สรุปเนื้อหา บทที่ 1436 ฮ่องเต้โยนความผิด – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1436 ฮ่องเต้โยนความผิด ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
แค่ต้าเว่ยไม่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ในการบุกโจมตีคุนหลุนก็ถือเป็นเรื่องดีมากแล้ว แต่จะให้ต้าเว่ยช่วยเหลือพวกเขา แก้ปัญหาเรื่องความอดอยากของพวกเขา
ความเมตตาอันยิ่งใหญ่เช่นนี้เจ้าไปเอามาจากที่ไหนกัน?
เซียวเฉวียนยิ้มและกล่าวออกไปว่า “ใช่ ดังนั้นจึงขอรบกวนเจ้าให้เดินทางไปยังเกาะนกกระสาอีกสักครั้ง”
ให้เหมิงเอ้าเดินทางไปยังเกาะนกกระสาเพื่อนำเถามันเทศมาส่งที่คุนหลุน
เหมิงเอ้าทำหน้ามุ่ย “เรื่องจริงงั้นหรือ?”
เซียวเฉวียนมองมาที่เหมิงเอ้า อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง เรื่องแบบนี้จะเอามาล้อเล่นได้อย่างไร”
การต่อสู้ของประเทศนั้นเป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้นปกครอง ประชาชนเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์
คุนหลุนมีความทะเยอทะยานที่จะยึดครองต้าเว่ย นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดของสี่ผู้อาวุโสใหญ่ ในความเป็นจริง ชิงหลงที่มีฐานะเป็นถึงองค์ชายยังไม่สนับสนุนสี่คนนั้นเลยด้วยซ้ำ
สงครามเกิดจากความทะเยอทะยานของคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และคนจำส่วนใหญ่ก็ถูกบังคับให้เข้าสู่สนามรบ
ดังนั้นราษฎรในคุนหลุนและประชาชนที่อยู่ในประเทศเล็ก ๆ รอบ ๆ คุนหลุนนั้นไม่ได้มีความผิดแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเซียวเฉวียน ด้วยอาวุธที่ทันสมัยในมือของเซียวเฉวียน เขายังจำเป็นต้องกลัวชาวคุนหลุนพวกนี้อีกงั้นหรือ?
ต่อให้คุนหลุนต้องการสู้ พวกเขาก็จะถูกปืนใหญ่จากเครื่องบินของเซียวเฉวียนปัดเป่าจนกลายเป็นเถ้าถ่าน!
ด้วยอาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ ต้าเว่ยยังต้องกลัวอะไรอีกงั้นหรือ?
น่าตลกสิ้นดี!
ได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน เหมิงเอ้าก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล ดังนั้นเขาจึงรีบออกเดินทางไปยังเกาะนกกระสาในทันใด
ในตอนนี้ดวงตาเจินทั้งสองได้จับจ้องมาที่เซียวเฉวียนโดยไม่กะพริบตา เขารู้สึกชื่นชมและนับถือเซียวเฉวียนจากใจจริง
เขาอยากจะพูดว่า เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้แตกต่างจะคนอื่นมากถึงเพียงนี้?
บางคนใช้ชีวิตอยู่โดยไม่รู้ตัว และอยู่อย่างเห็นแก่ตัวไปจนตาย
เซียวเฉวียนอายุเพียงแค่นี้ แต่กลับเป็นคนใจกว้างและมีเมตตา มีใจหวังให้ราษฎรในใต้หล้าได้สุขสบายโดยไม่คำนึงถึงปัญหาระหว่างประเทศ
ช่างเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับมนุษยชาติ
หากทุกคนมีความตระหนักรู้นี้ โดยเฉพาะผู้มีอำนาจ โลกก็จะสามัคคีกันและจะไม่มีวันเกิดความขัดแย้ง
นี่คือสวรรค์ที่แท้จริง!
ความตระหนักรู้ของเซียวเฉวียนนั้นสูงส่งยิ่งนัก!
เมื่อรับถูกถึงสายตาอันเร่าร้อนของเจินฮ่าว เซียวเฉวียนก็หันมามองเขาพร้อมกล่าวออกไปว่า “อย่ามาจ้องข้าเช่นนี้ ข้าก็แค่อยากให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น”
การใช้ชีวิตในยุคโบราณ แค่ความล้าหลังเพียงอย่างเดียวก็ลำบากมากพอแล้ว
เซียวเฉวียนคือคนที่มาจากยุคสมัยใหม่ การดูแลคนยากจนและลำบากยากเข็ญเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
พระเจ้าให้เซียวเฉวียนเดินทางข้ามผ่านกาลเวลามายังโลกแห่งนี้ ทั้งหมดก็เพราะต้องการให้เซียวเฉวียนทำอะไรสักอย่างให้โลกแห่งนี้ดีขึ้นไม่ใช่หรือ?
