ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1406

สรุปบท บทที่ 1406 ภาพลวงตาปรากฏขึ้น: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่ 1406 ภาพลวงตาปรากฏขึ้น – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่ 1406 ภาพลวงตาปรากฏขึ้น ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เหมิงเอ้าฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก การทำงานของสมองช้าลงเล็กน้อย

หลังจากที่เซียวเฉวียนกางม่านพลังเรียบร้อยแล้ว เหมิงเอ้าถึงจะได้สติกลับคืนมา ที่แท้พวกเขาก็บุกเข้ามาในใจกลางของค่ายกล!

ค่ายกล!

ไม่ต้องคิดมาก นี่จะต้องเป็นฝีมือของนักปราชญ์บัดซบพวกนั้นเป็นแน่

โชคดีที่เขายังโอ้อวดตัวเองในฐานะตัวแทนของเทียนเต๋า ทำลายวิธีการชั่วร้ายเหล่านี้จนสิ้นซาก!

ถ้าพระเจ้าทรงกระทำการลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนกับนักปราชญ์ เช่นนั้นกฎแห่งสวรรค์จะมีไว้เพื่อสิ่งใด?

ตามที่เหมิงเอ้าพูดออกมา นักปราชญ์คือตัวแทนแห่งความหายนะ เขาคือนักปราชญ์ผู้น่ารังเกียจ!

ครั้งที่แล้วเขากับไป๋ฉี่เกือบจะเสียท่าในค่ายกล ครั้งนี้เองก็เกือบจะเสียท่าในค่ายกลเช่นกัน

รอให้เซียวเฉวียนทำลายค่ายกลได้สำเร็จ รอให้เหมิงเอ้าได้ออกไป รอให้พวกเขาได้พบกับนักปราชญ์ ความแค้นทั้งเก่าและใหม่จะถูกล้างแค้นไปพร้อมกัน!

ไอ้พวกคนบัดซบ!

แต่อย่างไรก็ตาม พลังของเหมิงเอ้ายังคงไม่ฟื้นกลับมาโดยเร็ว เขาช่วยอะไรได้ไม่มาก ดังนั้นเขาจึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อนและสะสมพลังกลับมาใหม่

และเซียวเฉวียนก็เริ่มสำรวจไปรอบ ๆ

สำหรับค่ายกล เซียวเฉวียนในปัจจุบันศึกษาเกี่ยวกับมันน้อยมาก

ในตอนนั้นเซียวเฉวียนรู้สึกว่าสิ่งที่เรียกว่าค่ายกลนั้นซับซ้อนเกินไป ในประเทศที่สงบสุขอย่างฮว๋าเซี่ย ไม่มีสถานที่ที่มีความจำเป็นจะต้องใช้มัน

ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคสมัยปัจจุบัน ค่ายกลในสมองของเซียวเฉวียนนั้นไม่ต่างอะไรกับวิชาตัวเบา มันลึกลับเป็นอย่างมากและไม่สมกับความเป็นจริง แค่ฟังเอาไว้ก็เพียงพอแล้ว เรื่องที่คิดจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งไม่เคยอยู่ในหัวของเขามาก่อนเลย

และเมื่อมาถึงต้าเว่ย มันก็คือช่วงเวลาที่เซียวเฉวียนได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าค่ายกล และเขาก็เพิ่มจะมาให้ความสำคัญกับมัน

แต่อย่างไรก็ตาม ต้าเว่ยมีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของค่ายกลน้อยมาก ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงไม่ค่อยเข้าใจมันมากเสียเท่าไหร่นัก

สรุปก็คือ เมื่อเผชิญหน้ากับค่ายกลเซียวเฉวียนรู้สึกว่าตนเองควรตื่นตัวและระมัดระวังอยู่เสมอ

ครั้งที่แล้วที่กลับไปยังภูเขาจงหนาน ตามที่ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้ากล่าวไว้ ในค่ายกลนั้นมีภาพลวงตาปรากฏอยู่ โชคดีที่ไป๋ฉี่มีความแน่วแน่และหัวใจที่มั่นคงมากเพียงพอ ทำให้สุดท้ายสามารถหลุดออกมาจากแผนการของนักปราชญ์ได้ และทำลายค่ายกลได้ในท้ายที่สุด

แต่สำหรับค่ายกลวันนี้ เกรงว่าคงไม่ได้มีเพียงแค่กลไกบางอย่าง แต่น่าจะมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

“เหล่าจู มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษหรือเปล่า?” เซียวเฉวียนถามออกมาจากความคิดที่เงียบสงบ

มีสารานุกรมผนึกจูเสินเล่มนี้อยู่ หากไม่ใช้ก็คงเปล่าประโยชน์

แต่เซียวเฉวียนคิดไม่ถึงเลยว่า ผนึกจูเสินกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเลย

ไม่ใช่ว่าผนึกจูเสินไม่อยากตอบเซียวเฉวียน แต่เขาไม่สามารถตอบกลับมาได้

อย่างแรก หากอยู่ในค่ายกลของนักปราชญ์จริง ๆ เมื่อผนึกจูเสินพูดอะไรออกมามันก็ยากที่จะปกปิดความลับหรือบางทีนักปราชญ์อาจจะสังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่าง เพราะท้ายที่สุดแล้ว นักปราชญ์นั้นเต็มไปด้วยกลอุบาย เป็นคนที่ชอบทำอะไรนอกรีต

อย่างที่สอง ผนึกจูเสินไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องระวังสิ่งใดเป็นพิเศษ มันเองก็ไม่รู้ว่านักปราชญ์ใช้วิธีการอะไร มันสัมผัสไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

หากผนึกจูเสินบอกความจริงกับเซียวเฉวียนว่าเขาไม่รู้อะไรเลย เช่นนั้นคงถูกเซียวเฉวียนหัวเราะเยาะออกมา ผนึกศักดิ์สิทธิ์พันปีผู้สง่างามแต่กลับไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย แบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องน่าขันงั้นหรือ

จริงอยู่ว่าผนึกจูเสินมีอายุเป็นพันปี แต่สำนักหมิงเซียนนั้นดำรงอยู่ได้นานกว่าผนึกจูเสินเสียอีก และสำนักหมิงเซียนก็ยังสืบทอดต่อกันมาแล้วหลายพันปี นอกจากความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้อย่างลึกซึ้ง ที่จริงพวกเขาเองก็มีความสามารถบางอย่างด้วยเช่นกัน

เนื่องจากมันถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี ดังนั้นคนบนโลกจึงรู้อะไรเกี่ยวกับมันน้อยมาก แม้แต่ผนึกจูเสินเองก็ไม่กล้าบอกเรื่องราวทุกอย่างที่เกี่ยวกับพวกเขาออกมา

ดังนั้น เพื่อปกป้องอำนาจและความน่าเกรงขามของผนึกศักดิ์สิทธิ์พันปีของผนึกจูเสิน เขาทำได้เพียงแสร้งทำเป็นใบ้ ไม่พูดหรืออธิบายอะไรออกมา

เซียวเฉวียนไม่ได้รับคำตอบ คิดว่าการเข้ามาในค่ายกลนั้นมีผลกระทบต่อผนึกจูเสิน หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะผนึกจูเสินนั้นสัมผัสถึงจิตสำนึกของเซียวเฉวียนไม่ได้ ผนึกจูเสินถึงไม่ยอมพูดอะไรออกมา

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เซียวเฉวียนรู้เพียงแค่ว่า วันนี้คงไม่อาจพึ่งพาผนึกจูเสินได้ เขาทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น

เซียวเฉวียนก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงฮึดฮัดเบา ๆ ดังขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา

หากไม่ลองเงี่ยหูฟังให้ดี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ยินมัน

เซียวเฉวียนเริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันที ระมัดระวังกับสิ่งที่อยู่รอบกายของตนเองมากขึ้น

ในชั่วพริบตา เส้นไหมเนื้อละเอียดก็ปลิวไปมาทั้งสองด้าน เส้นไหมนั้นบางราวกับเส้นผม และส่องแสงอย่างเย็นชาภายใต้แสงไฟ

