หลังจากที่เซียวเฉวียนจากเมืองหลวง เสี่ยวเซียนชิวก็กลายเป็นหูเป็นตาให้กับเซียวเฉวียนอยู่ในเมืองหลวง
เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนแต่อยู่ภายใต้การดูแลของเสี่ยวเซียนชิวทั้งสิ้น
ซึ่งพระตำหนักฉางหมิงเป็นสถานที่ที่เหล่าขุนนางมักจะมารวมตัวเพื่อหารือกัน ตราบใดที่คอpตรวจตราพระตำหนักฉางหมิง ก็จะยิ่งเข้าใจเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น
ดังนั้นเมื่อต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เสี่ยวเซียนชิวจำต้องซ่อนตัวอยู่ในพระตำหนักฉางหมิง
ฉากในพระตำหนักฉางหมิงถูกถ่ายทอดโดยเสี่ยวเซียนชิว
นับตั้งแต่ที่รู้ว่าอู๋ฟานกำลังพุ่งเป้าไปยังเซียวเฉวียนและจวนฉิน เซียวเฉวียนก็ทำการฝากข้อความเสี่ยวเซียนชิวไปบอกสวีซูผิง ให้สวีซูผิงช่วยเซียวเฉวียนขับไล่อู๋ฟานออกจากพระตำหนัก ให้เขาเสียโอกาสที่จะเข้าเฝ้า
ใครใช้ให้อู๋ฟานถูกลดตำแหน่งล่ะ ทั้งยังอยู่ไม่เป็นสุข คิดจะลอบกัดเซียวเฉวียน
เดิมทีสวีซูผิงเป็นขุนนางว่างงาน ปกติจะคอยลงบันทึกทะเบียนบ้าน และชอบฟังเรื่องซุบซิบนินทา ให้เขาวางกับดักเล่นงานคนอื่น ก็ใช่ว่าไม่ได้ แต่เขาไม่เคยทำเรื่องแบบนี้
เกรงว่าคงจะอวดฉลาด
แต่เซียวเฉวียนไม่สนใจ ไม่ใส่ใจว่าสวีซูผิงจะตอบตกลงหรือไม่ แต่ให้เสี่ยวเซียนชิวคาบข่าวไปบอกก็จบ
ไอหยา สวีซูผิงเรียกเซียวเฉวียนว่าลูกศิษย์
เขามีชีวิตรอดมาจนถึงป่านี้ ด้วยความใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเจอกับเซียวเฉวียนยิ่งต้องวางแผน
แล้วจะใช้วิธีไหนล่ะ เซียวเฉวียนนับว่าเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากในต้าเว่ย เขาอยู่ ต้าเว่ยถึงจะเปลี่ยนแปลง ต้าเว่ยถึงจะพัฒนา
อีกอย่างเรื่องที่เขาทำ ก็เพื่อประชาราษฎร์และประเทศชาติ
เรื่องที่เขาขอ แม้ว่าสวีซูผิงจะไม่เต็มใจนัก แต่เขาก็ยังทำ
ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกไม่ชอบขี้หน้าอู๋ฟานสักเท่าไหร่ ถ้าลงโทษอู๋ฟานได้ก็ลงโทษไปเถอะ!
ลงโทษแค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ?
น่าสนใจ
ดังนั้น สวีซูผิงจึงสอบถามสถานการณ์ในจวนเซียวเพียงสั้น ๆ ดูว่าจวนเซียวยังมีรายชื่อใครที่สามารถนำไปใช้ได้อีกบ้าง
จากนั้นเขาก็ค่อยหาคนผิด ไปทำการแสดงบนท้องถนน
ถูกต้อง ภาพที่อู๋ฟานเจอล้วนแต่เป็นการจัดฉากของสวีซูผิงทั้งสิ้น
เมื่อได้ยินรายงานของเสี่ยวเซียนชิว เซียวเฉวียนอดยกนิ้วชื่นชมสวีซูผิงไม่ได้ วิธีนี้ทำง่ายและยังได้ผล ถูกต้อง
จากการรายงานของเสี่ยวเซียนชิว วินาทีที่อู๋ฟานเห็นฮ่องเต้ ก็ถึงกับตกใจจนแทบฉี่ราด
ตกใจจนพูดไม่ออก
สวีซูผิงลุกขึ้นยืน เขาบอกว่าเคยเจอเฉวียนซานในจวนเซียวมาก่อน ดังนั้นเฉวียนซานคนนี้ไม่ใช่เฉวียนซานของจวนเซียว
เรื่องนี้สร้างความตกใจใหกับอู๋ฟาน อู๋ฟานจ้องมองสวีเซียนชิวอย่างไม่กะพริบตา ท่าทีจริงจังของสวีซูผิง ไม่เหมือนคนโกหกสักนิดเดียว
จากนั้นเขาก็มองไปทางเฉวียนซานอีกครั้ง
เมื่อเห็นถึงท่าทีหวาดกลัวของเฉวียนซาน ในที่สุดสมองของอู๋ฟานก็กลับมาเป็นปกติ
และก็ใช่ เฉวียนซานคือคนของจางเคอ ต่อมาได้ติดตามเซียวเฉวียน จะเคยเห็นพายุลูกใหญ่ได้อย่างไรเล่า?
ฮ่องเต้มีท่าทีน่าเกรงขาม เฉวียนซานไม่ถึงกับกลัวจนฉี่ราด แค่พูดไม่ออกเท่านั้น
อู๋ฟานที่กว่าจะเข้าใจก็ผ่านมานานแล้วกุมขมับด้วยความเสียใจ!
เขาไม่ควรรีบร้อนตั้งแต่แรก เขาน่าจะตรวจสอบสถานะของเฉวียนซานให้แน่ใจก่อน
ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้และสหายคนอื่น สร้างความเข้าใจผิดมหันต์เช่นนี้ อู๋ฟานแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีด้วยความละอายใจ
จบสิ้นแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
แม้ว่าจะถูกไล่ออก แต่ก็กลายเป็นเรื่องขบขันของทุกคน ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยืนสู้หน้าสหายด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ชิ้ง!
เดินหมากพลาดหนึ่งก้าวพาลแพ้ทั้งกระดาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...