ที่เซียวเฉวียนทำเช่นนี้ก็เพื่อตอบสนองความประสงค์ของพระเจ้า
“ท่านพี่เซียว ท่านรีบให้ฝ่าบาทส่งข้ากลับไปยังจวนเซียวด้วยเถิด ข้าคิดดีแล้ว ข้าจะติดตามท่านไปทั้งชีวิต” เจินฮ่าวจ้องมองมาที่เซียวเฉวียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยศรัทธาใครมากขนาดนี้มาก่อน
ความศรัทธาที่เขามีต่อเซียวเฉวียนนั้น อยู่ในระดับที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้แล้ว
ติดตามอยู่ข้างกายของเซียวเฉวียน มันคือความปรารถนาสูงสุดของเขา
เมื่อเห็นสีหน้ากระตือรือร้นของเจินฮ่าว เซียวเฉวียนก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “ได้ ข้าเองก็มีเรื่องอยากจะพูดคุยกับฝ่าบาทอยู่พอดีเลย”
หลังจากพูดจบ เซียวเฉวียนก็ติดต่อกับฮ่องเต้ที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้
ในเวลานั้นฮ่องเต้กำลังเขียนและแก้ไขสาส์น
เมื่อได้ยินเสียงการติดต่อมาจากเซียวเฉวียน เขารีบวางสิ่งของในมือลง พูดออกมาว่า “ราชครู ติดต่อข้ามามีเรื่องอันใดงั้นหรือ?”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เซียวเฉวียนอยู่ในเมืองหลวง หากไม่มีเรื่องสำคัญเขาจะไม่ใช่วิธีนี้ในการติดต่อฮ่องเต้
เรื่องนี้ถูกจัดการโดยจางจิ่นและสวีซูผิง ทำให้ราชสำนักกลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ดังนั้นจางจิ่นจึงคิดว่า ที่ฮ่องเต้เรียกเขาเข้ามาในพระราชวังครั้งนี้ มันจะต้องมีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเป็นแน่
ดังนั้นจางจิ่นจึงรีบเดินทางเข้ามาในพระราชวัง
เมื่อได้ยินสาเหตุที่ฮ่องเต้เรียกเขาเข้ามาในพระราชวัง และรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากความคิดของเซียวเฉวียน ต้องการให้เขาเช็ดก้นของเซียวเฉวียน จางจิ่นรู้สึกไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก แอบสาปแช่งเซียวเฉวียนในใจ “ตัวสร้างปัญหา ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ชอบสร้างปัญหาเสียจริง”
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนสั่งให้จางจิ่นเป็นคนจัดการ ไม่ว่าจางจิ่นจะเต็มใจหรือไม่เขาก็ต้องรับไว้ ใครใช้ให้เขาอยากกลายเป็นคนสนิทกับเล่า
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้สำหรับจางจิ่นแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ก็แค่หาวิธีหลอกลวงเหล่าเสนาบดีไม่ใช่หรือ? เรื่องแบบนี้จางจิ่นเคยทำมาแล้วไม่น้อย สำหรับเขาแล้วอาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
ดังนั้นจางจิ่นจึงรับภารกิจนี้ไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น พระราชวังฉางหมิง จางจิ่นออกมาแจ้งเกี่ยวกับคำร้องของคุนหลุนต่อทุกคน
จางจิ่นกล่าวว่าคุนหลุนต้องเผชิญหน้ากับความแห้งแล้งในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ทำให้การเก็บเกี่ยวนั้นไม่ดีเท่าที่ควร และประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนอาหาร ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องล้มตายอยู่ตามข้างถนน
ด้วยความที่จนปัญญา ผู้อาวุโสแห่งคุนหลุนมาหาจางจิ่น ขอให้จางจิ่นถ่ายทอดคำขอร้องนี้มายังฮ่องเต้ เพื่อยื่นมือให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขา
เป็นอย่างที่คิด เมื่อจางจิ่นพูดเช่นนั้นออกไป เหล่าเสนาบดีจำนวนมากก็คัดค้านออกมาทันใด พวกเขาต่างบอกว่านี่เป็นปัญหาของคุนหลุน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา ใครใช้ให้คุนหลุนมีความทะเยอทะยานในการยึดครองใต้หล้าและพิชิตทุกพื้นที่ถึงเพียงนี้?
นี่คือสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ
จางจิ่นกล่าวออกไปว่า “แม้จะพูดออกมาอย่างนั้น แต่สุนัขที่หิวโซก็พร้อมที่จะกระโดดข้ามกำแพง พวกเขาหมดหนทาง เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะคิดถึงพวกที่อุดมสมบูรณ์อย่างพวกเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ความสามารถในการต่อสู้ของกองทัพคุนหลุนเป็นอย่างไร คิดว่าทุกท่านคงจะเข้าใจเป็นอย่างดี ข้าไม่ได้มีความทะเยอทะยานมากกว่าผู้อื่นแต่อย่างใด และไม่ใช่คนที่ช่วยเหลือผู้อื่นสุ่มสี่สุ่มห้า”
หลังจากที่จางจิ่นพูดถึงข้อเสียของการไม่ให้ความร่วมมือ เขาก็พูดถึงประโยชน์ของการให้ความร่วมมือออกมา “หากพวกเราช่วยพวกเขาเอาชนะความยากลำบากครั้งนี้ พวกเขาจะต้องจดจำความเมตตาของพวกเราครั้งนี้เป็นแน่ ด้วยสิ่งเหล่านี้ ต้าเว่ยและคุนหลุนจะสามารถสานสัมพันธ์กันได้อย่างดีตลอดไป”
ที่จริงสิ่งที่จางจิ่นพูดออกมาสรุปได้ง่าย ๆ ก็คือ หากไม่ช่วย ต้าเว่ยจะต้องประสบกับหายนะ แต่หากช่วย ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะประสบกับหายนะ แต่อาจจะไม่ทรมานมากขนาดนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...