เส้นไหมที่ปลิวไปมามีความสูงเท่ากับคอของเซียวเฉวียนพอดี

เห็นได้ชัดเลยว่า กลไกนี้เป็นสิ่งที่นักปราชญ์ทำขึ้นมาเพื่อร่างกายของเซียวเฉวียนโดยเฉพาะ

เซียวเฉวียนหลบการโจมตีของเส้นไหมด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะตัดคอของเซียวเฉวียน โดยพื้นฐานแล้วมันทำให้เซียวเฉวียนบาดเจ็บไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

จนเส้นไหมเส้นสุดท้ายพุ่งเข้ามา เซียวเฉวียนยืนอยู่สูงตระหง่าน ปล่อยให้เส้นไหมพุ่งเข้ามาที่ร่างกายของเขา เขาชักดาบจิงหุนออกมา ฟันเส้นไหมเส้นนั้นขาดเป็นสองท่อน

หลังจากกลไกด่านนี้จบลง เซียวเฉวียนยังไม่ทันดำเนินการสำรวจต่อไป ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีควันลอยขึ้นมาจากพื้นดิน จากนั้นก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

ด้วยช่วงเวลาที่กะทันหัน เซียวเฉวียนสูดเข้าไปเล็กน้อยโดยไม่ทันตั้งตัว

เซียวเฉวียนรวบรวมพลังภายในอย่างรวดเร็ว บีบคั้นอากาศที่เพิ่มสูดดมเข้าไปเหล่านั้นออกมาอย่างสุดกำลัง

แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการเคลื่อนที่ของหมอกควันดังกล่าวนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก ในตอนที่เซียวเฉวียนหมุนเวียนพลังภายใน เขาก็รู้สึกหนักศีรษะเล็กน้อย ร่างกายของเขาเซไปเซมา ควบคุมไม่ได้

ในขณะนี้ ดวงตาที่เฉียบคมของเซียวเฉวียนเริ่มฟุ้งซ่านเล็กน้อย......

หลังจากนั้นฉากที่อยู่ตรงหน้าก็เปลี่ยนไป เซียวเฉวียนกลับมาที่กวีสมุทรคุนหลุนที่ถูกน้ำท่วมอีกครั้ง

กวีสมุทรคุนหลุนเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไร้ชีวิตชีวา

เซียวเฉวียนอยากเดินทางมาสถานที่แห่งนี้มาโดยตลอด เพียงแต่ไม่กล้า

เขากลัวว่าเมื่อมาถึงแล้วจะรู้สึกผิดหวัง เมื่อไม่เห็นเงาของเซียวเทียนและปีศาจกวี เขากลัวว่ามาที่นี่แล้วอาจได้พบกับเซียวเทียนและปีศาจกวี และทำให้ทั้งสองคนไม่มีความสุข ขับไล่เซียวเฉวียนให้ออกไปจากที่นี่

หากไม่เข้าไปในค่ายกลของนักปราชญ์ ติดกับหมอกควันของนักปราชญ์ เซียวเฉวียนก็คงไม่ได้มาที่กวีสมุทรคุนหลุนแห่งนี้

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ในตอนนี้ กวีสมุทรคุนหลุนที่อยู่ด้านหน้าของเซียวเฉวียนนั้นคือภาพลวงตา

แต่ร่างกายของเซียวเฉวียนกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย

เขายืนอยู่ในใจกลางของกวีสมุทรคุนหลุน มองไปรอบ ๆ เพื่อหาร่องรอยของเซียวเทียนและปีศาจกวี

เขาอยากจะถามเซียวเทียนและปีศาจกวีสักเล็กน้อย อยากรู้ว่าใครเป็นคนนำแก่นแท้เลือดบริสุทธิ์แห่งกองทัพฉินจำนวนห้าหมื่นนายไปกันแน่

เรื่องนี้ยังคงติดอยู่ในใจของเซียวเฉวียนมาโดยตลอด และไม่อาจหาเบาะแสจากมันได้เลย 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย