สรุปเนื้อหา บทที่ 1446 เด็กโอหัง – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1446 เด็กโอหัง ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บ้าที่สุด!
เหนือมนุษย์อะไร ตัวแทนแห่งเทียนเต๋าอะไร!
ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้นจากนักปราชญ์!
คนในยุคโบราณขาดความรู้และหลงเชื่อในตัวเขา คิดว่าเขาคือความถูกต้อง เขาเลยคิดว่าตัวเองคือความถูกต้องจริง ๆ
ไม่รู้จักอายบ้างอย่างนั้นหรือ!
หากนักปราชญ์เป็นผู้ที่ลึกล้ำจริง ๆ เช่นนั้นเหตุใดวันนี้เขาถึงได้มีสภาพเช่นนี้
กลอุบายของเขาอาจจะใช้ได้ดีในการหลอกลวงผู้อื่น แต่เมื่อนำมาใช้กับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนก็คิดว่าเขานั้นไม่ได้ต่างอะไรกับคนบ้า
พูดจบเซียวเฉวียนก็เพิ่มพลังภายใน ใช้แรงในการผลักดาบจิงหุนไปด้านหน้า นักปราชญ์กำลังคิดหาวิธีการในการทำลายความมั่นใจของเซียวเฉวียน โดยไม่ทันระวัง เขาถูกแรกผลักของเซียวเฉวียน ทำให้เซไปด้านหลังสองสามก้าวจนเสียการทรงตัว
เซียวเฉวียนกวัดแกว่งดาบจิงหุนในมือ โจมตีไปยังนักปราชญ์ด้วยเจตนาฆ่า
การต่อสู้อย่างเป็นทางการได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“แคร่ง!”
เสียงดาบปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว หัวใจของผู้นำทางก็สั่นสะท้าน
โอ้พระเจ้า ได้ดูการต่อสู้ของเทพเซียนเช่นนี้ เมื่อครู่อาจจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน แต่เวลานี้จิตวิญญาณของเขานั้นกำลังสั่นสะเทือน
เสียงที่ดังกึกก้องนี้ทำให้ผู้นำทางรู้สึกราวกับว่ามีเส้นด้ายนับพันเส้นดึงอวัยวะภายในของเขา และทุกครั้งที่เสียงของเขาดังขึ้น เส้นประสาทของเขาก็ตึงเครียด
เขาต้องการที่จะออกไปจากที่นี่ แต่เขาทำไม่ได้
เขาต้องทำอย่างไร?
ผู้นำทางครุ่นคิด ฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาออกมา ปั้นเป็นก้อนกลม จากนั้นนำขึ้นมาอุดหูเขาไว้เพื่อลดเสียง
หากยังฟังเสียงพวกนี้ต่อไป ผู้นำทางจะต้องกลายเป็นคนบ้าในอีกไม่ช้า
และในตอนนั้นเอง เซียวเฉวียนและนักปราชญ์ได้ต่อสู้กันและเคลื่อนย้ายมาอยู่บนหลังคา
ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นด้านบนศีรษะ “แคร่ง! ปัง!”
นอกจากนี้ยังมีเสียงกระเบื้องแตกและกระเบื้องหล่นลงมา
บ้าที่สุด บรรพบุรุษของข้า หากต่อสู้กันเช่นนี้ต่อไป บ้านหลังนี้จะต้องพังทลายเป็นแน่
ผู้นำทางอยากเห็นสถานการณ์ด้านบนหลังคา แต่เขาก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไป เนื่องจากมีเศษกระเบื้องจำนวนมากปลิวลงมา เขาเกรงว่าหากไม่ระวังอาจจะมีเศษกระเบื้องกระเด็นมาเข้าตาเขา
ดังนั้นผู้นำทางที่หลบอยู่ในบ้านตั้งแต่ตอนแรกจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตำแหน่ง เขาวิ่งไปที่พื้นที่โล่งและยืนให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ มองดูเซียวเฉวียนและนักปราชญ์ที่กำลังต่อสู้กับบนหลังคากระเบื้องที่กำลังพังทลาย
“แคร่ง แคร่ง ปัง ปัง!”
“แคร่ง แคร่ง แกรบ แกรบ!”
เสียงที่ซับซ้อนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปะปนกับเสียงของการต่อสู้
ระยะเวลาเพียงไม่นาน กระเบื้องของบ้านทั้งหลังเกือบจะพังทลาย เปิดเผยให้เห็นห้องในบ้านจากมุมด้านบนอย่างชัดเจน
ในฐานะที่นักปราชญ์เป็นเจ้าของบ้าน บ้านของตนเองถูกทำลายจนมีสภาพเช่นนี้ หากบอกว่าไม่เจ็บใจก็คงเป็นเรื่องโกหก
เนื่องจากเขาไม่ใช่คนแก่ที่ร่ำรวยเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว
เขาถูกเซียวเฉวียนและชิงหลงรีดไถเงินจำนวนมาก และไม่มีแหล่งรายได้ หากเป็นเช่นเมื่อก่อน เขาคงจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ทุกวันนี้เขายังมีกองกำลังชาวยุทธ์แท้ที่ต้องคอยให้การเลี้ยงดู ไม่ว่าจะกินหรือดื่มก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น แถมยังเป็นเงินจำนวนไม่น้อย มันช่างเป็นแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่เสียจริง
หลังคาบ้านของที่เก็บเสบียงอาหารเพียงหนึ่งเดียวถูกเซียวเฉวียนยกขึ้น อาหารทั้งหมดถูกเซียวเฉวียนยึดไป ทำให้สถานการณ์ของนักปราชญ์ย่ำแย่ลงไปเสียยิ่งกว่าเดิม
จากการวิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมด หารที่นักปราชญ์ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเซียวเฉวียน
เมื่อคิดเช่นนี้ ลมปราณแห่งการสังหารของนักปราชญ์ก็รุนแรงขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ดวงตาคู่นั่นของเขาแดงก่ำ จับจ้องมาที่เซียวเฉวียน ปลดปล่อยความโกรธออกมาพร้อมกับลมหายใจ พุ่งเข้าหาเซียวเฉวียนเพื่อจะสังหาร
เซียวเฉวียนเห็นเช่นนั้น เขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขายังคงรับและป้องกันการโจมตีของนักปราชญ์ด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ยิ่งนักปราชญ์รีบร้อนที่จะสังหารเซียวเฉวียนมากเท่าไหร่ เซียวเฉวียนก็ยิ่งอยากเล่นกับเขามากขึ้นเท่านั้น
เซียวเฉวียนใช้แรงผลักดาบจิงหุนออกไปด้านหน้า หลังจากทิ้งระยะห่างจากนักปราชญ์ได้สำเร็จ ร่างกายของเขาก็หายแวบลงมาสู่พื้นดิน
นักปราชญ์รีบไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนกระโดดลงมาจากหลังคาสู่พื้นดิน
เซียวเฉวียนจ้องไปที่นักปราชญ์ด้วยแววตาอันเยือกเย็น “นักปราชญ์ เห็นแก่อายุที่มากกว่าและตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของท่าน ข้าจะให้โอกาสท่านในการปลิดชีพตนเอง ท่านว่าอย่างไร?”
ช่างสามหาวยิ่งนัก!
นักปราชญ์คำรามด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กโอหัง! เจ้าจะต้องแลกด้วยชีวิตของเจ้า!”
ที่แท้นักปราชญ์ก็คาดเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเซียวเฉวียนจะโจมตีออกไปเช่นนี้ เขาใช้แผนการของเขา ทำให้เซียวเฉวียนติดกับและกลายเป็นเช่นนี้
ช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เสียจริง!
เห็นบาดแผลของเซียวเฉวียน นักปราชญ์กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “ไม่รู้จักเจียมตัว”
พูดจบเขาก็ทำการโจมตีต่อไป คิดจะใช้โอกาสที่เซียวเฉวียนบาดเจ็บในการปลิดชีวิตของเซียวเฉวียน
เขารีบเก็บดาบของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหยิบตาข่ายออกมาแล้วโยนมันไปทางเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
ตาข่ายนี้ เซียวเฉวียนได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันแล้วตอนที่อยู่ในเมืองหลวง
มันถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุที่เหนียวเป็นอย่างมาก
หากติดอยู่ในตาข่าย เซียวเฉวียนก็ยากที่จะเคลื่อนไหว
ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ อีกอย่างเขาก็ได้นำเสบียงของนักปราชญ์ไปแล้ว กลยุทธ์หลบหนีแห่งโจ่วเหวยซ่างจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ในตอนที่เซียวเฉวียนกำลังเตรียมที่จะใช้วิชาเคลื่อนย้ายวิญญาณ นักปราชญ์ก็ได้เหวี่ยงตาข่ายออกมาแล้ว
เห็นตาข่ายอยู่เหนือศีรษะของตนเองในระยะไม่ไกลมากนัก หากไม่เคลื่อนย้ายตอนนี้ เกรงว่าตนเองคงต้องติดอยู่ในตาข่าย
และในตอนนั้นเอง ตาข่ายได้เข้ามาใกล้ขึ้นทุกที หากเซียวเฉวียนยังไม่หนีไปก็เกรงว่าคงจะไม่ทัน
ภายใต้สถานการณ์ที่เร่งรีบ เซียวเฉวียนทำได้เพียงหลบไปทางด้านข้าง
แต่ในเวลานี้ แม้จะหลบไปทางด้านข้างก็คงไม่ทัน
ราวกับว่าตาข่ายปากนี้เคลื่อนไหวตามความคิดของนักปราชญ์ ไม่ว่านักปราชญ์จะมองไปทางไหน มันก็จะเคลื่อนไหวไปทางนั้นด้วยความรวดเร็ว
ในขณะที่มันเคลื่อนที่ มันก็จะแยกออกเป็นการเคลื่อนที่แบบสองทาง ค่อย ๆ จำกัดพื้นที่การหลบหนีของเซียวเฉวียนให้เล็กลงเรื่อย ๆ
แย่แล้ว!
บังคับได้ดั่งใจถึงเพียงนี้ นี่คือใยแมงมุมที่ถักทอโดยวิญญาณแมงมุมในตำนานงั้นหรือ?
เซียวเฉวียนหมดทางหนี ถือดาบจิงหุนฟาดฟันตาข่าย พยายามหาที่ว่างเพื่อหลบหนี
อย่างไรก็ตาม ตาข่ายนั้นแข็งแกร่งมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายมัน
เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนไม่สามารถหลบหนีได้ ความภาคภูมิใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนักปราชญ์ เขาพูดออกมาด้วยความเยือกเย็น “ฮึ! เซียวเฉวียน นี่แหละคือจุดจบของคนที่โอหังอย่างเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...