เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับของพ่อค้า ชายชุดดำก็เอ่ยอย่างพอใจ “อื้ม ไปเถอะ จำเอาไว้ สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็อย่าได้พูด”
เดิมที ชายชุดดำให้พวกพ่อค้าเหล่านี้หาอูฐมาให้ทุกๆ วันส่งมอบให้เขา หลังจากนั้นก็ให้พวกพ่อค้าไปหาอูฐต่อ
ทว่า คนที่มาส่งอูฐในที่นี่ทุกครั้ง ล้วนไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน
และนี่ก็หมายความว่า พวกคนที่ดูเหมือนพ่อค้าเหล่านี้ จริงๆ แล้วกลับไม่ใช่พ่อค้า
ทว่า น้ำเสียงของคนชุดดำรายนี้ ฟังออกมาแล้วแปลกแปร่งพิกล
กลับกันเซียวเฉวียนรู้สึกว่า ตามปรกติ ไม่มีน้ำเสียงของใครที่จะพูดออกมาได้ไม่เป็นธรรมชาติปานนั้น
แต่ว่า ตอนนี้เองก็ไม่ใช่เวลามาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
พวกเซียวเฉวียนทั้งสามคนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดนั้นมองพวกพ่อค้าทั้งสามคนไปๆ มาๆ คนชุดดำกับพวกเขาต่างไปทิศทางสวนกัน รอจนกระทั่งหลังจากเงาร่างของพวกเขาหายไปแล้ว ทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังทิศที่คนชุดดำมุ่งไป
ในส่วนของการติดตามระยะสั้นนั้น เซียวเฉวียนกับชิงหลงไม่ได้ใช้วิชาหายตัวในพริบตา
หลังจากที่ทั้งสามคนติดตามหลังชายชุดดำล้ว ก็ไม่รู้ว่าชายชุดดำจะรู้สึกตัวหรือไม่ ทันใดนั้นเขาก็พลันหันหัวมองสักครู่หนึ่ง
ยังดีที่ทั้งสามคนรู้ตัวทัน พวกเขาหลบอย่างรวดเร็วและไม่ทันถูกคนชุดดำสังเกตเห็น
เมื่อไม่เห็นว่ามีใคร คนชุดดำถึงค่อยหันศีรษะมาพลางรีบเร่งเดินทาง
อย่างไรก็ตาม อูฐนั้นวิ่งได้ช้ายิ่ง ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็ได้เห็นอูฐหลายตัวตรงนั้น
ส่วนที่ชายชุดดำที่เดินอยู่ข้างหน้า ไม่รู้ว่ากระซิบกับคนงานชั่วคราวไม่กี่คนตรงนั้นอย่างไร พวกเขาถึงกับชะงักฝีเท้ากะทันหัน
เหมิงเอ้าเห็นเหตุการณ์แล้วก็อดพูดอย่างประหลาดใจไม่ได้ “นายท่าน ท่านเพิ่งจะพูดกับคนพวกนั้นเช่นไร?”
เซียวเฉวียนส่ายหัวพูด “ข้าเองก็ไม่รู้”
ชายชุดดำรายนี้ช่างระมัดระวังตัวอย่างประหลาด ทั้งสามคนไม่กล้าเข้ามาใกล้เกินไป อีกทั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เซียวเฉวียนเองอ่านใจของพวกเขาไม่ได้ ดังนั้น เซียวเฉวียนเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไร
คำพูดนี้ ทำเอาเหมิงเอ้าผงะไป นี่นายท่านไม่อาจอ่านความในใจได้แล้วหรือ?
เหตุใดเขาจึงไม่รู้ว่าชายชุดดำพูดอะไรกันล่ะ?
หรือว่า ชายชุดดำแข็งแกร่งปานนั้นเลยหรือ?
ในเวลานี้ เหมิงเอ้าคิดอยู่ในใจ ไม่สู้เขาบุกเข้าไปจากนั้นจัดการคว้าตัวคนผู้นั้นมาถามๆ ดูซิว่าพวกนั้นต้องการอูฐไปทำอะไร
ไม่คาดคิดเลย เขายังไม่ทันพูดแผนการอะไรออกมา เซียวเฉวียนก็ทำลายความคิดของเขาสิ้น “ดูไปแล้ว เขาคงจะรู้ตัวแล้วว่ามีคนติดตามเขาอยู่ พวกเราไปกันเถอะ”
ไม่อย่างนั้น เขาคงจะไม่หยุดเสียเวลาอยู่ตรงนี้หรอก
อีกทั้งการที่เขาสามารถหยุดเสียเวลาอยู่ตรงนี้ได้ ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้อูฐพวกนี้
ในเมื่อพูดเช่นนี้แล้ว หากไม่กำจัดความระแวงในใจของคนชุดดำ การที่คนชุดดำจะเสียเวลาไปสักหลายวันก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้
พอได้ยินเซียวเฉวียนเรียกให้ไป เหมิงเอ้าก็พลันตัวแข็งขึ้นมา “ไปอย่างนั้นหรือ? นายท่าน พวกเราจะกลับโรงเตี๊ยมกันเช่นนี้หรือ?”
เซียวเฉวียนยกรอยยิ้มขึ้นมาเป็นรอยยิ้มได้ใจพลางเอ่ย “ไม่ พวกเราจะล่วงไปอีกก้าวหนึ่ง”
เส้นทางที่อูฐจำนวนมากเดินผ่านแบบนี้ จะอย่างไรก็ต้องเหลือร่องรอยอยู่บ้าง
หากอยากจะรู้ความจริง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้บนตัวคนชุดดำ พวกเขาสามารถติดตามรอยเท้าอูฐเหล่านี้ไป และเป็นไปได้ว่าจะหาจุดหมายสุดท้ายของอูฐพวกนี้พบ
เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ เหมิงเอ้าก็พลันเข้าใจขึ้นมาทันที เขาเอ่ย “ถูกแล้ว!”
การที่เหมิงเอ้าตื่นเต้นเช่นนี้ ทำเอาชิงหลงหันมามอง ชิงหลงมองเหมิงเอ้าอย่างเรียบเฉยครั้งหนึ่ง ภายในใจของเขาคิด การที่เหมิงเอ้าไม่อาจจะเก็บอารมณ์ของตัวเองลงไปได้เช่นนี้ นับว่าไม่ได้การแล้ว
เมื่อสังเกตเห็นสายตาที่ชิงหลงมองมา เหมิงเอ้าที่ถูกเซียวเฉวียนตำหนิอยู่หลายครั้ง ก็คล้ายจะเข้าใจขึ้นมาเอง เขาเกาๆ ศีรษะ ก่อนจะเอ่ยอย่างลุแก่โทษว่า “ใต้เท้าชิงหลง ตัวข้าก็แค่ตื่นเต้นขึ้นมากะทันหันเท่านั้น อย่าได้มองข้าเช่นนี้ อีกหน่อยข้าจะแก้ ข้าจะต้องแก้แน่ๆ”
เมื่อถูกชิงหลงเหลือบมองแบบนี้ หากว่าเหมิงเอ้าไม่แก้ไข เช่นนั้นก็คงทำเซียวเฉวียนเสียหน้าแล้ว
หรือว่าไม่ใช่ ในฐานะเป็นผู้อารักขาของเซียวเฉวียน ในเวลาเดียวกับที่ต้องปกป้องเซียวเฉวียนให้ดี ก็ต้องรักษาหน้าเซียวเฉวียนด้วย จะเอาแต่ตกใจอย่างเดียวไม่ได้ อาจจะทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะที่ผู้อารักขาของเซียวเฉวียนไม่รู้จักรักษาท่าที
เซียวเฉวียนพอได้ยินความในใจของเหมิงเอ้าแล้ว เขาก็อดถอนหายใจเสียงเบาครั้งหนึ่งไม่ได้ เซียวเฉวียนพูดปากเปื่อยปากแฮะ ยังไม่สู้การมองครั้งหนึ่งของชิงหลงเลย
ก่อนหน้านี้ จะมากน้อย เซียวเฉวียนก็มักจะห้ามไม่ให้เหมิงเอ้าพูดจาตะโกน เขาก็ไม่สนอกสนใจ ในตอนนี้เพียงเพราะชิงหลงเหลือบตามองเขาครั้งเดียว ก็พูดว่าจะแก้ซะแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...