ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1444

สรุปบท บทที่ 1444 ปฏิเสธการแลกเปลี่ยน: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 1444 ปฏิเสธการแลกเปลี่ยน – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 1444 ปฏิเสธการแลกเปลี่ยน ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เขาแอบสั่งให้คนเตรียมวางแผนอยู่ที่ต้าเว่ย

ต่อจากนั้น เขาตัดสินใจที่จะรับกองกำลังชาวยุทธ์แท้ไว้ เขาสั่งให้คนกักตุนเสบียงอาหารไว้เป็นจำนวนมาก

สถานการณ์ที่ซินเจียงตึงเครียด เรื่องที่ต้องการกักตุนเสบียงอาหารไว้ที่ซินเจียงทำได้ยากลำบากมาก

นักปราชญ์จึงมุ่งเป้าไปที่ต้าเว่ย

กักตุนไว้ที่ต้าเว่ย เพียงแค่ทำอย่างลับๆ ก็จะไม่มีใครสามารถรู้ได้

เป็นอย่างที่นักปราชญ์คาดไว้จริงๆ คนของเขาสามารถกักตุนเสบียงอาหารไว้อยู่ในห้องๆหนึ่งของต้าเว่ยได้อย่างง่ายดาย

มาถึงตอนนี้ เสบียงอาหารเหล่านี้ยังขนย้ายออกไปได้ไม่มาก ก็ถูกเซียวเฉวียนขโมยไปหมดแล้ว

ในใจของนักปราชญ์ครุ่นคิด เซียวเฉวียนใช้ความพยายามอย่างมากในการติดตามคนขนส่งเสบียงอาหาร ก็เพียงแค่อยากจะรู้ว่าเขาและกองกำลังอยู่ที่ไหน?

เซียวเฉวียนยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน

นักปราชญ์สงสัย เซียวเฉวียนสร้างเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา จุดประสงค์ก็เพื่อหลอกล่อให้นักปราชญ์ออกมา

ถ้าเป็นอย่างนี้ เซียวเฉวียนจะต้องอยู่ใกล้ๆแถวนี้ จะต้องหลบซ่อนอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งแอบมองดูสถานการณ์ทั้งหมดอยู่

เมื่อคิดได้แบบนั้น นักปราชญ์ก็ไม่รู้สึกโกรธแล้ว

หรือจะพูดจริงๆก็เพียงแค่สะกดกั้นความโกรธเอาไว้เท่านั้น เขาจะไม่ทำให้เซียวเฉวียนเห็นและหัวเราะเยาะเขาได้เด็ดขาด

เพียงครู่หนึ่ง หลังจากที่นักปราชญ์ก็ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นแล้ว ก็พูดเสียงดังว่า :“เซียวเฉวียน ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ออกมาเถอะ!”

พูดจบ เซียวเฉวียนก็ไม่แอบซ่อนตัวอีกแล้ว เขากระโดนขึ้น จากหลังคาบ้านกระโดนลงมา ยืนด้วยท่าทางสง่างามห่างจากนักปราชญ์ไปสามเมตร

เซียวเฉวียนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ได้ยิ้มและพูดว่า:“นักปราชญ์ ไม่ได้เจอกันนาน”

คำพูดเหล่านี้ฟังดูแล้วเหมือนเป็นคำพูดที่สุภาพ ระหว่างศัตรูด้วยกันไม่ต้องพูดจาสุภาพอย่างนี้?แต่เป็นแค่เพียงคำพูดที่เซียวเฉวียนเสียดสีนักปราชญ์ก็เท่านั้น

ถึงแม้ว่านักปราชญ์จะหลบหนีไป แล้วยังไงละ?

หลบหนีไปได้ไม่กี่วัน ก็ต้องยอมออกมาอยู่ต่อหน้าเซียวเฉวียนอยู่ดี

ฮ่าฮ่าฮ่า!

นักปราชญ์ก็พอฟังออกว่าเป็นการพูดเสียดสีของเซียวเฉวียน ถูกคนรุ่นหลังอย่างเซียวเฉวียนเยาะเย้ย คนแก่อย่างนักปราชญ์ก็รู้สึกอับอายไม่น้อย เขาพยายามระงับความโกรธที่แสดงออกมาทางแววตา ดวงตาจ้องมองเซียวเฉวียนอย่างโกรธแค้น ไม่สนใจคำพูดของเซียวเฉวียน

เขาพูดว่าอย่างเย็นชาว่า:“เซียวเฉวียน เอาเสบียงอาหารคืนมาให้ข้า!”

เสบียงอาหารจะต้องอยู่ที่เจ้า แต่นักปราชญ์ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีอะไร ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอย่างไรให้เสบียงอาหารหายไปหมดในชั่วพริบตาเดียวอย่างนี้

ถึงแม้ว่าเขาจะแปลกใจ แต่เขาจะไม่ถามเซียวเฉวียน เพราะเขารู้นิสัยของเซียวเฉวียนดีว่า เขายิ่งอยากรู้มากเท่าไร เซียวเฉวียนก็ยิ่งไม่ยอมบอกเขา

เซียวเฉวียนพูดว่า :“นักปราชญ์ เจ้าดูสิ ข้ายืนอยู่ตรงนี้ เจ้าก็ถามคนของเจ้าดูสิ เขาเห็นข้ามาที่นี่หรือไม่?เขาเห็นกับตาหรือเปล่าว่าข้าขนเสบียงอาหารออกไป?”

และเซียวเฉวียนก็พูดต่อว่า:“ค่ายกลข้าเป็นคนทำลายเป็นเรื่องจริง แต่ต่อให้ข้ามีความสามารถแค่ไหน ก็ไม่มีความสามารถพอ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆอย่างนี้ ทำให้ที่นี่เหลือแต่ความว่างเปล่า?”

สรุปความหมายก็คือ เสบียงอาหารไม่ได้อยู่ที่ข้า

ถึงจะอยู่ที่ข้าแต่ข้าไม่ยอมรับ เจ้าจะทำอะไรข้าได้?

และอีกอย่าง ของที่มาอยู่ในมือข้าเซียวเฉวียนแล้ว ต้องการให้ข้าส่งกลับคืน ทำในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์อย่างนี้ ทำไมข้าต้องทำเรื่องแบบนี้ด้วยจริงไหม?

“เจ้า!” คำพูดของเซียวเฉวียน พูดโจมตีได้อย่างครบถ้วน ทำให้นักปราชญ์โกรธอย่างมาก

นักปราชญ์กำลังจะแสดงอารมณ์โกรธออกไป แต่ก็คิดได้ว่าความโกรธทำให้คิดอะไรไม่ออก ง่ายต่อการที่จะถูกเซียวเฉวียนครอบงำ เขาพยายามเตือนตัวเองให้สงบสติอารมณ์ไว้

สะกดจิตตัวเองไว้ นักปราชญ์หายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธโมโหให้ลดลง เขาเหลือบมองเซียวเฉวียน และพูดว่า:“เซียวเฉวียน พูดตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อม ข้ารู้ว่าเสบียงอาหารอยู่กับเจ้า เจ้าไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร”

เซียวเฉวียนก็เหลือบมองดูนักปราชญ์ จับจ้องมองดูนักปราชญ์ แต่ไม่พูดอะไร

นักปราชญ์ถอนหายใจออกมา:“เฮ่อ!เซียวเฉวียน!พูดกันดีๆเจ้าก็ไม่ยอม จะต้องให้บีบบังคับ!”

เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเยือกเย็นและพูดว่า:“นักปราชญ์พูดถูกแล้ว ข้าชอบการโดนบีบบังคับ แต่ว่า ก็ต้องดูว่าเจ้าจะมีความสามารถพอไหม”

ใช่ว่าจะพูดว่าบังคับแล้วจะทำได้ง่ายๆ?

อยู่ที่ต้าเว่ยคนที่ต้องการบีบบังคับเซียวเฉวียนมีมากมาย แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่สามารถบังคับเซียวเฉวียนได้ พวกเขาทั้งหมดล้วนตายด้วยน้ำมือของเซียวเฉวียน

คนที่เป็นตัวแทนที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคือเว่ยเชียนชิว

ฟังจากนำเสียงของเซียวเฉวียนแล้ว นักปราชญ์รู้สึกว่าไม่สามารถที่จะข่มขู่เซียวเฉวียนได้ เขาหายใจเขาลึกๆ พยายามระงับท่าทางไว้ และพูดว่า :“เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าคนๆนั้นเป็นใคร?”

นักปราชญ์ตั้งใจหยุดชะงักลงครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ประเมินดูสีหน้าของเซียวเฉวียน รอให้เซียวเฉวียนถามว่าคนๆนั้นเป็นใคร

ใครจะไปคาดคิด เซียวเฉวียนไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย เขาเหลือบมองนักปราชญ์เล็กน้อย พูดอย่างเยือกเย็นว่า:“ไม่อยากรู้”

มีอะไรที่ต้องอยากรู้ เซียวเฉวียนรู้แล้วว่าเป็นใคร ถ้าไม่ใช่จางเคอก็น่าจะเป็นหมิงเจ๋อ

อย่างไรก็ตาม นักปราชญ์คิดว่าเซียวเฉวียนไม่รู้ว่าจางเคอมาเป็นพวกของเขาแล้ว ยังพยายามพูดจาดูลึกลับว่า:“ข้ารับประกันว่า เอาคนนี้มาแลกกับเสบียงอาหาร เจ้าจะไม่เสียเปรียบแน่นอน”

จากที่นักปราชญ์รู้มา จางเคอชอบในความงามขององค์หญิงต้าถงมานานแล้ว และยังทำให้เซียวเฉวียนโกรธอย่างมาก

จางเคอหนีตายออกมา เซียวเฉวียนจะต้องตามหาตัวจางเคอไปทุกหนทุกแห่ง

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยขององค์หญิงต้าถง ถ้าไม่กำจัดจางเคอ เซียวเฉวียนก็รู้สึกไม่สบายใจ

แลกเปลี่ยนกับนักปราชญ์ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเซียวเฉวียนจะไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย แต่เซียวเฉวียนไม่อยากแลกเปลี่ยนกับนักปราชญ์

เซียวเฉวียนพูดอย่างเยือกเย็นว่า :“ข้าเซียวเฉวียนบอกไปแล้ว ข้าวสารหนึ่งกระสอบแลกกับคนๆนี้ พูดไปแล้ว ไม่คืนคำแน่นอน”

มากไปกว่านี้ เซียวเฉวียนไม่อยากพูดอีกแล้ว

นั่นก็หมายความว่า นักปราชญ์จะแลกหรือไม่ เซียวเฉวียนก็แล้วแต่เขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย