สรุปตอน บทที่ 1428 เหมิงเอ้าสำนึกตัว – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1428 เหมิงเอ้าสำนึกตัว ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคู่อริมาเจอกัน ความอาฆาตก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
แม่ทัพใหญ่จ้องมองที่เซียวเฉวียนด้วยสายตาอาฆาต เสียงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง "เซียวเฉวียน ไม่เจอกันนานเลย !"
ความหมายคือ ไม่คิดว่าจะมาเจอแกที่นี่ สวรรค์ช่วยแท้ๆ !
ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวเฉวียน แม่ทัพใหญ่จะตกเป็นผู้ร้ายหลบหนีได้อย่างไร ?
เขายังคงเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่มีสถานะสู่งส่งอำนาจใหญ่โต !
เซียวเฉวียนภัยร้ายคนนี้ ในเมื่อมาปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาในวันนี้ แม่ทัพใหญ่ไม่มีเหตุผลที่จะไว้ชีวิตเขา !
เซียวเฉวียนหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งพร้อมกับยกมุมปากแสดงความดูหมิ่น มนุษย์นี่เมื่อจะหน้าด้านขึ้นมาไม่แบ่งแยกสัญชาติกันจริงเชียว
แม่ทัพใหญ่เองมีเจตนาชั่วร้าย ทำให้ตัวเองเสียอนาคต แต่กลับมีหน้ามาโยนความผิดทั้งหมดให้กับเซียวเฉวียน
ถ้าเขาทำตัวดีประพฤติเที่ยงตรง ใครจะไปขย่มเขาได้?
ตลกสิ้นดี !
ตัวเองตกต่ำมาถึงขนาดนี้ ผ่านไปก็นานแล้ว แทนที่จะสำนึกผิดในตัวเอง แต่ยังมาเคียดแค้นเซียวเฉวียนถึงขนาดนี้อีก ?
ถ้าไม่ใช่เซียวเฉวียนพบเห็นทันเวลาและเปิดโปงเขาก่อนที่เขาจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นผลที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่แค่กลายเป็นผู้หลบหนีความผิด
ถึงตอนนั้น โทษลามถึงเก้าชั่วโคตร แม่ทัพใหญ่หนียังไงก็ไม่หนีไม่พ้น
พฤติกรรมของแม่ทัพใหญ่นั้น เหมือนไม่รู้จักบุญคุณคน ไม่รู้จักคนหวังดี
หรือเขายังคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ถ้าเซียวเฉวียนไม่มายุ่ง จะไม่มีใครมาพบเห็นสิ่งที่เขากำลังทำอยู่หรือ ?
เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ มีความคิดที่ไร้เดียงสาเช่นนี้ ถ้าเขาไม่ตกอับ แล้วใครตกอับ ?
มีคำกล่าวว่าความยุติธรรมอาจมาล่าช้า แต่ก็มาถึง
ถ้าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ก็จงอย่ากระทำ
ใต้ฟ้าพิภพ ย่อมไม่มีกำแพงที่ไม่ระบายอากาศ
การกระทำของแม่ทัพใหญ่ ถึงไม่ใช่เซียวเฉวียน ไม่ช้าก็เร็วต้องมีคนอื่นมาพบเห็นเข้าสักวัน
อยู่ที่เวลาไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น
ทำกรรมที่ชั่วร้ายยิ่งเลิกเร็วเท่าไรบาปกรรมก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้นและโทษก็จะไม่ร้ายแรงมาก เหตุผลตื้นๆ แค่นี้ เป็นถึงแม่ทัพใหญ่จะไม่รู้หรือไง ?
ถ้าเซียวเฉวียนไม่ดูหมิ่นเขา แล้วจะให้ดูหมิ่นใคร ?
เซียวเฉวียนพลางสกัดกั้นการโจมตีของทุกคนพลางมองหาทางออก
ตอนนี้ นักปราชญ์ได้ถอยตัวห่างออกไปข้างหนึ่งแล้ว และเซียวเฉวียนรู้ว่าเขากำลังจะหลบหนี
แต่เซียวเฉวียนไม่อาจปล่อยให้เขาหนีไปแบบนี้ได้
แต่ว่า แม่ทัพใหญ่และทหารองครักษ์ต่างก็เก่งไม่ใช่เบา พวกเขาพัวพันจนเซียวเฉวียนปลีกตัวออกไม่ได้
ดังนั้น เซียวเฉวียนได้แต่สกัดกั้นกันไปในขณะที่จ้องดูนักปราชญ์หันหลังวิ่งหนีไปอย่างต่อหน้าต่อตา
โคตรพ่อ...... !
เซียวเฉวียนชักจะร้อนใจแล้ว
เขาเคลื่อนไหวอย่างว่องไวระหว่างทหารองครักษ์และแม่ทัพใหญ่ พลางจ้องหาโอกาสที่จะปลีกตัวจากพวกเขาเพื่อไปตามไล่นักปราชญ์
แต่คนพวกนี้เป็นเหมือนผีมารบกวนเซียวเฉวียน ถึงแม้พวกเขาจะไม่สามารถทำร้ายเซียวเฉวียนได้ แต่พวกเขาก็ไม่ให้โอกาสเซียวเฉวียนหลบออกไปได้
ต้องบอกว่าทหารองครักษ์ของหมิงเจ๋อพวกนี้มีฝีมือดีกว่าองครักษ์ของหลายๆ คน ตื๊อคนนี้เก่งเป็นที่หนึ่งเลย
พอเห็นร่างของนักปราชญ์หายไปจากสายตา ในที่สุดเซียวเฉวียนก็จำต้องถอนสายตากลับมา ตั้งหน้าตั้งตามุ่งต่อการสู้รบ
แสงมีดเงาดาบ แลกกันไปแลกกันมา
เสียงโลหะของดาบที่กระทบกันดังสะท้อนอยู่ในหุบเขาลึก เสียงแหลมจนแทบบาดหู
เหมิงเอ้าและเจินฮ่าวซึ่งอยู่ใกล้ทางหนีรอดจากค่ายกลเพียงไม่กี่ก้าว ยังไม่ได้เดินออกมาจากค่ายกล ทั้งสองคนก็วิตกราวกับมดที่อยู่บนหม้อไฟ
เซียวเฉวียนเชื่อมญาณก็คือจะให้ทั้งสองคนรีบออกมา ก็หมายถึงกำลังขอความช่วยเหลือ
ถ้าไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน โดยทั่วไปแล้วเซียวเฉวียนจะไม่ขอความช่วยเหลือ
เซียวเฉวียนขอความช่วยเหลือ บ่งชี้ว่าเขาตกอยู่ในอันตราย
โดยเฉพาะเหมิงเอ้าในฐานะผู้อารักขาของเซียวเฉวียน หากปกป้องเซียวเฉวียนไม่ได้เมื่อเขาตกอยู่ในอันตราย เหมิงเอ้าทั้งร้อนใจทั้งวิตกกังวล
เขายังต้องช่วยแบ่งเบาแก้ปัญหาให้กับเซียวเฉวียนด้วย
หลังจากคิดตัดใจแล้ว เหมิงเอ้าก็มีทิศทางในอนาคตที่แจ่มชัด
แต่ว่าก่อนไปถึงจุดนั้น เหมิงเอ้าต้องออกจากค่ายกลก่อน !
เหมิงเอ้าฝากความหวังกับตัวเจินฮ่าว เขามองไปที่เจินฮ่าวด้วยสายตาอย่างใจจดใจจ่อและพูดว่า "คุณชายเจิน ท่านรีบคิดหาทางเร็วๆ เราต้องรีบออกไปให้ได้"
รอต่อไป ไม่แน่เซียวเฉวียนอาจถูกทำร้ายจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
เหตุผลที่เหมิงเอ้าคิดเช่นนั้นเป็นเพราะเขารู้ว่า นักปราชญ์และหมิงเจ๋อเกลียดชังเซียวเฉวียนจนเข้ากระดูก และจะไม่ปล่อยให้เซียวเฉวียนตายง่ายๆ ด้วยนิสัยที่ต่ำทรามของพวกเขา พวกเขาจะให้เซียวเฉวียนมีชีวิตอยู่ แล้วค่อยๆ ทรมานเซียวเฉวียน
พอเจินฮ่าวได้ยิน ก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าเองก็ไม่รู้จะทำยังไง"
มองผิวเผินเหมือนเดินออกไปได้เลย แต่พอเอาขาเตะ ประตูดันเตะไม่ออก
เจินฮ่าวไม่รู้ว่าจะทำลายตาของค่ายกลนี้อย่างไร
แต่พวกเขาก็ไม่อาจนั่งนิ่งรอความตายได้ ดังนั้นเจินฮ่าวจึงคิดวิธีแก้ปัญหาที่ไม่เชิงเป็นวิธีแก้ปัญหา ดวงตาของเขาเป็นประกายและพูดว่า "เราสองคนมาร่วมกันใช้กำลังภายใน ระเบิดค่ายกลนี้เลยดีไหม ?"
ค่ายกลอันก่อนหน้านี้ ก็ถูกระเบิดทิ้งไปไม่ใช่หรือ ?
ในเมื่อวิธีระเบิดใช้ได้ ก็มาทำเลียนแบบอีกครั้งจะเป็นไร
เหมิงเอ้าพยักหน้าอย่างทันควันและพูดว่า "ตกลง !"
ดังนั้น ทั้งสองจึงร่วมแรงกันโดยไม่ใช้แม้แต่อาวุธ ฝ่ามือทั้งสี่กระแทกอัดตรงไปที่ศูนย์กลางของค่ายกล
ครั้งแรก ความแรงของกำลังภายในเพียงทำให้ตาของค่ายกลสั่นคลอน จากนั้นก็กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม
ทั้งสองเห็นว่ากำลังภายในของพวกเขาสามารถสั่นคลอนตาของค่ายกลได้ จึงเพิ่มกำลังภายในของพวกเขา
ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ตาของค่ายกลสั่นเท่านั้น แต่ยังสั่นสะท้านไปทั้งค่ายกล ทั้งสองก็รู้สึกถึงความกระเทือนอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่า มันก็เพียงกระเทือน แต่ค่ายกลไม่ได้หายไป
ทั้งสองเพิ่มความแรงของกำลังภายในไปอีกครั้ง
เที่ยวนี้ ทั้งสองทุ่มสุดแรง หวังผลให้ตาของค่ายกลปลิดชีพไปเลย เสียงดังปังขึ้นทีหนึ่ง ตาของค่ายกลเริ่มเสียรูป ค่ายกลก็เริ่มจางหายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...