สรุปตอน บทที่ 1439 พบเบาะแส – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1439 พบเบาะแส ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
อู๋ฟานลาออกด้วยตัวเอง เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง อีกด้านหนึ่งคือเขาต้องการปกป้องอู๋จี้
เรื่องของเฉวียนซานที่เกิดขึ้นในพระตำหนักฉางหมิง อู๋ฟานตรักได้ว่าต้องเป็นกับดักของเซียวเฉวียนแน่นอน เซียวเฉวียนตั้งใจเล่นงานเขา
เซียวเฉวียนเลื่องลือว่าเป็นพวกแค้นฝั่งหุ่นที่สุดในเมืองหลวง
ทันทีที่เขาเริ่มลงมือ เขาจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะบรรลุกเป้าหมาย
ประกอบกับที่อู๋ฟานรู้ตัวเองดีว่าเผลอไปทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยเข้าแล้ว
ถ้าเขายังเป็นขุนนางในราชสำนักต่อไป เส้นทางข้างหน้าอาจจะไม่ราบรื่น ทั้งยังสร้างความเดือดร้อนให้กับอู๋จี้อีกด้วย
ดังนั้นหลังจากผ่านการครุ่นคิดหลายตลบ อู๋ฟานตัดสินใจลาออกทันที
แค่ความเข้าใจที่เขามีต่อเซียวเฉวียน แม้ว่าเซียวเฉวียนจะแค้นฝั่งหุ่นมากก็ตาม แต่เขาก็ยังแยกแยะได้ มองที่เรื่องไม่ใช่มองที่คน ไม่ได้อยากฆ่าล้างผลาญครอบครัวอู๋ฟานเพียงเพราะอู๋ฟานล่วงเกินเขา
เพื่อปกป้องอู๋จี้ อู๋ฟานทำได้แค่แขวนคอฆ่าตัวตาย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่รักษาตำแหน่งขุนนางของอู๋จี้แล้ว ยังปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองไม่ให้ตกอยู่ในกำมือของเซียวเฉวียน
ก่อนตาย อู๋ฟานกล่าวกับอู๋จี้ด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ลูกรัก ต่อไปต้องเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่โลภในสิ่งที่ไม่ควรมี อีกอย่างไม่ว่าอย่างไรก็อย่าคิดร้ายกับเซียวเฉวียวเด็ดขาด”
คิดร้ายกับเซียวเฉวียน เท่ากับรนหาที่ตายให้ตัวเอง
อู๋ฟานเข้าใจทุกอย่างก่อนตัดสินใจฆ่าตัวตาย ความยิ่งใหญ่บนรากฐานของเว่ยเชียนชิว ยังมีใครที่เซียวเฉวียนฆ่าไม่ได้อีกบ้าง?
แต่กว่าจะเข้าใจก็เมื่อภัยพิบัติจวนตัวแล้ว สายเกินไปเสียแล้ว
อู๋จี้ได้ยิน แต่ไม่รู้เรื่องที่ผู้เป็นพ่อของเขาเคยสู้กับเซียวเฉวียนมาก่อน ยามนั้นเขาไม่คิดอะไร คิดแค่ว่าอู๋ฟานคิดดีแล้ว ไม่อยากคิดอะไรอีก จึงโพล่งคำเหล่านั้นออกมา
ตอนนั้นเขาพยักหน้า บ่งบอกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของอู๋ฟาน
แต่ไม่นาน อู๋ฟานก็สิ้นใจ อู๋จี้นนึกถึงเซียวเฉวียนคนที่ผู้เป็นพ่อกล่าวไว้ก่อนสิ้นใจ ทั้งยังพูดจาประหลาดชวนงุนงง จึงอดคิดไม่ได้ว่าการตายของผู้เป็นพ่อต้องเกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน
ดูเหมือนเขาจะฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือของเซียวเฉวียนหรือไม่
ต่อให้ไม่ใช่ เซียวเฉวียนต้องทำบางอย่างกับท่านพ่อเป็นแน่
แบบนี้ อู๋จี้ที่เดิมทีไม่ได้มีเจตนาร้ายก็ยิ่งเกลียดชังเซียวเฉวียนมากขึ้น
เขาลั่นสาบานเงียบ ๆ ขาต้องช่วยผู้เป็นพ่อแก้แค้นให้ได้
ทว่าเซียวเซียนไม่รู้เรื่องเหล่านี้
หลังจากจัดการกับอู๋ฟานแล้ว เซียวเฉวียนก็ออกจากโรงเตี๊ยมทันที
เตรียมตัวออกเดินทางตามหานักบวชในทะเลทราย
ก่อนเข้าสู่เขตทะเลทราย ทั้งสองคนได้เตรียมน้ำและเสบียงไว้แล้ว
นอกเหนือจากนี้ยังต้องเตรียมตัวเพื่อลาโง่สองตัว
จะหาใครสักคนก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ทะเลทรายออกจากกว้างขวาง การใช้วิชาเคลื่อนย้ายวิญญาณก็เข้าใจเพียงผิวเผิน จะหาเจออย่างไร?
ทั้งสองคนเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ในตอนนี้พวกเขากำลังจะออกเดินทางนั้น เซียวเฉวียนบังเอิญไปได้ยินเสียงที่ฟังดูหยาบคายดังขึ้น “เรารีบกลับไปเฝ้าเสบียงกองนั้นเถอะ ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมา เรื่องใหญ่แน่ เรารับผลที่ตามมาไม่ไหวหรอกนะ”
เซียวเฉวียนมองไปตามเสียง ชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสองคนยกจอกเหล้าขึ้นมา ก่อนจะกระดกรวดเดียวเหมือนดื่มน้ำเปล่า
ฤทธิ์เหล้านี้พาให้เซียวเฉวียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ช่างดียิ่งนัก”
ชามใหญ่เช่นนี้จะไม่เมาได้อย่างไร?
คารวะ ขอคารวะ!
หลังจากที่ชายฉกรรจ์ทั้งสองดื่มเสร็จ ก็หมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับรังสีอำมหิต
ยามนี้ เจินฮ่าวหันกลับมา และมองไปตามสายตาของเซียวเฉวียน จากนั้นก็พึมพำว่า “ก็แค่ชายฉกรรจ์สองคน มีอะไรน่าดูนัก?”
เซียวเฉวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไปกันเถอะ เราต้องตามไปดู”
เสบียงอาหารสำคัญขนาดนี้ ยังมีใครน่าสนใจกว่าเรื่องนี้อีกหรือ?
คิดได้ นัยน์ตาของเซียวเฉวียนก็เปล่งประกาย นั้นใช่กองกำลังชาวยุทธ์แท้หรือไม่?
มีความเป็นไปได้
ดังนั้นทั้งสองคนจึงสะกดรอยตามชายฉกรรจ์สองคนนั้นไปเงียบ ๆ เดินตามติดเหมือนเงาตามตัวเลยก็ว่าได้
เจินฮ่าวเอ่ยด้วยความอยากรู้ “ในนั้นมีอะไร?”
เซียวเฉวียนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าว”
ข้าวเยอะขนาดนั้น อยู่ ๆ ก็มาปรากฏขึ้นที่นี่ ร้อยทั้งร้อยต้องเตรียมให้กับนักบวชแน่นอน
หากติดตามขบวนนี้ไป ก็อาจจะเจอกับที่อยู่ของขบวนและนักบวชก็ได้
เหอะ!นั้นไม่ใช่อูฐที่เซียวเฉวียนเตรียมไว้ย่อมไร้ประโยชน์
มาสิ มาสิ
เวลานี้เซียวเฉวียนได้ยินเสียงฝีเท้าบนทางเล็ก ๆ และเสียงพูดคุยดังขึ้น มีคนกำลังมาทางนี้
เพื่อไม่ให้โดนจับได้ ทั้งสองคนรีบหาที่ซ่อนตัวโดยเร็ว
ประมาณหนึ่งถ้วยน้ำชา คนเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเซียวเฉวียน
1 2 3 4 5 ...10 ทั้งหมด 10 คน
คนเหล่านี้ดูไปแล้วน่าจะมีอำนาจ ไหวพริบก็ดี แต่เต็มไปด้วยเหงื่อ เหมือนเพิ่งออกแรงไปไม่น้อย
ทันทีที่คนเหล่านี้กลับมา ชายฉกรรจ์เฝ้าประตูก็ส่งยิ้ม หนึ่งในนั้นพูดว่า “ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังใช้แรงงานอะไรสักอย่าง
ผู้มาเยือนแสยะยิ้ม “ที่ไหนล่ะ เงินมา งานเดิน ลำบากที่ไหนล่ะ?”
คนเหล่านั้นพูดความจริง
พวกเขาอาจจะเหนื่อยก็จริง แต่ก็ยังได้นั่งพัก
แต่ก็ได้พักเพียงครู่เดียว พวกเขาก็ลุกขึ้น ยังไม่ทันปัดฝุ่นที่ก้นก็เอ่ยขึ้นว่า “เปิดประตูเถอะ ทำงานเสร็จแล้ว วันนี้ก็เท่านี้ละกัน”
ชายฉกรรจ์เฝ้าประตูหยิบกุญแจบนเอว จากนั้นก็ไขเปิดประตูอย่างชำนาญเปิดประตูให้พวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...