ทักษะทางการแพทย์ของเทือกเขาคุนหลุนก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ภายใต้การรับรู้จากหูและตา แม้ว่าชิงหลงจะไม่ได้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่สามาถรักษาอาการป่วยได้ แต่การพิจารณาว่าเป็นโรคอะไรหรือเป็นพิษชนิดไหนก็ไม่ใช่เรื่อยยาก
โดยเฉพาะเรื่องพิษ แค่มองเขาก็สามารถรับรู้ได้ทันที
คำถามของชิงหลงนั้นเป็นการยืนยันการคาดเดาของเซียวเฉวียนว่าเป็นความจริง ดูเหมือนว่าค้างคาวพวกนี้จะมีพิษอย่างที่คิด
โชคดีที่ระวังไว้ตั้งแต่แรก
เซียวเฉวียนส่ายหน้าและพูดออกมา “ไม่นะ”
จากนั้นเซียวเฉวียนก็มุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังค้างคาวเพียงตัวเดียวที่เหลืออยู่ พูดออกมาอย่างเฉยเมยว่า “ตอนนี้เหลือมันแค่ตัวเดียว มันคือตัวที่รับมือได้ยากที่สุด”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน ชิงหลงขมวดคิ้วขึ้นมา ในใจคิดว่า เซียวเฉวียนคือคนที่สามารถทำลายผนึกจูเสินได้ ยังพูดออกมาว่าค้างคาวตัวนี้รับมือได้ยาก เช่นนั้นก็คงรับมือได้ยากจริง ๆ จะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงหลงคิดในใจเกียวกับเรื่องของผนึกจูเสิน เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก ผนึกจูเสินกลายเป็นสิ่งที่วัดความยุ่งยากของเรื่องต่าง ๆ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
แน่นอน ชิงหลงไม่รู้ว่าผนึกจูเสินกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เซียวเฉวียนรู้ว่ามันกำลังคิดอะไร เซียวเฉวียนใช้เสียงหัวใจในการพูดออกมา “เหล่าจู อย่าคิดมากกับตุ๊กตาตัวน้อยอย่างชิงหลง ความรู้ของชิงหลงนั้นแคบเกินไป จึงพูดอะไรเช่นนั้นออกมา”
ต่อหน้าบรรพบุรุษทั้งสองอย่างผนึกจูเสินและเจี้ยนจง คนที่มีอายุเท่ากับชิงหลงก็สามารถเรียวได้ว่าเป็นแค่เพียงตุ๊กตาตัวน้อย
ใช่ อย่าไปรู้จักกับคนที่อยู่แต่ในกะลาอย่างเขาจะดีกว่า ผนึกจูเสินพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็เงียบไม่พูดอะไร
ส่วนชิงหลงก็ตรวจสอบค้างคาวตัวนั้นอย่างจริงจัง หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยชิงหลงก็พบร่องรอยอะไรบางอย่าง เขาพูดออกมาด้วยความสงสัย “ค้างคาวตัวนี้กลัวไฟงั้นหรือ?”
เซียวเฉวียนพยักหน้าเพื่อบอกว่าสิ่งที่ชิงหลงพูดมานั้นถูกต้อง
จากนั้นเซียวเฉวียนก็พูดออกมาอีกว่า “หากสามารถใช้ไฟโจมตีไปที่มั่นได้ ไม่แน่ว่าอาจจะจัดการกับมันได้”
ปัญหาก็คือ ตอนนี้ไม่มีสิ่งที่สามารถใช้ในการทำคบเพลิงขึ้นมาได้
ชิงหลงยิ้มออกมาเล็กน้อย “เรื่องนี้ง่ายมาก”
ก่อนหน้านี้อยู่บนเทือกเขาคุนหลุนด้วยความเบื่อหน่าย ชิงหลงจึงเดินไปรอบ ๆ เทือกเขาคุนหลุน ในขณะที่เดินอยู่นั้นเขาก็พบกับสิ่งที่สามารถติดไฟได้ง่าย และยากที่จะทำลาย นั่นก็คือยางสน
ยางสนเป็นของเหลวที่มีความหนืดสูงที่หลั่งออกมาจากต้นสน เป็นของเหลวและแข็งตัวด้วยอากาศ รวมตัวกันกลายเป็นน้ำมันสน ยางสน และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยมันจะมีสีเหลืองอ่อนไปทางน้ำตาล
ในยุคปัจจุบันเป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมที่ใช้ในการผลิตสี สบู่ กระดาษ ไม้ขีดไฟ ฯลฯ
ในยุคปัจจุบันของฮวาเซี่ย แม้ว่าเซียวเฉวียนไม่เคยใช้ยางสนมาก่อนแ แต่เขาก็เคยได้ยินเพื่อนจากชนบทในโรงเรียนของเขาพูดในวันเด็ก ตอนเด็ก ๆ พวกเขาชอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บยางสน หลังจากนั้นก็นำยางสนมาทำเป็นแท่ง แท่งดังกล่าวสามารถติดไฟได้อย่างรวดเร็ว และเปลวไฟนั้นก็ไม่ดับลงง่าย ๆ
และชิงหลงในตอนนั้นก็รู้สึกว่า หากเขานำมันติดไว้กับตัว ไม่แน่ว่าอาจจะใช้ประโยชน์ได้ในบางครั้ง
ดังนั้นชิงหลงจึงนำยางสนพกติดตัวมาโดยตลอด
คิดไม่ถึงว่าจีโอกาสที่จะได้ใช้งานยางสนจริง ๆ
ชิงหลงโบกมือ ยางสนสามแท่งประกฎขึ้นมาบนอากาศ
ยางสนจับตัวกันจนกลายเป็นของแข็ง จึงจำเป็นต้องใช้ของบางอย่างในการทำให้มันจับตัวกัน
เซียวเฉวียนและค้างคาวมีดาบจิงหุนอยู่ พวกเขาสามารถใช้ปลายดาบเสียบเข้าไปในยางสนเพื่อจุดไฟที่ปลายดาบ
แต่ชิงหลงไม่ได้นำอาวุธติดตัวมาด้วยเลย
เซียวเฉวียนกล่าวออกมาว่า “ใต้เท้าชิงหลง อาวุธของท่านอยู่ไหน?”
หากไม่มี เซียวเฉวียนสามารถมอบดาบจิงหุนให้ชิงหลงได้ จากนั้นเซียวเฉวียนก็ใช้พู่กันเฉียนคุนแทน
ในฐานะที่พู่กันเฉียนคุนเป็นอาวุธวิเศษ สามารถสืบทอดมาถึงยุคปัจจุบันแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลง ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มามากมาย มันน่าจะไม่กลัวไฟ
อีกอย่างมันสามารถขยายให้ใหญ่ขึ้นได้ มันจึงน่าจะสามารถใช้งานกับยางสนได้เป็นอย่างดี
สัมผัสได้ถึงสายตาของเซียวเฉวียน ประกอบกับได้ยินในสิ่งที่เซียวเฉวียนพูดกับชิงหลง แน่นอน พู่กันเฉียนคุนรู้ว่าเซียวเฉวียนต้องการใช้ประโยชน์จากมัน มันจึงรีบเหวี่ยงร่างกายของมันเพื่อประท้วงออกมา
จริงอยู่ว่าพู่กันเฉียนคุนไม่กลัวไฟ แต่มันก็ไม่ชอบถูกไฟคลอก ความรู้สึกร้อน ๆ ที่ถูกไฟเผา ไม่ใช่ว่าพู่กันเฉียนคุนไม่เคยผ่านมาก่อน ในตอนที่ปีศาจกวีเปลี่ยนพู่กันเฉียนคุนให้เป็นดาบ มันก็ยังสามารถผ่านมาได้
แต่ความรู้สึกเช่นนั้น พู่กันเฉียนคุนไม่อยากสัมผัสกับมันอีก
เซียวเฉวียนเข้าใจความหมายของพู่กันเฉียนคุนเป็นอย่างดี แต่ที่เขาทำลงไปอย่างนี้ เพราะเขาไม่คิดว่าองค์ชายชิงหลงผู้สง่างามแห่งคุนหลุนจะไม่มีสิ่งของที่เป็นอาวุธติดตัวมาเลย ที่เขาถามออกไปเช่นนั้น มันก็เป็นแค่คำถามตามมารยาท เห็นแก่ที่ชิงหลงมาให้ความช่วยเหลือเขา เขาจะไม่ถามเช่นนั้นออกไปได้อย่างไร?
เป็นอย่างที่คิด ชิงหลงตอบกลับมาว่า “ใต้เท้าเซียวช่างมีน้ำใจยิ่งนัก แต่ข้ามีอาวุธอยู่แล้ว”
พูดจบชิงหลงก็หยิบดาบเล่มหนึ่งออกมาจากอากาศ กวัดแกว่งดาบดังกล่าว เสียบยางสนไว้ที่ปลายดาบอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...