ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1440

เมื่อเห็นผู้มาเยือนแบกกระสอบข้าวสารกระสอบแล้วกระสอบเล่าออกมา เซียวเฉวียนกลับไม่ได้รีบร้อนตามไป

เขายังต้องการเฝ้าสังเกตอีกพักใหญ่ ดูว่าชายฉกรรจ์เฝ้าประตูเหล่านี้จะทำอะไรต่อ

พวกเขาย้ายข้าวสารมาไว้ที่นี่ หรือมีคนยายเข้ามา?

หลังจากให้ผู้มาเยือนจากไป ชายฉกรรจ์ขี้เมาสองคนก็มองเข้าไปด้านใน หนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า “ข้างในยังเหลือข้าวสารอีกสามกระสอบ ไปกันเถอะ เรารีบช่วยขนออกมา”

“พวกเจ้าดูดี ๆ นะ ไม่ว่าอย่างไรห้ามผิดพลาดเด็ดขาด”

ชายฉกรรจ์อีกคนตอบกลับ “รู้แล้ว!”

กล่าวจบ สองคนนั้นก็บังคับรถม้าจากไป

ในตอนนี้เอง เซียวเฉวียนและเจินฮ่าวได้แยกกันไปคนละทิศทาง เจินฮ่าวตามรถม้าไป ส่วนเซียวเฉวียนตามผู้มาเยือนไป

สิบคนนั้นมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ แบกกระสอบข้าวสารขนาดใหญ่เดินขึ้นเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แถมยังแกบไปพลางพูดคุยไปพลางราวกับพวกเขากำลังแบกปุยนุ่นอย่างไรอย่างนั้น

แต่พวกเขาเดินไม่เร็วเท่าไหร่นัก

เซียวเฉวียนจึงไล่ตามไปพลางแวะพักไปพลาง

เมื่อเห็นถนนที่ทอดยาว ก็คิดว่าน่าจะยังอีกไกล

ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด จะคลาดกันไม่ได้

เรื่องที่ทำให้เซียวเฉวียนคาดไม่ถึงคือ ก่อนหน้านั้นไม่มีใครติดตามสถานะของเขาได้ แต่ตอนนี้เขากลับเป็นคนที่ไล่ตามคนธรรมดาทั้งสิบไม่ได้

พูดออกไปใครเล่าจะเชื่อ?

แต่ความจริงมันเป็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนกำลังจะคลาดกับพวกเขา

ทั้งที่เซียวเฉวียนออกตามหาทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็ยังไม่พบร่องรอยของพวกเขา

ทั้งสิบคนหายตัวไปฉับพลัน ทั้งยังหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย

น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก

ความจริงแล้วสิบคนนั้นไม่ได้หายไปไหน พวกเขาถูกซ่อนไว้

ถนนเส้นนี้เพิ่งตัดใหม่ไม่นาน แต่พวกเขาเริ่มขนย้ายเสบียงแล้ว แต่กลับเริ่มวันนี้

เบื้องหลังของการขนย้ายนี้คือนักปราชญ์

พูดได้ว่า นักปราชญ์ไม่ได้ไปทะเลทราย แต่อ้อมมาที่นี่

ส่วนหลังของถนนเส้นนั้น ความจริงแล้วนักปราชญ์ตั้งใจทำให้ผู้คนสับสน

เพื่อป้องกันไม่ให้เซียวเฉวียนหาที่นี่เจอ

ถูกต้อง นักปราชญ์รู้ว่าเซียวเฉวียนไล่ตามมาถึงที่นี่

หลังจากหลบหนีเข้ามาในป่าลึก นักปราชญ์ไม่เพียงแต่ใช้เวลารักษาตัวเอง ทั้งยังเร่งรีบปรับเปลี่ยนค่ายกลของเขาอีกด้วย

ถึงอย่างไรในบรรดาวรยุทธ์ของทุกคน ค่ายกลคือส่วนที่ง่ายและยากไปในเวลาเดียวกัน

ประเด็นคือเซียวเฉวียนและคนของเขาไม่เข้าใจค่ายกล หากถูกขัง ต่อให้ออกมาได้ ก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควร

ช่วงเวลานี้มากพอที่จะทำให้นักปราชญ์หลบหนีได้

เมื่อครู่ นักปราชญ์พบร่องรอยของเซียวเฉวียน เขาปิดค่ายกลอย่างเงียบ ๆ พาคนขนเสบียงเข้าไปในค่ายกล

นี่คือสาเหตุว่าทำไมเซียวเฉวียนถึงหาร่องรอยของพวกเขาไม่เจอ

เซียวเฉวียนมองไปรอบ ๆ ด้านด้วยสายไม่อยากเชื่อ น่าแปลกยิ่งนัก ทั้งสิบคนคิดจะหายก็หายเสียอย่างนั้น พวกเขามีวิชาล่องหนหรืออย่างไร?

ในตอนนี้เอง เสียงถอนหายใจต่ำ ๆ ของผนึกจูเสินก็ดังขึ้นข้างหูของเขา “เฮ้อ!”

เซียวเฉวียนที่ได้ยินเสียงนี้ก็ยังไม่ได้สติ ไม่รู้ว่าทำไมผนึกจูเสินถึงได้ถอนหายใจเช่นนี้ เขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “เหล้าจู เกิดอะไรขึ้น?”

ผนึกจูเสินกล่าวเสียงต่ำ “มัวมองหาอะไรอยู่ คนพวกนั้นหนีไปไกลแล้ว”

เซียวเฉวียนอึ้งงัน กวาดตามองอีกรอบ ในที่สุดก็เข้าใจ “เจ้ากำลังบอกว่านักปราชย์อยู่ที่นี่เช่นนั้นหรือ?”

ผนึกจูเสินไม่ส่งเสียงใด ๆ ราวกับปลงในสติปัญญาของเซียวเฉวียน และต่อให้พูดมากอย่างไร ก็เหมือนกับยิ่งดึงให้สติปัญญาของผนึกจูเสินตกต่ำลงไปด้วย

ไม่พูดก็เท่ากับยอมจำนน

เซียวเฉวียนตื่นตกใจอย่างอดไม่ได้ พูดคุยกับผนึกจูเสินก็เหมือนกับพูดคุยกับตัวเอง “นักปราชญ์แข็งแกร่งเพียงนี้เลยหรือ?”

แข็งแกร่งจนเซียวเฉวียนก็ยังหาร่องรอยของเขาไม่เจอ?

ต้องรู้ว่า เขาบาดเจ็บไม่นาน เขายังมีกายหยาบ เหตุใดถึงได้ฟื้นตัวเร็วเช่นนี้?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย