ตอน บทที่ 1430 ถึงบางอ้อ จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1430 ถึงบางอ้อ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
"เคร้ง !"
เสียงเสียดหูของโลหะที่กระทบกัน ทำให้เกิดประกายไฟขึ้นตำตา
ทั้งสองคนหยีตาลงด้วยสัญชาตญาณ
ถึงกระนั้น ก็ยังไม่อาจซ่อนเร้นแรงอาฆาตที่เข้มข้นในดวงตาของพวกเขาได้
ทั้งสองคนแลกกันไปแลกกันมา เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว ทุกกระบวนท่าดุดันสุดฤทธิ์ แต่ก็ไม่มีใครสามารถเอาเปรียบอีกฝ่ายหนึ่งได้
นี่เป็นแค่ลูกน้องของเซียวเฉียน พละกำลังก็สูสีกับแม่ทัพใหญ่ แม่ทัพใหญ่อดที่จะตื่นตระหนกตกใจไม่ได้
สายตาอาฆาตพยาบาทของเขายิ่งเข้มข้นขึ้น
ในอีกฝั่งหนึ่ง เจินฮ่าวรับมือกับทหารองครักษ์สามคนด้วยตัวคนเดียว
กำลังขององครักษ์สามคนนี้อ่อนกว่าแม่ทัพใหญ่เล็กน้อย แต่วิทยายุทธ์ของเจินฮ่าวนั้นยืดหยุ่นหลากหลายที่สุด รบกับสามคนนี้ ไม่มีอะไรยาก
ในดงป่าเก่าแก่ภูเขาลึก การสู้รบครั้งนี้รบกวนจนภูตผีทวยเทพต่างตกใจร้องไห้ เฮ่ยไม่สิ เป็นใบไม้สีเขียวสิงห์สาราสัตว์ตกใจร้องไห้
อำนาจพลังของผู้ยิ่งใหญ่แลกกระบวนท่า ในรัศมีออกไปแปดร้อยเมตร ใบไม้ นก และสัตว์ไม่รู้เท่าไรต้องถูกทำร้าย บ้านช่องถูกโค่นทำลาย
เดิมทีคิดว่า หลบอยู่ในป่าเขาลึกจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ ไม่คิดว่าภัยพิบัติเกิดขึ้นจนได้ พวกเขาไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนเลยนะเนี่ย
ผ่านไปไม่นาน แม่ทัพใหญ่เริ่มอ่อนแรงลงในที่สุด
คิดไม่ถึงว่าจะมาแพ้ให้กับลูกน้องของเซียวเฉวียนคนหนึ่งหรือ ?
ขายขี้หน้าเขาจริงๆ !
แต่ว่า ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ ในเมื่อตีสู้เหมิงเอ้าไม่ได้ แทนที่จะแพ้ในมือของเหมิงเอ้า สู้ฉวยโอกาสหลบหนีไปดีกว่า
คิดได้ปั๊บ แม่ทัพใหญ่จึงฉวยโอกาสเหมิงเอ้าเผลอ โรยผงออกมาหนึ่งกำมือแล้วตะโกน "ไปเร็ว !"
แน่นอนเหมิงเอ้าไม่คิดว่าแม่ทัพใหญ่จะมาเล่นไม้นี้ เขาไม่ทันระวัง ถูกลูกไม้สกปรกของแม่ทัพใหญ่เข้า ผงแป้งปิดบังสายตาของเหมิงเอ้า
เหมิงเอ้ารีบปิดตาลงอย่างไวด้วยสัญชาตญาณ
เจินฮ่าวตอบสนองทันและรีบโผเข้ามาหาเหมิงเอ้า เขามองไปที่เหมิงเอ้าอย่างเป็นห่วงและพูดว่า "รู้สึกเป็นไงบ้าง ?"
ถือโอกาสทั้งสองไม่ว่างมายุ่งกับพวกเขา แม่ทัพใหญ่นำทหารองครักษ์สามคนหลบหนีไปได้
รู้ว่าสู้เขาไม่ได้แล้วยังจะสู้ ไม่โง่หรือ ?
ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งห่างออกไป เหมิงเอ้าไม่อาจจะสนใจตาของเขา พูดอย่างรีบด่วน "คุณชายเจิน รีบตามเร็ว อย่าให้พวกเขาหนีไปได้"
เจินฮ่าวมองร่างพวกเขาที่หลบหนีไป แต่ละคนมือไม้ฉับไว ถึงเขาจะไล่ตามไปตอนนี้ ด้วยแรงของเขาคนเดียว คงขวางพวกนี้ไม่อยู่แน่
ดีไม่ดี พวกเขาอาจจะฉวยโอกาสนี้มาทำร้ายเหมิงเอ้าได้
มีสุภาษิตกล่าวว่า อย่าไล่หมาให้จนตรอก
เจินฮ่าวกล่าวว่า "ช่างเถอะ ไว้ชีวิตพวกมันไปก่อน"
เจินฮ่าวเชื่อว่า เซียวเฉวียนจะกวาดพวกนี้ให้เรียบสักวัน พวกเขาหลบไปได้วันที่ 1 แต่คงหลบไม่พ้นวันที่ 15
จากนั้น เจินฮ่าวก็ช่วยตรวจดูตาให้เหมิงเอ้า โชคดีที่แป้งเป็นเพียงแป้งธรรมดาและไม่ได้ทำร้ายดวงตาของเหมิงเอ้า
รอเหมิงเอ้าทำความสะอาดแป้งบนร่างกายของเขาเสร็จ ทั้งสองก็ติดตามรอยเบาะแสและมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ เซียวเฉวียนหายตัวไป
เซียวเฉวียน ตามคำอธิบายของชิงหลง เคลื่อนตัวมายังบริเวณริมทะเลทราย
เขาคิดว่า ไม่ว่านักปราชญ์กับหมิงเจ๋อจะวิ่งเร็วแค่ไหน ในเวลาอันสั้นนี้ พวกเขาก็ไม่อาจวิ่งเร็วกว่าวิชาเคลื่อนตัวในพริบตาของเซียวเฉวียนได้
ในเวลานี้ นักปราชญ์และหมิงเจ๋อน่าจะยังอยู่บนภูเขา
เซียวเฉวียนจะนั่งรออยู่ตรงนี้ ก็จะเจอพวกเขาได้
แต่แล้วเซียวเฉวียนรอมาหนึ่งวันเต็มๆ ไม่เห็นแม้เงาของนักปราชญ์และหมิงเจ๋อ กลับรอเหมิงเอ้าและเจินฮ่าวมาถึงก่อน
แต่เขาไม่คิดว่า แม่ทัพใหญ่ดันใช้กลอุบายสกปรก
มองคนผิดจริงๆ
แต่ว่า ครั้งนี้พลาดไปไม่เป็นไร เรียนรู้จากประสบการณ์ก็แล้วกัน
เซียวเฉวียนพูดอย่างใจเย็น "ชนะหรือแพ้เป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นไร ปล่อยให้พวกเขาดิ้นรนไปอีกสักพัก"
หนีแล้วก็หนีไป ขอให้คนของเขาปลอดภัยก็พอ
อาศัยโอกาสนี้ เซียวเฉวียนสอนบทเรียนให้เหมิงเอ้า "เหมิงเอ้า เจ้าต้องจำไว้ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับความคับข้องใจส่วนตัว ต้องทำตามระดับกำลัง ไม่ใช่สู้ชนิดเอาเป็นเอาตาย"
ที่ใดมีชีวิต ที่นั่นย่อมมีความหวัง
แต่ว่า การนำทัพออกศึกนั้น มันไม่เหมือนกัน เมื่อนำทัพไปรบ ต้องคิดให้รอบคอบก่อนลงมือ และไม่ทำศึกที่ไม่มีความมั่นใจ
ทำศึก นอกจากจะปกป้องตัวเอง ยังต้องปกป้องทั้งทหาร ประชาชน และประเทศด้วย
เมื่อพูดถึงทำศึก เซียวเฉวียนเคยสอนบทเรียนหนักๆ ให้กับเซียวเฉวียนมาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้มาพูดซ้ำ ก็แค่อยากให้เหมิงเอ้าคิดทบทวนความหมายที่มีอยู่ในนั้น
มีความกล้าหาญพร้อมด้วยกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทั้งสองเสริมซึ่งกันและกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้
เมื่อก่อน เหมิงเอ้ายังดูเหมือนไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เหมิงเอ้าเข้าใจความหมายของประโยคที่ว่ามีความกล้าหาญพร้อมด้วยกลยุทธ์แล้วอย่างสมบูรณ์
ในเวลานี้เอง เหมิงเอ้าถึงบางอ้อเสียที ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเซียวเฉวียนถึงอยากให้เขาอ่านหนังสือเยอะๆ
อันที่จริง เซียวเฉวียนก็คือจะว่าเหมิงเอ้ามีความกล้าหาญแต่ไร้กลยุทธ์นั่นเอง จำต้องอ่านหนังสือเพื่อยกระดับสติปัญญา
เซียวเฉวียนทำเช่นนี้ ก็รักษาหน้าให้เหมิงเอ้ามากพอแล้ว ทั้งคำนึงถึงศักดิ์ศรีของเขาอย่างเต็มร้อยด้วย
ในที่สุดเหมิงเอ้าที่เข้าใจทุกอย่างแล้ว ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ในปีที่ผ่านมา เซียวเฉวียนพูดเป็นนัย ๆ ว่าเขาต้องอ่านหนังสือเยอะๆ ตอนนี้เขาเพิ่งมาเข้าใจเจตนาดีของเซียวเฉวียน ส่วนโค้งสะท้อนนี้ยาวไม่ธรรมดาจริงๆ
เหมิงเอ้าละอายจังโวย !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...