ตอน บทที่1443 กระต่ายฉลาดมีสามโพรง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่1443 กระต่ายฉลาดมีสามโพรง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
แม้ว่าผีมาอย่างน้อยก็ต้องมีลมกระโชกแรงเคลื่อนไหวบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้น อาหารทั้งหมดในบ้านก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปหมดอย่างเงียบเชียบ และถูกย้ายออกไปในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้
เกรงว่าผีก็ไม่มีความสามารถแบบนี้ได้?
ฮือฮือฮือ
อาหารหายไปมากมายขนาดนี้จะอธิบายให้นักปราชญ์อย่างไร?
โอ้พระเจ้าไม่รังแกคนด้วยวิธีแบบนี้สิ
ผู้นำทางแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
เขาน่าสงสารมาก หันศีรษะอย่างสมเพชและทำอะไรไม่ถูกแล้วมองไปข้างหลัง แต่ก็ไม่พบอะไรแปลกๆ
และมองไปภายในบ้านอีกครั้งแม้แต่หน้าต่างก็ไม่เคยถูกเปิดออก
หลังคาก็ยังอยู่สมบูรณ์
ก็หมายความว่า หากมีใครเข้ามาละก็ ก็จะต้องเข้ามาทางประตูเท่านั้น
แต่ ณ ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ที่ประตูแม้แต่เงาคนก็ยังไม่เห็นเลย
แน่นอนว่าผู้นำทางคงคิดไม่ถึงว่าด้วยความสามารถของเซียวเฉวียน การที่เดินผ่านหน้าพวกเขาเป็นเหมือนลมกระโชกแรง ก่อนที่พวกเขาจะมีปฏิกิริยาความรู้สึกได้นั้นลมกระโชกก็ได้พัดผ่านไปแล้ว
ประตูก็เปิดอยู่ ถ้าเซียวเฉวียนจะเข้าไปมันไม่ง่ายงั้นเหรอ?
มันง่ายมาก
ในเวลานี้ เซียวเฉวียนนั่งอยู่บนหลังคา รอดูปฏิกิริยาของพวกเขา
การที่ได้เจอคนอย่างเซียวเฉวียน ผู้นำทางไม่ได้รับความเป็นธรรม หากเซียวเฉวียนต้องการฆ่าเขาละก็ เขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาตายอย่างไร
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ผู้นำทางก็รู้สึกได้ทันทีว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างน่ากลัว หัวใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่น และในใจคิดว่าหรือว่ามีผีจริงๆ?
แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ผู้นำทางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผีไม่กินข้าวนี่ ดังนั้นการขโมยอาหารพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์
แต่ถ้าทำโดยมนุษย์ มนุษย์น่ากลัวยิ่งกว่าผีไม่ใช่หรือ?
โอ้แม่เจ้า วันนี้ข้าจะซวยอะไรนักหนา?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ผู้นำทางก็ร้องไห้ออกมา
จะไม่ให้ร้องได้อย่างไร?
อาหารเหล่านี้นักปราชญ์เก็บไว้ที่นี่เมื่อนานมาแล้ว เพื่อที่จะใช้ในกรณีฉุกเฉิน
ในตอนนี้นักปราชญ์ต้องการใช้อาหารเหล่านี้ด่วน แต่อาหารเหล่านี้อยู่ๆก็หายไปเอง
ช่างเป็นการเสียเวลาของนักปราชญ์จริงๆ!
ฮือฮือฮือ
ชายร่างใหญ่ทั้งสองเห็นสถานการณ์นี้แล้ว พวกเขาก็หวาดกลัวยิ่งกว่าผู้นำทางเสียอีก
พวกเขาเป็นพลเรือนธรรมดาที่ซื่อสัตย์สุจริตและไม่เคยสร้างปัญหาใดๆ และยิ่งไม่ค่อยเจอกับเรื่องที่น่าแปลกเช่นนี้มาก่อน
เมื่อเห็นฉากนี้ต่อหน้าพวกเขา ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาก็คือนิกายชั่วร้าย ไม่สามารถอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้
ในตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่จะถึงแก่ชีวิตได้ อยู่ต่อหน้าการอยู่หรือความตาย เรื่องอื่นๆก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย
ลืมเรื่องศีลธรรมและมารยาทไปได้เลย เอาชีวิตให้รอดนั้นสำคัญมากกว่า
ในโอกาสที่สามารถวิ่งหนีได้ รีบวิ่งหนีซะ!
ก่อนวิ่งหนีไป เตือนผู้นำทางอย่างใจดีว่า:"พวกข้ารีบวิ่งหนีกันเถอะ"
อย่างไรก็ตาม ผู้นำทางกังวลเพียงแต่ความเศร้าของเขาและเพิกเฉยต่อทั้งสองคน
ทั้งสองคนพึมพำว่า:"เจ้าเองไม่ไป หากมีอะไรเกิดขึ้นมาอย่ามาโทษพวกข้าที่ไม่เตือนเจ้าแล้วกัน อย่ามาหาเรื่องพวกข้าด้วย"
หลังจากพูดจบ พี่น้องคู่นี้ก็ยกขาขึ้นแล้ววิ่งหนีไปอย่างเร็ว วิ่งเร็วกว่ากระต่ายอีก
เมื่อเห็นเช่นนี้เซียวเฉวียนก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม ทั้งสองคนนี้ดูพลิกแพลงโดยไม่คาดคิด แต่พวกเขาก็คล่องตัวเมื่อวิ่งหนี
เรื่องเกี่ยวกับชีวิต จะไม่ให้พลิกแพลงได้อย่างไร?
เพื่อความอยู่รอด ทั้งสองก็ขนเกวียนออกอย่างเร่งรีบรวดเร็ว จากนั้นก็ขึ้นหลังม้าและขี่ม้าออกไป
หลังจากผู้นำทางร้องไห้ไปได้สักพักก็ส่งข้อความถึงนักปราชญ์ด้วยจิตใจของเขา เล่าถึงสถานการณ์ที่นี่ให้กับนักปราชญ์
ที่นั่น นักปราชญ์ภูมิใจในตัวเองมากที่หนีจากการไล่ตามของเซียวเฉวียน ด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจอย่างมาก
หลังจากที่ได้ทราบข่าวจากผู้นำทางที่ส่งมา สีหน้าของเขาก็มืดลงทันที
ในโลกทั้งใบ นอกจากเซียวเฉวียนแล้ว จะมีใครอีกล่ะที่สามารถทำสิ่งนั้นได้?
เซียวเฉวียนเป็นมนุษย์ เขาเอาอาหารมากมายเหล่านี้ไปได้อย่างไรโดยที่ไม่รู้ตัว?
เป็นไปไม่ได้!
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
ผู้นำทางมีสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อเผชิญกับความกราดเกรี้ยวของนักปราชญ์ เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียว ดังนั้นเขาจึงก้มศีรษะลงและยอมรับความผิดพลาดของเขาและพูดว่า:"ขอรับ!เจ้าสำนักสันสอนได้ถูกขอรับ!"
ความอ่อนน้อมถ่อมตนของเขาทำให้ความโกรธของนักปราชญ์บรรเทาลงเล็กน้อย นักปราชญ์สูดหายใจเข้าลึกๆ ปรับอารมณ์ของเขาแล้วพูดว่า:"เจ้าไม่เคยเห็นเซียวเฉวียนหรือ?"
ผู้นำทางพยักหน้าแล้วพูดว่า:"ไม่เคยเห็นมาก่อน"
นักปราชญ์หลับตาลงครึ่งหนึ่งและสังเกตสถานการณ์โดยรอบด้วยสีหน้าน่าสงสัย
ไอ้บ้าเอ่ย!
โดนระเบิดอีกลูกแล้ว!
เซียวเฉวียนพกระเบิดติดตัวไปด้วยมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ?
สมองของเขามีปัญหาหรือเปล่า?
ถ้าหากเซียวเฉวียนสามารถอ่านใจของนักปราชญ์ได้และรู้ความคิดของเขาเช่นนี้ เซียวเฉวียนจะโจมตีเขาแน่นอน ตามตรรกะของเขาเขาไปสร้างค่ายกลกระบี่ไว้ทุกที่ สมองของเขามีปัญหาใช่หรือไม่?
เซียวเฉวียนมองดูนักปราชญ์ที่อยู่ด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง เขาชอบดูความบ้าคลั่งของนักปราชญ์และไม่สามารถทำอะไรได้
อาหารเหล่านี้อยู่ในมือของเซียวเฉวียน แต่นักปราชญ์ต้องกันมันมากตอนนี้ เขาจะต้องหาทุกวิถีทางตามหาเซียวเฉวียนเพื่อเอาอาหารจากเซียวเฉวียนกลับอย่างแน่นอน
เพราะมันสายเกินไปที่จะวางแผนรวบรวมใหม่อีกครั้ง และมันเป็นไปไม่ได้ที่นักปราชญ์จะวางแผนรวบรวมได้มากมายในช่วงเวลาอันสั้น
อาหารเหล่านี้ตอนนักปราชญ์อยู่ที่ซินเจียงเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะย้ายมันมาที่นี่และที่นั่นเพื่อรวบรวมมัน ไว้สำหรับใช้กรุณีฉุกเฉินเท่านั้น
ถูกต้อง เรือนใหญ่นี้เป็นฐานทัพของนักปราชญ์ในต้าเว่ย
ดังสุภาษิตกล่าวไว้ว่า กระต่ายฉลาดมีสามโพรง หมายถึงจะทำการอะไรในสถานการณ์เสี่ยงๆ ก็ต้องเตรียมแผนรับมือเอาไว้
ภูเขาหมิงเซียนเป็นค่ายหลักของสำนักหมิงเซียน นอกจากนี้สำนักหมิงเซียนยังมีฐานทัพในต้าเว่ย และเรือนที่นี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ว่า นักปราชญ์จะไม่ใช้ฐานทัพนี้เว้นแต่จำเป็นจริงๆ
ฐานทัพนี้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลานาน แต่การใช้อย่างเป็นทางการนั้น หลังจากที่นักปราชญ์กลับจากเมืองหลวงในต้าเว่ยไปยังซินเจียง
หลังจากกลับถึงซินเจียงแล้ว นักปราชญ์ก็พบว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อเขาอย่างมาก และเขาก็จำเป็นต้องหาทางออกให้กับตัวเอง และหาทางออกให้กับสำนักหมิงเซียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...