ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1442

ในมือของภาพรุ่งอรุณถึงแม้ว่าจะมีระเบิดอยู่มาก แต่ค่ายกลหนึ่งใช้ระเบิดอันหนึ่ง แบบนี้มันสิ้นเปลืองทรัพยากรมากจริงๆ และยังเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เสียงรบกวนดังมาก ถึงแม้ว่าจะมีม่านกั้นบังไว้อยู่ ก็ยังเสียงดังอยู่

เซียวเฉวียนกลัวว่าหูของเขาจะหนวก!

ถ้ารู้มาก่อน จะได้เรียนวิชาการสร้างค่ายกล

ในตอนนี้ ผนึกจูเสินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ :“เรียนตอนนี้ก็ยังไม่สาย แต่ว่า ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เจ้าก็คงไม่มีเวลาว่างพอที่จะสามารถเรียนได้”

ผนึกจูเสินเหมือนกำลังพูดกับเซียวเฉวียน แต่ก็เหมือนกับตัวเอง พูดเองตอบเอง

แต่ที่เขาพูดก็เป็นเรื่องจริง การสร้างค่ายกลไม่ใช่ว่าใช้เวลาแค่วันสองวันจะเรียนรู้ได้

ถ้าเรียนการสร้างค่ายกลขึ้นมาจริงๆ ยากยิ่งกว่าการเรียนต่อสู้มาก

เพราะว่ามีความซับซ้อน

ถึงแม้ว่าเป็นผนึกจูเสินที่เป็นผนึกมานานเป็นพันปีแล้ว หรือว่าเป็นเจี้ยนจง มีเวลาแค่เพียงระยะสั้นๆ เริ่มต้นจากที่ไม่รู้อะไรจนกว่าจะฝึกฝนค่ายกลได้อย่างชำนาญหรือวิเคราะห์ค่ายกลได้อย่างละเอียด มันไม่มีทางเป็นไปได้

ถึงแม้เซียวเฉวียนจะเป็นคนฉลาด แต่เขาก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง จะเทียบกับผนึกจูเสินและเจินจงได้อย่างไร?

ในจุดนี้แน่นอนว่า เซียวเฉวียนก็รู้ดี

ตอนที่อยู่ที่ฮวาเซี่ย เซียวเฉวียนไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับค่ายกล หรือจะพูดได้ว่าไม่มีความรู้เกี่ยวกับค่ากลเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่เขาก็ดูโทรทัศน์มามาก

ในโทรทัศน์คนเหล่านั้นใช้วิธีการสร้างค่ายกล เช่น ค่ายกลแปดทิศ ค่ายกลการสังหารทั้งเจ็ด

แต่การลงมือดำเนินการทำอย่างไร เซียวเฉวียนไม่รู้จริงๆ

ถ้ารู้มาก่อนว่าจะมีวันนี้ ในตอนนั้นที่อยู่ที่ฮวาเซี่ยเขาควรจะเรียนรู้ไว้ ไม่สนใจว่าจะเป็นค่ายกลที่ลึกลับแค่ไหน ก็ควรจะศึกษาค้นคว้าเอาไว้

ค่ายกลนี้มีความซับซ้อนอย่างมาก เซียวเฉวียนเชื่อว่าจะสามารถเรียนรู้ได้ในช่วงเวลาสั้น แต่ก็ทำไม่ได้

ตอนนี้เซียวเฉวียนรู้แล้วว่าประโยคที่ฮวาเซี่ยยุคปัจจุบันประโยคนั้นมีความหมายลึกซึ้งขนาดนี้ ผู้คนไม่สามารถรู้อนาคตได้ มักรอจนเสียใจแล้วถึงจะรู้ว่าควรทำอะไร

แต่ว่า ในตอนนี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เซียวเฉวียนไม่อยากจะคิดเรื่องที่ไม่มีอยู่จริงแล้ว

ดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและหาทางจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น ทางแก้ไขมีมากมายกว่าแผนการลับ เซียวเฉวียนไม่กังวลเลยว่าจะจัดการนักปราชญ์ไม่ได้

ในตอนแรกที่มาต้าเว่ย เซียวเฉวียนไม่ได้มีพลังใดๆแม้แต่น้อย ก็ยังอยู่ภายใต้กรงเล็กของสัตว์ร้ายอย่างเว่ยเชี่ยนชิวมีชีวิตรอดอยู่มาได้ใช่ไหม?

ไม่เพียงแค่มีชีวิตรอดอยู่มาได้เท่านั้น และยังอยู่มาได้อย่างราบรื่น จนได้เป็นถึงราชครูที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของต้าเว่ย

ฮ่าฮ่าฮ่า!

ก่อนหน้านี้เซียวเฉวียนยังอ่อนแอไม่มีพลัง ยังไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งนั้น

ในตอนนี้ เซียวเฉวียนมีความสามารถครบสมบูรณ์ ก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องกลัว

เซียวเฉวียนมองไปรอบๆ มองเห็นข้างหน้าเป็นพื้นที่ว่างเปล่า มีบ้านหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่หลังเดียว

บ้านหลังนี้เมื่อดูแล้วถึงแม้จะดูเก่าเล็กน้อย แต่บริเวณรอบๆดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก น่าจะมีคนค่อยมาดูแลทำความสะอาด

มีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบตารางวา ก็นับว่าเป็นบ้านขนาดใหญ่

ในที่เขตชานเมืองอย่างนี้ บริเวณรอบข้างไม่มีเพื่อนบ้าน คนปกติธรรมดาไม่น่าจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้

ในยุคโบราณ ภูเขาในป่ามีสัตว์ดุร้ายมากมาย ปลูกบ้านอยู่อย่างโดดเดี่ยวอันตรายอย่างมาก

เซียวเฉวียนกำลังครุ่นคิดว่า บ้านหลังนี้น่าจะเป็นบ้านที่นักปราชญ์นำเอาเสบียงอาหารมาเก็บไว้

ในตอนนี้ ปะตูใหญ่ของบ้านปิดอยู่ ด้านนอกไม่ได้ล๊อกไว้ แสดงให้เห็นว่าถูกล๊อกจากด้านใน ในนั้นมีคน

และตอนที่เซียวเฉวียนกำลังจะเดินเข้าไปตรวจสอบความจริง ก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น

มีคนโผล่หน้าออกมา หลังจากนั้นสายตาก็มองดูไปรอบๆบริเวณ แล้วจึงยืดตัวตรงยืนขึ้น เปิดประตูให้กว้างมากขึ้น

คนนี้เป็นคนนำทางให้กับชายร่างใหญ่สองคนนั้น

คนนำทางยืนอยู่ที่หน้าประตู ยังไม่ไว้วางใจมองดูรอบๆ

มองดูอยู่นาน ถึงจะหันหลังไป พูดด้วยสำเนียงพื้นถิ่นของเขา มองตรงไปในห้องนั้นและตะโกนพูดว่า:“ออกมาเถอะ ไม่เป็นอะไรแล้ว”

ชายร่างใหญ่สองคนนั้นได้ยินเสียงจึงออกมา ทั้งสองคนมีสีหน้าตื่นตระหนก:“เสียงดังเมื่อครู่ ทำให้คนตกใจมากจริงๆ!”

“พี่ใหญ่ ท่านบอกพวกข้ามาเถอะว่า ทำเรื่องอย่างนี้จะมีอันตรายต่อชีวิตหรือไม่?”

“ถ้ามี พวกเราสองพี่น้องไม่อยากทำแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย