ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1392

สรุปบท บทที่ 1392 ไม่มีร่องรอย: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 1392 ไม่มีร่องรอย – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 1392 ไม่มีร่องรอย ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับของพ่อค้า ชายชุดดำก็เอ่ยอย่างพอใจ “อื้ม ไปเถอะ จำเอาไว้ สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็อย่าได้พูด”

เดิมที ชายชุดดำให้พวกพ่อค้าเหล่านี้หาอูฐมาให้ทุกๆ วันส่งมอบให้เขา หลังจากนั้นก็ให้พวกพ่อค้าไปหาอูฐต่อ

ทว่า คนที่มาส่งอูฐในที่นี่ทุกครั้ง ล้วนไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน

และนี่ก็หมายความว่า พวกคนที่ดูเหมือนพ่อค้าเหล่านี้ จริงๆ แล้วกลับไม่ใช่พ่อค้า

ทว่า น้ำเสียงของคนชุดดำรายนี้ ฟังออกมาแล้วแปลกแปร่งพิกล

กลับกันเซียวเฉวียนรู้สึกว่า ตามปรกติ ไม่มีน้ำเสียงของใครที่จะพูดออกมาได้ไม่เป็นธรรมชาติปานนั้น

แต่ว่า ตอนนี้เองก็ไม่ใช่เวลามาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้

พวกเซียวเฉวียนทั้งสามคนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดนั้นมองพวกพ่อค้าทั้งสามคนไปๆ มาๆ คนชุดดำกับพวกเขาต่างไปทิศทางสวนกัน รอจนกระทั่งหลังจากเงาร่างของพวกเขาหายไปแล้ว ทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังทิศที่คนชุดดำมุ่งไป

ในส่วนของการติดตามระยะสั้นนั้น เซียวเฉวียนกับชิงหลงไม่ได้ใช้วิชาหายตัวในพริบตา

หลังจากที่ทั้งสามคนติดตามหลังชายชุดดำล้ว ก็ไม่รู้ว่าชายชุดดำจะรู้สึกตัวหรือไม่ ทันใดนั้นเขาก็พลันหันหัวมองสักครู่หนึ่ง

ยังดีที่ทั้งสามคนรู้ตัวทัน พวกเขาหลบอย่างรวดเร็วและไม่ทันถูกคนชุดดำสังเกตเห็น

เมื่อไม่เห็นว่ามีใคร คนชุดดำถึงค่อยหันศีรษะมาพลางรีบเร่งเดินทาง

อย่างไรก็ตาม อูฐนั้นวิ่งได้ช้ายิ่ง ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็ได้เห็นอูฐหลายตัวตรงนั้น

ส่วนที่ชายชุดดำที่เดินอยู่ข้างหน้า ไม่รู้ว่ากระซิบกับคนงานชั่วคราวไม่กี่คนตรงนั้นอย่างไร พวกเขาถึงกับชะงักฝีเท้ากะทันหัน

เหมิงเอ้าเห็นเหตุการณ์แล้วก็อดพูดอย่างประหลาดใจไม่ได้ “นายท่าน ท่านเพิ่งจะพูดกับคนพวกนั้นเช่นไร?”

เซียวเฉวียนส่ายหัวพูด “ข้าเองก็ไม่รู้”

ชายชุดดำรายนี้ช่างระมัดระวังตัวอย่างประหลาด ทั้งสามคนไม่กล้าเข้ามาใกล้เกินไป อีกทั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เซียวเฉวียนเองอ่านใจของพวกเขาไม่ได้ ดังนั้น เซียวเฉวียนเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไร

คำพูดนี้ ทำเอาเหมิงเอ้าผงะไป นี่นายท่านไม่อาจอ่านความในใจได้แล้วหรือ?

เหตุใดเขาจึงไม่รู้ว่าชายชุดดำพูดอะไรกันล่ะ?

หรือว่า ชายชุดดำแข็งแกร่งปานนั้นเลยหรือ?

ในเวลานี้ เหมิงเอ้าคิดอยู่ในใจ ไม่สู้เขาบุกเข้าไปจากนั้นจัดการคว้าตัวคนผู้นั้นมาถามๆ ดูซิว่าพวกนั้นต้องการอูฐไปทำอะไร

ไม่คาดคิดเลย เขายังไม่ทันพูดแผนการอะไรออกมา เซียวเฉวียนก็ทำลายความคิดของเขาสิ้น “ดูไปแล้ว เขาคงจะรู้ตัวแล้วว่ามีคนติดตามเขาอยู่ พวกเราไปกันเถอะ”

ไม่อย่างนั้น เขาคงจะไม่หยุดเสียเวลาอยู่ตรงนี้หรอก

อีกทั้งการที่เขาสามารถหยุดเสียเวลาอยู่ตรงนี้ได้ ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้อูฐพวกนี้

ในเมื่อพูดเช่นนี้แล้ว หากไม่กำจัดความระแวงในใจของคนชุดดำ การที่คนชุดดำจะเสียเวลาไปสักหลายวันก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้

พอได้ยินเซียวเฉวียนเรียกให้ไป เหมิงเอ้าก็พลันตัวแข็งขึ้นมา “ไปอย่างนั้นหรือ? นายท่าน พวกเราจะกลับโรงเตี๊ยมกันเช่นนี้หรือ?”

เซียวเฉวียนยกรอยยิ้มขึ้นมาเป็นรอยยิ้มได้ใจพลางเอ่ย “ไม่ พวกเราจะล่วงไปอีกก้าวหนึ่ง”

เส้นทางที่อูฐจำนวนมากเดินผ่านแบบนี้ จะอย่างไรก็ต้องเหลือร่องรอยอยู่บ้าง

หากอยากจะรู้ความจริง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้บนตัวคนชุดดำ พวกเขาสามารถติดตามรอยเท้าอูฐเหล่านี้ไป และเป็นไปได้ว่าจะหาจุดหมายสุดท้ายของอูฐพวกนี้พบ

เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ เหมิงเอ้าก็พลันเข้าใจขึ้นมาทันที เขาเอ่ย “ถูกแล้ว!”

การที่เหมิงเอ้าตื่นเต้นเช่นนี้ ทำเอาชิงหลงหันมามอง ชิงหลงมองเหมิงเอ้าอย่างเรียบเฉยครั้งหนึ่ง ภายในใจของเขาคิด การที่เหมิงเอ้าไม่อาจจะเก็บอารมณ์ของตัวเองลงไปได้เช่นนี้ นับว่าไม่ได้การแล้ว

เมื่อสังเกตเห็นสายตาที่ชิงหลงมองมา เหมิงเอ้าที่ถูกเซียวเฉวียนตำหนิอยู่หลายครั้ง ก็คล้ายจะเข้าใจขึ้นมาเอง เขาเกาๆ ศีรษะ ก่อนจะเอ่ยอย่างลุแก่โทษว่า “ใต้เท้าชิงหลง ตัวข้าก็แค่ตื่นเต้นขึ้นมากะทันหันเท่านั้น อย่าได้มองข้าเช่นนี้ อีกหน่อยข้าจะแก้ ข้าจะต้องแก้แน่ๆ”

เมื่อถูกชิงหลงเหลือบมองแบบนี้ หากว่าเหมิงเอ้าไม่แก้ไข เช่นนั้นก็คงทำเซียวเฉวียนเสียหน้าแล้ว

หรือว่าไม่ใช่ ในฐานะเป็นผู้อารักขาของเซียวเฉวียน ในเวลาเดียวกับที่ต้องปกป้องเซียวเฉวียนให้ดี ก็ต้องรักษาหน้าเซียวเฉวียนด้วย จะเอาแต่ตกใจอย่างเดียวไม่ได้ อาจจะทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะที่ผู้อารักขาของเซียวเฉวียนไม่รู้จักรักษาท่าที

เซียวเฉวียนพอได้ยินความในใจของเหมิงเอ้าแล้ว เขาก็อดถอนหายใจเสียงเบาครั้งหนึ่งไม่ได้ เซียวเฉวียนพูดปากเปื่อยปากแฮะ ยังไม่สู้การมองครั้งหนึ่งของชิงหลงเลย

ก่อนหน้านี้ จะมากน้อย เซียวเฉวียนก็มักจะห้ามไม่ให้เหมิงเอ้าพูดจาตะโกน เขาก็ไม่สนอกสนใจ ในตอนนี้เพียงเพราะชิงหลงเหลือบตามองเขาครั้งเดียว ก็พูดว่าจะแก้ซะแล้ว

อย่าว่าแต่อูฐเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่เลย ยามที่ตัวหนึ่งเดินผ่านก็จะต้องทิ้งรอยฝีเท้าเอาไว้ไม่ใช่หรือ?

ทว่าเบื้องหน้าของพวกเขากลับเกิดเหตุการณ์ลี้ลับเช่นนี้ขึ้นมา บนพื้นนั้นกลับหาร่องรอยของอูฐไม่พบเลย

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มีเพียงแค่ติดตามเสาะทางจากเส้นทางของชายชุดดำไปเท่านั้น

คิดไปแล้ว พวกเขาก็ทำได้แค่ซ่อนตัว เฝ้ารอคอยจังหวะดีๆ อยู่ตรงนี้เท่านั้น

เพียงแต่ว่า ด้วยความคาดไม่ถึง ทั้งสามคนรอไปกว่าครึ่งชั่วยามก็ยังไม่เห็นเงาร่างของคนชุดดำและกลุ่มอูฐ

เซียวเฉวียนร้องขึ้นมาว่าแย่แล้ว หรือว่า พวกเขามาผิดทิศทางกันแน่นะ?

เพื่อที่จะสืบหาความจริงให้กระจ่าง เซียวเฉวียนจึงให้เหมิงเอ้ารออยู่ที่นี่ ส่วนเขากับชิงหลงมุ่งหน้าเดินกลับไป ดูซิว่าคนชุดดำจะยังอยู่ตรงที่เดิมหรือไม่

รอจนกระทั่งเซียวเฉวียนและชิงหลงค่อยๆ ย่องกลับที่เก่าแล้ว ก็พบว่าคนชุดดำกับฝูงอูฐหายตัวไปแล้ว

คนทั้งสองตั้งสติรอฟัง แต่กลับไม่ได้ยินเสียงกระพรวนแต่อย่างใด

คอของอูฐเหล่านั้นหิ้วกระพรวนเอาไว้ หากว่าพวกเขาอยู่ใกล้ๆ ขอเพียงพวกเขาขยับตัว เซียวเฉวียนกับชิงหลงจะต้องได้ยินเสียงกระดิ่งแน่นอน

แต่ว่ากลับไม่มี

ในเวลานี้เอง เซียวเฉวียนกลับมีความคิดบ้าบิ่นขึ้นมา หรือว่ามีคนใช้วิชาเคลื่อนวิญญาณ ขยับเขยื้อนตัวอูฐพวกนี้

แม้ว่าชิงหลงจะตกตะลึงกับความคิดใจกล้าของเซียวเฉวียน แต่เขาก็รู้สึกว่านี่มิใช่เป็นไปไม่ได้

แล้วยิ่งผู้ที่เก่งกาจในวิชาเคลื่อนย้ายวิญญาณ ก็สามารถเคลื่อนย้ายของได้มากมายในพริบตาจริง รวมไปถึงสัตว์ขนาดใหญ่แบบอูฐเช่นนี้ด้วย

แล้วยังมีความเป็นไปได้หนึ่ง ก็คือมีคนใช้วิชาปกปิดสรรพสิ่ง

ก็เหมือนกับภาพวาดอรุณรุ่งของเซียวเฉวียนนั่นละ ที่สามารถรองรับสรรพสิ่งทั่วหล้าได้

พอได้ยินชิงหลงพูดแบบนี้ เซียวเฉวียนก็จำได้แล้วว่าในตอนแรกที่เขาพบชิงหลงที่เกาะจูเสินนั้น ชิงหลงเองก็มิใช่ว่าสามารถย่นขนาดเล็กของเรือลำนั้นได้ตามใจหรอกหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย