้ ฉินเฟิงผู้ร่ำเรียนวิชาการต่อสู้มาทั้งคน ถึงงัดปัญญาที่เรียนมาได้จากตำราทั้งหมดก็มิพอที่จะตอบคำถามของฉินซูโหรวนี้ได้อย่างแยบยล
เขิน ช่างน่าเขินจริงๆ
เขาเป็นชายหน้าตาสุดหล่ออย่างเห็นได้ชัด
ละอายใจ ช่างละอายใจจริงๆ
บุคลิกแห่งผู้นำพล ต้องเป็นอย่างเซียวเฉวียน !
หลังจากคิดไตร่ตรองตัวเองสักพัก ฉินเฟิงก็เล่าความจริงเกี่ยวกับสภาพของเขาให้ฟัง
คำบอกเล่าของฉินเฟิง ทำให้ฉินซูโหรวและเจินฮ่าวตกตะลึง
โดยเฉพาะฉินซูโหรว เธอไม่รู้เลยว่าฉินเฟิงไปเป็นสายลับอยู่ที่เว่ยเชียนชิวตั้งแต่เมื่อไร
เธอยังมาพบกับฉินเฟิงที่นี่โดยบังเอิญ ยังมารับรู้ที่อยู่ของกองทัพนักรบแท้ด้วย
ที่ฉินเฟิงมาหาฉินซูโหรว ก็หวังว่าฉินซูโหรวจะสามารถติดต่อเซียวเฉวียนเป็นการส่วนตัวและบอกเซียวเฉวียนถึงที่อยู่ของนักรบแท้ เพื่อที่เซียวเฉวียนจะได้เตรียมพร้อม
สิ่งที่จำเป็นต้องบอกก็กล่าวกันเรียบร้อยแล้ว ฉินเฟิงออกมาอยู่นานเกินไปไม่ได้ เพื่อไม่เป็นที่ระแวง เขาก็รีบกลับไปก่อน
เพื่อป้องกันไม่ให้ฉินซูโหรวเป็นที่สงสัย เรื่องแจ้งให้เซียวเฉวียนทราบนี้ เจินฮ่าวอาสารับเป็นหน้าที่ไป
ในท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด นกอินทรีตัวหนึ่งบินไปอย่างรวดเร็ว
นกอินทรีตัวนี้เป็นเครื่องมือส่งสารของตระกูลเจิน
คนส่วนใหญ่ชอบเลี้ยงนกพิราบไว้ทำหน้าที่ส่งสาร แต่ตระกูลเจินรู้สึกว่าความเร็วของนกพิราบนั้นด้อยกว่านกอินทรีมาก บ้านตระกูลเจินจึงเปลี่ยนประเพณีดั้งเดิมหันมาเลี้ยงนกอินทรีแทนนกพิราบ
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง นกอินทรีตัวหนึ่งบินมาเกาะหน้าต่างของเซียวเฉวียน ส่งเสียงดัง “ก๊อก ๆ ๆ ” ปลุกจนเซียวเฉวียนตื่น
เซียวเฉวียนกำลังจะไล่มันออกไป เหลือบเห็นกระบอกไม้ไผ่จิ๋วๆ ผูกไว้ที่ขาของมัน มีกระดาษยัดอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ด้วย
เขาเดินไปดูอย่างสงสัย หยิบกระดาษออกมาดู ดวงตาของเซียวเฉวียนส่งประกายสว่างขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...