ในมือของภาพรุ่งอรุณถึงแม้ว่าจะมีระเบิดอยู่มาก แต่ค่ายกลหนึ่งใช้ระเบิดอันหนึ่ง แบบนี้มันสิ้นเปลืองทรัพยากรมากจริงๆ และยังเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เสียงรบกวนดังมาก ถึงแม้ว่าจะมีม่านกั้นบังไว้อยู่ ก็ยังเสียงดังอยู่
เซียวเฉวียนกลัวว่าหูของเขาจะหนวก!
ถ้ารู้มาก่อน จะได้เรียนวิชาการสร้างค่ายกล
ในตอนนี้ ผนึกจูเสินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ :“เรียนตอนนี้ก็ยังไม่สาย แต่ว่า ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เจ้าก็คงไม่มีเวลาว่างพอที่จะสามารถเรียนได้”
ผนึกจูเสินเหมือนกำลังพูดกับเซียวเฉวียน แต่ก็เหมือนกับตัวเอง พูดเองตอบเอง
แต่ที่เขาพูดก็เป็นเรื่องจริง การสร้างค่ายกลไม่ใช่ว่าใช้เวลาแค่วันสองวันจะเรียนรู้ได้
ถ้าเรียนการสร้างค่ายกลขึ้นมาจริงๆ ยากยิ่งกว่าการเรียนต่อสู้มาก
เพราะว่ามีความซับซ้อน
ถึงแม้ว่าเป็นผนึกจูเสินที่เป็นผนึกมานานเป็นพันปีแล้ว หรือว่าเป็นเจี้ยนจง มีเวลาแค่เพียงระยะสั้นๆ เริ่มต้นจากที่ไม่รู้อะไรจนกว่าจะฝึกฝนค่ายกลได้อย่างชำนาญหรือวิเคราะห์ค่ายกลได้อย่างละเอียด มันไม่มีทางเป็นไปได้
ถึงแม้เซียวเฉวียนจะเป็นคนฉลาด แต่เขาก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง จะเทียบกับผนึกจูเสินและเจินจงได้อย่างไร?
ในจุดนี้แน่นอนว่า เซียวเฉวียนก็รู้ดี
ตอนที่อยู่ที่ฮวาเซี่ย เซียวเฉวียนไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับค่ายกล หรือจะพูดได้ว่าไม่มีความรู้เกี่ยวกับค่ากลเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่เขาก็ดูโทรทัศน์มามาก
ในโทรทัศน์คนเหล่านั้นใช้วิธีการสร้างค่ายกล เช่น ค่ายกลแปดทิศ ค่ายกลการสังหารทั้งเจ็ด
แต่การลงมือดำเนินการทำอย่างไร เซียวเฉวียนไม่รู้จริงๆ
ถ้ารู้มาก่อนว่าจะมีวันนี้ ในตอนนั้นที่อยู่ที่ฮวาเซี่ยเขาควรจะเรียนรู้ไว้ ไม่สนใจว่าจะเป็นค่ายกลที่ลึกลับแค่ไหน ก็ควรจะศึกษาค้นคว้าเอาไว้
ค่ายกลนี้มีความซับซ้อนอย่างมาก เซียวเฉวียนเชื่อว่าจะสามารถเรียนรู้ได้ในช่วงเวลาสั้น แต่ก็ทำไม่ได้
ตอนนี้เซียวเฉวียนรู้แล้วว่าประโยคที่ฮวาเซี่ยยุคปัจจุบันประโยคนั้นมีความหมายลึกซึ้งขนาดนี้ ผู้คนไม่สามารถรู้อนาคตได้ มักรอจนเสียใจแล้วถึงจะรู้ว่าควรทำอะไร
แต่ว่า ในตอนนี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เซียวเฉวียนไม่อยากจะคิดเรื่องที่ไม่มีอยู่จริงแล้ว
ดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและหาทางจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น ทางแก้ไขมีมากมายกว่าแผนการลับ เซียวเฉวียนไม่กังวลเลยว่าจะจัดการนักปราชญ์ไม่ได้
ในตอนแรกที่มาต้าเว่ย เซียวเฉวียนไม่ได้มีพลังใดๆแม้แต่น้อย ก็ยังอยู่ภายใต้กรงเล็กของสัตว์ร้ายอย่างเว่ยเชี่ยนชิวมีชีวิตรอดอยู่มาได้ใช่ไหม?
ไม่เพียงแค่มีชีวิตรอดอยู่มาได้เท่านั้น และยังอยู่มาได้อย่างราบรื่น จนได้เป็นถึงราชครูที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของต้าเว่ย
ฮ่าฮ่าฮ่า!
ก่อนหน้านี้เซียวเฉวียนยังอ่อนแอไม่มีพลัง ยังไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งนั้น
ในตอนนี้ เซียวเฉวียนมีความสามารถครบสมบูรณ์ ก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องกลัว
เซียวเฉวียนมองไปรอบๆ มองเห็นข้างหน้าเป็นพื้นที่ว่างเปล่า มีบ้านหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่หลังเดียว
บ้านหลังนี้เมื่อดูแล้วถึงแม้จะดูเก่าเล็กน้อย แต่บริเวณรอบๆดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก น่าจะมีคนค่อยมาดูแลทำความสะอาด
มีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบตารางวา ก็นับว่าเป็นบ้านขนาดใหญ่
ในที่เขตชานเมืองอย่างนี้ บริเวณรอบข้างไม่มีเพื่อนบ้าน คนปกติธรรมดาไม่น่าจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้
ในยุคโบราณ ภูเขาในป่ามีสัตว์ดุร้ายมากมาย ปลูกบ้านอยู่อย่างโดดเดี่ยวอันตรายอย่างมาก
เซียวเฉวียนกำลังครุ่นคิดว่า บ้านหลังนี้น่าจะเป็นบ้านที่นักปราชญ์นำเอาเสบียงอาหารมาเก็บไว้
ในตอนนี้ ปะตูใหญ่ของบ้านปิดอยู่ ด้านนอกไม่ได้ล๊อกไว้ แสดงให้เห็นว่าถูกล๊อกจากด้านใน ในนั้นมีคน
และตอนที่เซียวเฉวียนกำลังจะเดินเข้าไปตรวจสอบความจริง ก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น
มีคนโผล่หน้าออกมา หลังจากนั้นสายตาก็มองดูไปรอบๆบริเวณ แล้วจึงยืดตัวตรงยืนขึ้น เปิดประตูให้กว้างมากขึ้น
คนนี้เป็นคนนำทางให้กับชายร่างใหญ่สองคนนั้น
คนนำทางยืนอยู่ที่หน้าประตู ยังไม่ไว้วางใจมองดูรอบๆ
มองดูอยู่นาน ถึงจะหันหลังไป พูดด้วยสำเนียงพื้นถิ่นของเขา มองตรงไปในห้องนั้นและตะโกนพูดว่า:“ออกมาเถอะ ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ชายร่างใหญ่สองคนนั้นได้ยินเสียงจึงออกมา ทั้งสองคนมีสีหน้าตื่นตระหนก:“เสียงดังเมื่อครู่ ทำให้คนตกใจมากจริงๆ!”
“พี่ใหญ่ ท่านบอกพวกข้ามาเถอะว่า ทำเรื่องอย่างนี้จะมีอันตรายต่อชีวิตหรือไม่?”
“ถ้ามี พวกเราสองพี่น้องไม่อยากทำแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...