ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1412

สรุปบท บทที่ 1412 แข็งราวกับทองคำ: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 1412 แข็งราวกับทองคำ – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 1412 แข็งราวกับทองคำ ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ทักษะทางการแพทย์ของเทือกเขาคุนหลุนก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ภายใต้การรับรู้จากหูและตา แม้ว่าชิงหลงจะไม่ได้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่สามาถรักษาอาการป่วยได้ แต่การพิจารณาว่าเป็นโรคอะไรหรือเป็นพิษชนิดไหนก็ไม่ใช่เรื่อยยาก

โดยเฉพาะเรื่องพิษ แค่มองเขาก็สามารถรับรู้ได้ทันที

คำถามของชิงหลงนั้นเป็นการยืนยันการคาดเดาของเซียวเฉวียนว่าเป็นความจริง ดูเหมือนว่าค้างคาวพวกนี้จะมีพิษอย่างที่คิด

โชคดีที่ระวังไว้ตั้งแต่แรก

เซียวเฉวียนส่ายหน้าและพูดออกมา “ไม่นะ”

จากนั้นเซียวเฉวียนก็มุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังค้างคาวเพียงตัวเดียวที่เหลืออยู่ พูดออกมาอย่างเฉยเมยว่า “ตอนนี้เหลือมันแค่ตัวเดียว มันคือตัวที่รับมือได้ยากที่สุด”

เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน ชิงหลงขมวดคิ้วขึ้นมา ในใจคิดว่า เซียวเฉวียนคือคนที่สามารถทำลายผนึกจูเสินได้ ยังพูดออกมาว่าค้างคาวตัวนี้รับมือได้ยาก เช่นนั้นก็คงรับมือได้ยากจริง ๆ จะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด

เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงหลงคิดในใจเกียวกับเรื่องของผนึกจูเสิน เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก ผนึกจูเสินกลายเป็นสิ่งที่วัดความยุ่งยากของเรื่องต่าง ๆ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

แน่นอน ชิงหลงไม่รู้ว่าผนึกจูเสินกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เซียวเฉวียนรู้ว่ามันกำลังคิดอะไร เซียวเฉวียนใช้เสียงหัวใจในการพูดออกมา “เหล่าจู อย่าคิดมากกับตุ๊กตาตัวน้อยอย่างชิงหลง ความรู้ของชิงหลงนั้นแคบเกินไป จึงพูดอะไรเช่นนั้นออกมา”

ต่อหน้าบรรพบุรุษทั้งสองอย่างผนึกจูเสินและเจี้ยนจง คนที่มีอายุเท่ากับชิงหลงก็สามารถเรียวได้ว่าเป็นแค่เพียงตุ๊กตาตัวน้อย

ใช่ อย่าไปรู้จักกับคนที่อยู่แต่ในกะลาอย่างเขาจะดีกว่า ผนึกจูเสินพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็เงียบไม่พูดอะไร

ส่วนชิงหลงก็ตรวจสอบค้างคาวตัวนั้นอย่างจริงจัง หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยชิงหลงก็พบร่องรอยอะไรบางอย่าง เขาพูดออกมาด้วยความสงสัย “ค้างคาวตัวนี้กลัวไฟงั้นหรือ?”

เซียวเฉวียนพยักหน้าเพื่อบอกว่าสิ่งที่ชิงหลงพูดมานั้นถูกต้อง

จากนั้นเซียวเฉวียนก็พูดออกมาอีกว่า “หากสามารถใช้ไฟโจมตีไปที่มั่นได้ ไม่แน่ว่าอาจจะจัดการกับมันได้”

ปัญหาก็คือ ตอนนี้ไม่มีสิ่งที่สามารถใช้ในการทำคบเพลิงขึ้นมาได้

ชิงหลงยิ้มออกมาเล็กน้อย “เรื่องนี้ง่ายมาก”

ก่อนหน้านี้อยู่บนเทือกเขาคุนหลุนด้วยความเบื่อหน่าย ชิงหลงจึงเดินไปรอบ ๆ เทือกเขาคุนหลุน ในขณะที่เดินอยู่นั้นเขาก็พบกับสิ่งที่สามารถติดไฟได้ง่าย และยากที่จะทำลาย นั่นก็คือยางสน

ยางสนเป็นของเหลวที่มีความหนืดสูงที่หลั่งออกมาจากต้นสน เป็นของเหลวและแข็งตัวด้วยอากาศ รวมตัวกันกลายเป็นน้ำมันสน ยางสน และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย

โดยมันจะมีสีเหลืองอ่อนไปทางน้ำตาล

ในยุคปัจจุบันเป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมที่ใช้ในการผลิตสี สบู่ กระดาษ ไม้ขีดไฟ ฯลฯ

ในยุคปัจจุบันของฮวาเซี่ย แม้ว่าเซียวเฉวียนไม่เคยใช้ยางสนมาก่อนแ แต่เขาก็เคยได้ยินเพื่อนจากชนบทในโรงเรียนของเขาพูดในวันเด็ก ตอนเด็ก ๆ พวกเขาชอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บยางสน หลังจากนั้นก็นำยางสนมาทำเป็นแท่ง แท่งดังกล่าวสามารถติดไฟได้อย่างรวดเร็ว และเปลวไฟนั้นก็ไม่ดับลงง่าย ๆ

และชิงหลงในตอนนั้นก็รู้สึกว่า หากเขานำมันติดไว้กับตัว ไม่แน่ว่าอาจจะใช้ประโยชน์ได้ในบางครั้ง

ดังนั้นชิงหลงจึงนำยางสนพกติดตัวมาโดยตลอด

คิดไม่ถึงว่าจีโอกาสที่จะได้ใช้งานยางสนจริง ๆ

ชิงหลงโบกมือ ยางสนสามแท่งประกฎขึ้นมาบนอากาศ

ยางสนจับตัวกันจนกลายเป็นของแข็ง จึงจำเป็นต้องใช้ของบางอย่างในการทำให้มันจับตัวกัน

เซียวเฉวียนและค้างคาวมีดาบจิงหุนอยู่ พวกเขาสามารถใช้ปลายดาบเสียบเข้าไปในยางสนเพื่อจุดไฟที่ปลายดาบ

แต่ชิงหลงไม่ได้นำอาวุธติดตัวมาด้วยเลย

เซียวเฉวียนกล่าวออกมาว่า “ใต้เท้าชิงหลง อาวุธของท่านอยู่ไหน?”

หากไม่มี เซียวเฉวียนสามารถมอบดาบจิงหุนให้ชิงหลงได้ จากนั้นเซียวเฉวียนก็ใช้พู่กันเฉียนคุนแทน

ในฐานะที่พู่กันเฉียนคุนเป็นอาวุธวิเศษ สามารถสืบทอดมาถึงยุคปัจจุบันแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลง ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มามากมาย มันน่าจะไม่กลัวไฟ

อีกอย่างมันสามารถขยายให้ใหญ่ขึ้นได้ มันจึงน่าจะสามารถใช้งานกับยางสนได้เป็นอย่างดี

สัมผัสได้ถึงสายตาของเซียวเฉวียน ประกอบกับได้ยินในสิ่งที่เซียวเฉวียนพูดกับชิงหลง แน่นอน พู่กันเฉียนคุนรู้ว่าเซียวเฉวียนต้องการใช้ประโยชน์จากมัน มันจึงรีบเหวี่ยงร่างกายของมันเพื่อประท้วงออกมา

จริงอยู่ว่าพู่กันเฉียนคุนไม่กลัวไฟ แต่มันก็ไม่ชอบถูกไฟคลอก ความรู้สึกร้อน ๆ ที่ถูกไฟเผา ไม่ใช่ว่าพู่กันเฉียนคุนไม่เคยผ่านมาก่อน ในตอนที่ปีศาจกวีเปลี่ยนพู่กันเฉียนคุนให้เป็นดาบ มันก็ยังสามารถผ่านมาได้

แต่ความรู้สึกเช่นนั้น พู่กันเฉียนคุนไม่อยากสัมผัสกับมันอีก

เซียวเฉวียนเข้าใจความหมายของพู่กันเฉียนคุนเป็นอย่างดี แต่ที่เขาทำลงไปอย่างนี้ เพราะเขาไม่คิดว่าองค์ชายชิงหลงผู้สง่างามแห่งคุนหลุนจะไม่มีสิ่งของที่เป็นอาวุธติดตัวมาเลย ที่เขาถามออกไปเช่นนั้น มันก็เป็นแค่คำถามตามมารยาท เห็นแก่ที่ชิงหลงมาให้ความช่วยเหลือเขา เขาจะไม่ถามเช่นนั้นออกไปได้อย่างไร?

เป็นอย่างที่คิด ชิงหลงตอบกลับมาว่า “ใต้เท้าเซียวช่างมีน้ำใจยิ่งนัก แต่ข้ามีอาวุธอยู่แล้ว”

พูดจบชิงหลงก็หยิบดาบเล่มหนึ่งออกมาจากอากาศ กวัดแกว่งดาบดังกล่าว เสียบยางสนไว้ที่ปลายดาบอย่างรวดเร็ว

การโจมตีครั้งนี้ ต่อให้เป็นหินก็ต้องแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไม่ใช่หรือ?

แต่ค้างคาวที่เป็นแค่สัตว์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดและเนื้อกลับไม่เป็นอะไร

มันทำให้ดวงตาของพวกเซียวเฉวียนทั้งสามคนเบิกกว้างออกมาทันใด

นี่มันใช่ค้างคาวเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นก้อนทองคำชัด ๆ

สมองของนักปราชญ์นั้นทำด้วยอะไร หากนำมาใช้กับการวิจัยของฮวาเซี่ย เกรงว่าคงจะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก

เสียดายที่มาเกิดผิดยุคสมัย

แน่นอน เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ ต้องหาวิธีการว่าจะจัดการกับค้างคาวตัวนี้ได้อย่างไง

ฟันไม่เข้าก็คงทำได้เพียงใช้ไฟเผา แต่ตอนนี้ยางสนใกล้จะหมดลงแล้ว

ชิงหลงบอกว่านี่คือทั้งหมดที่เขามีอยู่

หรือพูดอีกอย่างก็คือ หากไม่สามารถสังหารค้างคาวตัวนี้ก่อนที่ยางสนจะหมด พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้อันดุเดือดอีกครั้ง

สมองของเซียวเฉวียนหมุนไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสั่งออกมาว่า “เหมิงเอ้า รีบไปนำใบไม้และกิ่งไม้แห้งบนพื้นทั้งหมดมาที่นี่เร็ว”

เมื่อเหมิงเอ้าได้รับคำสั่ง ของยื่นดาบจิงหุนส่งให้กับเซียวเฉวียน “นายท่าน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”

จะปล่อยให้ยางสนพวกนี้ถูกเผาไหม้ไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้ การที่มอบมันไว้ให้กับเซียวเฉวียน มันก็มีอำนาจในการต่อสู้กับค้างคาวมากกว่า

หลังจากที่เซียวเฉวียนรับยางสนเอาไว้ ร่างของเหมิงเอ้าก็หายวับไปกับตา เขารีบไปรวบรวมกิ่งไม้และใบไม้แห้งที่อยู่บนพื้น

หลังจากนั้นไม่นาน เหมิงเอ้าก็ปฏิบัติหน้าที่ของเขาได้สำเร็จ

จากนั้นเซียวเฉวียนก็จุดไฟขึ้นมาทันที เขาโบกมือสร้างม่านพลังของมา ขังค้างคาวไว้ในค่ายกลที่ชิงหลงสร้างขึ้นมาพร้อมกับม่านพลังของเขา

และก่อนที่ม่านพลังและค่ายกลจะถูกปิด พวกของเซียวเฉวียนทั้งสามคนก็โยนยางสนเข้าไปด้านใน

เหมือนการจับเต่าในโกศ 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย