ทัศนคติเช่นนี้ของเซียวเฉวียนทำให้นักปราชญ์โกรธมากจนรู้สึกหายใจไม่ออกอยู่หลายครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่นักปราชญ์ได้เผชิญหน้ากับคนที่ไม่หลงกลทั้งไม้อ่อนและไม้แก่
สุดท้ายนักปราชญ์ก็หมดทางเลือก เขาเปลี่ยนทัศนคติของเขา จากนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและเยือกเย็น “เซียวเฉวียน เจ้ายังจำจางเคอได้หรือไม่? เวลานี้เขาคือลูกศิษย์ของข้า”
นักปราชญ์เองก็ไม่อ้อมค้อม เสนอเงื่อนไขออกมาโดยตรง
แต่ตอนนี้จางเคอได้เปลี่ยนชื่อไปแล้ว ชื่อของเขาคือ เสวียนจิ้ง
อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงนั้นสร้างศิษย์ที่ยอดเยี่ยม เสวียนอวี๋คือตัวอย่างที่ดี
เมื่อเวลาผ่านไป เสวียนจิ้งเรียนรู้ทุกอย่างจากนักปราชญ์ได้สำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นคนที่ไม่อาจต้านทานได้โดยง่าย
มันจะเป็นการดีกว่าที่จะจัดการกับเสวียนจิ้งก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดปัญหาในภายหลัง
ด้วยเหตุนี้จะทำให้องค์หญิงต้าถงปลอดภัยได้โดยเร็ว
แบบนี้มันไม่ดีงั้นหรือ?
ธุรกิจที่ได้กำไรถึงเพียงนี้ คนฉลาดอย่างเซียวเฉวียนก็คงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ใช่หรือ?
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเซียวเฉวียนกลับเลือกที่จะปฏิเสธ
เซียวเฉวียนพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับเขา ไม่ใช่เรื่องที่นักปราชญ์ต้องมาใส่ใจ”
หากเซียวเฉวียนต้องการสังหารใครสักคน ต่อให้อีกฝ่ายหนีไปสุดขอบโลก เซียวเฉวียนก็สามารถลากตัวเขากลับมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เซียวเฉวียนมั่นใจแล้วว่าเสวียนจิ้งนั้นมีความสัมพันธ์กับนักปราชญ์ แบบนั้นการตามหามันจะยากอะไร?
มันก็เหมือนกับการส่งมาที่หน้าประตูบ้าน
อีกฝ่ายมาถึงหน้าประตูแล้ว เหตุใจถึงต้องทำข้อตกลงกับนักปราชญ์ด้วย?
เซียวเฉวียนไม่ใช่คนโง่
นักปราชญ์เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเซียวเฉวียน ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดเซียวเฉวียนจึงเลือกที่จะปฏิเสธ
นั่นเป็นเพราะเขาคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเสวียนจิ้งอยู่ในค่ายของเขา
หัวใจของนักปราชญ์อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว เซียวเฉวียนอายุเพียงเท่านี้ เหตุใดถึงได้มีสติปัญญาที่ล้ำลึกถึงเพียงนี้ได้?
หรือว่าทุกคนที่มาจากสถานที่แห่งนั้นจะฉลาดกันหมด?
แววตาที่นักปราชญ์มองไปที่เซียวเฉวียนนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย ซึ่งนักปราชญ์เองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน
พูดตามตรง ในบางครั้งนักปราชญ์ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วเซียวเฉวียนอาจจะไม่ใช่มนุษย์
เขามีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้แล้ว เขายังไม่เคยเจอใครที่พูดคุยได้ยากเช่นเดียวกับเซียวเฉวียนมาก่อนเลย แม้แต่การบีบบังคับหรือการข่มขู่ เขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
และเขาก็เป็นแบบนี้กับทุกคน
เขาอยากจะถามเซียวเฉวียนออกมาจริง ๆ ว่าเซียวเฉวียนนั้นสะกดคำว่ากลัวกับคำว่าตายเป็นหรือไม่
ขณะที่นักปราชญ์กำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ไร้ประโยชน์ เซียวเฉวียนกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “หากนักปราชญ์ต้องการเสบียงเหล่านี้จริง ๆ มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เอาแบบนี้แล้วกัน ท่านบอกข้ามาว่ากองทัพอยู่ที่ไหน ท่านว่าอย่างไร?”
กองทัพคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเซียวเฉวียน นักปราชญ์ หมิงเจ๋อ รวมถึงเสวียนจิ้งผู้นั้น เป็นเพียงปัญหาที่เพิ่มเติมเข้ามา
นักปราชญ์มองไปที่เซียวเฉวียนด้วยแววตาอันเยือกเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดคุยกันอีกต่อไปแล้ว”
กองทัพเป็นสิ่งที่นักปราชญ์ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจกว่าจะได้มันมา ตอนนี้กองทัพอยู่ที่ไหน แค่เซียวเฉวียนอยากให้พูด เขาก็ต้องบอกกับเซียวเฉวียนอย่างนั้นหรือ?
หากบอกทุกอย่างกับเซียวเฉวียนไปง่าย ๆ เช่นนั้นการพยายามหลายปีก่อนหน้านี้ของนักปราชญ์ก็สูญเปล่าอย่างนั้นหรือ?
หากบอกกับเซียวเฉวียนไป เช่นนั้นเขายังมีความจำเป็นที่ต้องใช้เสบียงพวกนี้อยู่อีกงั้นหรือ?
บอกเขา? ล้อเล่นบ้าอะไรกัน
ราวกับว่ามีน้ำแข็งมาติดอยู่ที่คิ้วของนักปราชญ์ เขามองมาที่เซียวเฉวียนด้วยความเยือกเย็น สุดท้ายเขาก็หมดความอดทน กัดฟันและพูดออกมาทีละพยางค์ “ดี ถือว่าเจ้าเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว!”
เซียวเฉวียนเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่กล้าขัดคำสั่งของนักปราชญ์!
ในตอนนี้แววตาคู่นั้นของนักปราชญ์ลุกเป็นไฟ ความโกรธพลุ่งพล่านออกมาจนไม่อาจควบคุมได้
ใช่ เขาอยากจะสังหารเซียวเฉวียน จิตสังหารแผ่ซ่านออกมา อยากจะฉีกร่างกายของเซียวเฉวียนให้เป็นชิ้น ๆ จากนั้นก็ดื่มเลือดของเซียวเฉวียนให้สาแก่ใจ!
เซียวเฉวียนที่สัมผัสได้ถึงจิตสังหาร รอยยิ้มอันเย็นเยือกก็ปรากฏขึ้นมาตรงมุมปาก เจตนาฆ่าก่อตัวอยู่รอบกายของเซียวเฉวียน ความโกรธปะทุขึ้นมาจากร่างกายของเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนจ้องมองไปยังนักปราชญ์ด้วยแววตาอันมุ่งมั่น ผู้โง่เขลาที่เป็นคนสร้างปัญหาทุกอย่าง วันนี้เซียวเฉวียนจะทำให้เขาต้องชดใช้เรื่องราวทั้งหมดที่เขาได้ทำลงไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...