ตอน บทที่ 1427 พบเจอศัตรูขณะเดินทาง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1427 พบเจอศัตรูขณะเดินทาง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เมื่อคิดว่าจะต้องพบกับเจี้ยวจง นักบุญก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ในเวลาเดียวกัน เขาก็คิดว่าจะทำร้ายเซียวเฉวียนดีไหม
ในขณะที่เขาหลบหลีกการต่อสู้กับเซียวเฉวียน เขาก็ได้คิดเรื่องนี้ขึ้นในใจ
หากคิดจะสู้ต่อไป และเจี้ยวจงมาทันเวลา นักบุญคงไม่มีโอกาสรอด
หากแพ้ ก็คงต้องปล่อยเซียวเฉวียนไป และจะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน
การที่เซียวเฉวียนสามารถติดตามนักบุญได้มาถึงที่นี่ได้ นั่นก็แสดงให้เห็นว่า เขานั้นจะได้พบกับที่อยู่ของกองทัพเหล่านักบุญ
ด้วยความสามารถของเซียวเฉวียน หากเขาตามต่อไป เขาต้องได้พบกับที่อยู่กองทัพอย่างแน่นอน
เหล่านักบุญได้ซ่อนรายละเอียที่อยู่ของกองทัพไว้อย่างแน่นหนา ต่อให้เซียวเฉวียนจะเก่งกล้าสามารถมากเพียงใด เขาก็จะหาไม่เจอ
เพราะฉะนั้นแล้ว หากเซียวเฉวียนตามหาเจอ นั่นคงอาจเป็นเพราะนักบุญได้เตรียมการมอย่างเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้น หากเซียวเฉวียนยังตามมาอีก นักบุญก็จะไม่ปล่อยให้เขาออกหลุดไปได้!
หลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่ง นักบุญก็ได้เดินออกมา
มีสุภาษิตหนึ่งได้กล่าวว่า ตราบใดที่ยังมีชีวิต ย่อมมีความหวังเสมอ ต่อให้ผ่านไปประมาณ 10 ปีก็ยังสามารถแก้แค้นได้
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ต้องพูดถึง 10 ปีเลย
แค่คิดก็… นักบุญได้ตัดสินใจที่จะไม่ต่อสู้กับเซียวเฉวียน เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองต่อไป
หลักจากที่ได้ตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ก็ต้องรอกำลังพลช่วยเหลือของใครจะมาช่วยก่อน
แม้เจี้ยวจงจะมาเร็ว แต่กำลังพลเสริมของหมิงเจ๋อก็มาเร็วกว่าเซียวเฉวียนอยู่ดี
ขณะนี้ กำลังพลเสริมของหมิงเจ๋อก็น่าจะถึงแล้ว
ตราบใดที่กำลังพลเสริมมาถึง นักบุญก็จะพาหมิงเจ๋อหนีไปด้วยกัน
ในช่วงเวลาที่คับขันนี้ คนของหมิงเจ๋อไม่เคยต้องทำให้นักบุญผิดหวัง พวกเขารีบต่อสู้กับเซียวเฉวียนทันที
เหล่ากำลังพลเสริมทั้ง 6 คนปรากฏตัวต่อหน้าหมิงเจ๋อ พวกเขาจ้องมองหมิงเจ๋อที่อยู่บนพื้นเหมือนกับสุนัขที่ไม่มีทางสู้ และเหล่ากำลังพลเสริมก็ทำสีหน้าตื่นตะลึง สิ่งที่เหล่ากำลังเสริมแสดงออกมานั้นได้ผ่านการฝึกฝนมาเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้พวกเขามีปฏิกริยาการตอบสนองที่ไว
พวกเขาหันไปมองนักบุญและเซียวเฉวียนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ขณะนั้น จู่ ๆ พวกเขาก็คิดในใจว่า ถ้าเป็นแบบนี้หมิงเจ๋อคงไม่มีทางรอดแล้วล่ะ
องครักษ์กล่าวด้วยความเคารพ: “องค์รัชทายาท ข้าเดินทางมาช้า ท่านโปรดลงโทษข้าด้วย!”
ช่วงเวลาที่คับขันอย่างนี้ เจ้าจะยังรักษามารยาทอีกทำไม หมิงเจ๋อเงยหน้าขึ้นมาพร้อมพูดว่า: “พูดอยู่ได้ รีบพาองค์รัชทายาท หนีไป!”
ทั้งสองรีบพยุงหมิงเจ๋อและพากันหนีไป
ในกำลังพลช่วยเหลือเหล่านี้ บางคนได้พบหมิงเจ๋อเป็นครั้งแรกหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น
รูปร่างหน้าตาในปัจจุบันของหมิงเจ๋อ ทำเอาพวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
ในอดีตหมิงเจ๋อเป็นบุคคลที่เก่งกาจ แต่มาวันนี้เขากลับไม่น่าดูเอาเสียเลย
ช่างตกใจเสียกระไร
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะหนีอีก
หนีไม่พอ ยังจะมีเรื่องกับคนอื่นอีก
ช่างแกร่งกล้าเสียจริง
หมิงเจ๋อลุกขึ้นมา และพูดขึ้นว่า: “พวกเจ้ารีบไปช่วยท่านนักบุญจัดการกับเซียวเฉวียน”
เหล่าองครักษ์ไม่เคยพบเจอเซียวเฉวียนมาก่อน แต่ทุกคนรู้ว่าเซียวเฉวียนเป็นคนในราชวงศ์เว่ย
ผู้คนจากราชวงศ์เว่ยดูแตกต่างจากผู้คนทางภาคตะวันออก
ดังนั้นต่อให้พวกเขาจะไม่รู้จัก พวกเขาก็รู้ว่าคนไหนคือเซียวเฉวียน
หลังจากคำสั่งมาแล้ว ทั้ง 6 คนได้รับก็ได้พากันเข้าร่วมในกองกำลังการต่อสู้
พวกเขายังไม่ทันได้ออกตัวก็ได้ยินเสียงของนักบุญที่ดังขึ้น: “พวกเจ้าพาคนผู้นี้ไปหาองค์รัชทายาท ด้วย”
คนที่เหลือก็ได้ต่อสู้กับเซียวเฉวียน และนักบุญกับหมิงเจ๋อก็ได้พากันหนีออกไป
ต่อให้สู้กันต่อไป เมื่อเจี้ยวจงมาถึง คิดอยากจะหนีก็หนีไม่พ้น
หากนักบุญไม่กลัวเจี้ยวจงมากเกินเหตุ เขาก็จะสามารถคิดได้ว่า อีกสักครู่เจี้ยงจงก็คงเดินทางมาถึงแล้ว
ภูเขาสูงและห่างไกลจากผู้ปกครองแผ่นดิน จึงทำให้มีความปลอดภัยสูงต่อการหลบซ่อน
เช่นเดียวกับนายพลใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านชานถัง
แต่เดิมหมู่บ้านถังบริหารงานโดนเจ้าหน้าที่ทุจริตและการพัฒนาเศรษกิจของเมืองทั้งเมือนก็ไม่ดีนัก ซึ่งยากต่อการอาศัยอยู่ของนายพลใหญ่
เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็กลายมาเป็นสภาพแบบนี้
จนถึงวันนี้ เมื่อเขาเห็นสัญญาณพลุที่หมิงเจ๋อปล่อยออกมา เขาก็จะจำมันได้
ในเมืองทางภาคตะวันตก พลุที่องค์รัชทายาท ครอบครองไว้นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
นี่ก็เพื่อที่จะช่วยเหลือองค์รัชทายาท ที่ตกอยู่ในสถาณการณ์คับขันได้ทันเวลา
ประเด็นด้านความปลอดภัยที่ต้องคุ้มกันองค์รัชทายาท จะนำมาเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปล่อยปะละเลยได้
ไม่ว่าองค์รัชทายาท จะอยู่ที่ไหน พวกเขาก็สามารถมาช่วยได้ทันเวลา
สัญญาณแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อเสียคือ ทุกคนในเมืองทางภาคตะวันตกรู้ว่านี่คือพลุที่องค์รัชทายาทมีติดตัว เมื่อปล่อยระเบิดจากพลุแล้ว ทุกคนก็จะสามารถรู้ได้ถึงที่อยู่ขององค์ชาย
พูดอีกนัยหนึ่งคือหากเมื่อใดที่หมิงเจ๋อปล่อยพลุ ก็จะถือว่าเขาได้เผยที่อยู่ของเขาทันที
คิดอยากจะเก็บเป็นความลับ แต่ก็มีคนไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้
หากเมื่อกี้ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์คับขัน หมิงเจ๋อจะไม่มีทางใช้พลุนี้อย่างแน่นอน
ในอดีตนายพลใหญ่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับหมิงเจ๋อ ทหารทุกนายของหมิงเจ๋อทราบว่าเขาคือคนของหมิงเจ๋อ
ในเมื่อทราบสถานะที่แท้จริงแล้ว เหล่าทหารก็ติดตามนายพลใหญ่ไป
คาดไม่ถึง เมื่อเขาเห็นเซียวเฉวียน นายพลใหญ่ก็ประหลาดใจอย่างมาก
ซึ่งมันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายและไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ในการหา
นายพลใหญ่และเซียวเฉวียนมาพบกันในสถานที่ที่แคบและรกร้าง
ซึ่งมันเหมือนกับประโยคนั้นที่บอกว่า พบเจอศัตรูขณะเดินทาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...