สรุปตอน บทที่ 1447 นักชิมแห่งสหัสวรรษ – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1447 นักชิมแห่งสหัสวรรษ ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ในสายตาของนักปราชญ์ เซียวเฉวียนถูกเขาขังไว้ในตาข่ายเป็นแน่ เขาจะต้องพ่ายแพ้ด้วยฝีมือของนักปราชญ์ และเขาก็ไม่อาจพลิกตัวกลับได้อีกตลอดไป
สิ่งที่รอเซียวเฉวียนอยู่มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น!
ฮ่าฮ่าฮ่า!
ลมปราณแห่งการสังหารพลุ่งพล่านอยู่ทั่วร่างกายของนักปราชญ์ เขาเดินเข้ามาหาเซียวเฉวียนด้วยความภาคภูมิใจ “เซียวเฉวียน ข้าขอแนะนำเจ้า ทางที่ดีเจ้าคืนเสบียงมาให้ข้าจะดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานไปให้มากกว่านี้”
ความหมายก็คือ ชีวิตของเจ้าอยู่ในมือของข้าแล้ว ข้าอยากจะทำอะไรกับเจ้าก็ขึ้นอยู่กับใจของข้า ทางที่ดีที่สุดคือเจ้าจงเชื่อฟังคำพูดของข้า
ฮึฮึ จับจ้องใบหน้าของนักปราชญ์ มันคือสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจของคนชั่ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น เซียวเฉวียนก็กลอกตาขาวมองไปที่เขาอยู่ในใจ
เซียวเฉวียนจ้องมองเขาอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไร
ตอนนี้เขาได้ตกอยู่ในมือของนักปราชญ์แล้ว จะคืนเสบียงให้กับนักปราชญ์ไม่ได้เป็นอันขาด
เซียวเฉวียนไม่ใช่คนโง่ หากมอบเสบียงให้อีกฝ่าย เช่นนั้นชีวิตของเซียวเฉวียนจะยังมีค่าอะไร?
คุณค่าของเขาจะต้องหมดสิ้นลงในทันใด!
ไม่ว่าอย่างไรนักปราชญ์ก็ไม่คิดที่จะปล่อยเซียวเฉวียนอยู่แล้ว เหตุใดจะต้องคืนให้เขาด้วย?
อีกอย่าง ต่อให้นักปราชญ์ยินยอมที่จะแลกชีวิตของเซียวเฉวียนกับเสบียงพวกนั้น เซียวเฉวียนก็ไม่มีทางยินยอมเป็นอันขาด
เซียวเฉวียนจะยอมรับชะตากรรมง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงตอนแรก แม้แต่ตอนที่สู้กับผนึกจูเสินเขายังไม่รู้สึกหวาดกลัว คิดว่าเขาจะกลัวคนอย่างนักปราชญ์อย่างนั้นหรือ?
ไร้สาระ!
เมื่อเห็นใบหน้าแห่งความดูถูกของเซียวเฉวียน สีหน้าของเขาก็ดูไม่ได้เล็กน้อย
เห็นได้ชัด แม้ว่าเซียวเฉวียนจะถูกขังอยู่ในตาข่าย แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือระแวงแต่อย่างใด
ภายใต้ใบหน้านั้นของเซียวเฉวียน นักปราชญ์ไม่เพียงแค่เห็นความนิ่งสงบ ปราศจากซึ่งความกังวลของเซียวเฉวียนเท่านั้น แต่ยังเห็นความเย้ยหยันและความดูหมิ่นบนใบหน้าของเซียวเฉวียนด้วย
ใช่ เซียวเฉวียนหัวเราะเยาะนักปราชญ์ที่มีอายุมากถึงเพียงนี้แล้วยังมีนิสัยที่ไร้เดียงสา คิดว่าจะเอาความตายมาข่มขู่เซียวเฉวียนเพื่อจะแลกกับเสบียงพวกนั้นได้
แต่นักปราชญ์เอาแต่พูดว่าเซียวเฉวียนนั้นเป็นสิ่งที่เหนือมนุษย์ และจำเป็นต้องกำจัด
เซียวเฉวียนคือคนที่ทำให้ภูเขาหมิงเซียนและสำนักหมิงเซียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
ต่อให้นักปราชญ์เต็มใจที่จะปล่อยเซียวเฉวียนไป เซียวเฉวียนก็ไม่มีทางเชื่อ
ยิ่งไปกว่านั้น คนอย่างนักปราชญ์ไม่มีทางที่จะปล่อยเซียวเฉวียนไปเป็นแน่
ทุกอย่างล้วนไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้สมองของนักปราชญ์ได้รับการกระทบกระเทือน ลืมความแค้นที่เคยมีต่อเซียวเฉวียน ไม่สังหารเซียวเฉวียน แต่เซียวเฉวียนก็ไม่มีทางปล่อยนักปราชญ์ไปเป็นแน่
ทุกอย่างที่นักปราชญ์ทำลงไปกับเซียวเฉวียน มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถให้อภัยได้ไปตลอดกาล!
แม้แต่ตายก็ไม่เพียงพอที่จะชดใช้!
หากเปลี่ยนคำพูด เรื่องระหว่างเซียวเฉวียนกับนักปราชญ์ หากไม่เจ้าก็ข้า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนที่ต้องตาย!
เซียวเฉวียนเองก็ไม่อยากจะพูดจาไร้สาระกับนักปราชญ์
ในเมื่อไม่สามารถออกไปจากตาข่ายผืนนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น เช่นนั้นก็มาสงบสติอารมณ์กันก่อนเถอะ
เซียวเฉวียนนั่งลง หลับตาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
การเคลื่อนไหวนี้ของเซียวเฉวียนทำให้นักปราชญ์โกรธจนดวงตาแทบจะทะลักออกมา ความโกรธของเขาพุ่งสูงขึ้น
มาถึงขั้นนี้แล้ว เซียวเฉวียนไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย แถมยังนั่งหลับตาเพื่อฟื้นฟูพลังและร่างกายอย่างนั้นหรือ?
หัวใจของเขายิ่งใหญ่เพียงใด?
เอ๊ะ?
นักปราชญ์จ้องเขม็งไปที่เซียวเฉวียน ราวกับว่าเขาต้องการเจาะรูในร่างกายของเซียวเฉวียน
หลังจากจ้องมองเซียวเฉวียนอยู่พักหนึ่ง เซียวเฉวียนก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้าน นักปราชญ์จึงอดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา “เซียวเฉวียน!”
เซียวเฉวียนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ความโกรธของนักปราชญ์พุ่งสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
ถูกนักโทษในกำมือดูหมิ่น นักปราชญ์ทนไม่ได้อีกต่อไป เขาก้าวไปด้านหน้าด้วยความโกรธ ยกเท้าขึ้นและถีบไปบนร่างของเซียวเฉวียนอย่างแรง
“อึก!”
เซียวเฉวียนส่งเสียงต่ำออกมา
ลูกถีบนี้ถือว่ารุนแรงพอสมควร เมื่อมันถูกถีบเข้ามาบนร่างกายของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนรู้สึกเจ็บปวดแสบร้อนในอวัยวะภายในของเขา
เมื่อเห็นใบหน้าของเซียวเฉวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย นักปราชญ์ก็เคลื่อนไหวต่อไป ถีบไปที่เซียวเฉวียนอีกครั้ง “เซียวเฉวียน เจ้ามีความอดทนสูงไม่ใช่หรือ? ทำไม โดยถีบแค่สองครั้งก็ทนไม่ไหวแล้วงั้นหรือ?”
แต่น่าเสียดายที่เพลิงชนิดนี้ถูกเซียวเฉวียนทำลายไปแล้ว
มันคือการคำนวณที่ผิดพลาดจริง ๆ
แน่นอนว่าเขาคือตัวแทนของเทียนเต๋า ไม่เช่นนั้นเพลิงดังกล่าวคนไม่ตกอยู่ในเนื้อมือของเขา
นักปราชญ์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น “เซียวเฉวียน ความตายอยู่ตรงหน้า แต่เจ้ายังปากแข็งถึงเพียงนี้ แต่ก็น่าเสียดาย มันไม่มีประโยชน์”
เขามองไปที่เซียวเฉวียนด้วยความดูถูก จากนั้นพูดออกมาว่า “หากเจ้ายังมีสมองอยู่ เจ้ารีบบอกข้ามาดีกว่าว่าเจ้าเอาเสบียงไปซ่อนไว้ที่ไหน”
เซียวเฉวียนยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “มันก็ไม่ใช่ว่าจะบอกเจ้าไม่ได้ แต่ข้าก็ยังยืนยันคำเดิม เจ้าบอกข้ามาก่อนว่ากองทัพอยู่ที่ไหน”
นักปราชญ์จะบอกเซียวเฉวียนได้อย่างไร?
หรือพูดอีกอย่างก็คือ เซียวเฉวียนไม่มีทางบอกนักปราชญ์ว่าเสบียงพวกนั้นอยู่ที่ไหน
ในเมื่อไม่ยอมบอก งั้นก็มาดูกันว่าเขาจะจัดการกับเซียวเฉวียนอย่างไร
พูดจบเซียวเฉวียนก็หลับตา
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนรู้สึกว่าความรู้สึกแสบร้อนในร่างกายของเขายังคงดำเนินต่อไป ทำให้เซียวเฉวียนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
เซียวเฉวียนอดทนต่อความเจ็บปวด พูดในความคิด “เหล่าจู หรือว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
ผนึกจูเสินตอบกลับมาด้วยเสียงต่ำ “อื้อ ข้ากำลังถ่ายทอดพลังให้เจ้าอยู่”
หากไม่ถ่ายทอดพลังหรือทักษะบางอย่างให้กับเซียวเฉวียน เกรงว่าเซียวเฉวียนในตอนนี้ก็คงเอาชนะนักปราชญ์ไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของผนึกจูเสิน เซียวเฉวียนก็พูดออกมาว่า “เหล่าจู รอให้ข้าจัดการกับตาเฒ่าผู้นี้ให้ได้ก่อน ข้าจะเชิญเจ้ามากินปิ้งย่าง”
เซียวเฉวียนไม่ได้ขอบคุณ เพราะว่าคำขอบคุณสำหรับผนึกจูเสินแล้วมันเทียบไม่ได้กับอาการอันโอชะ
เมื่อได้ยินคำว่าปิ้งย่าง ผนึกจูเสินก็ส่งเสียงแห่งความตื่นเต้นออกมา “คำไหนคำนั้น!”
เซียวเฉวียนตอบกลับ “คำไหนคำนั้น!”
นักชิมแห่งสหัสวรรษอย่างผนึกจูเสินไม่เคยหนีไปไหน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เซียวเฉวียนมั่นใจได้
เซียวเฉวียนรู้สึกว่าความแสบร้อนในร่างกายของเขาค่อย ๆ ลดลง หลังจากนั้นไม่นานมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
นักปราชญ์มองไปที่เซียวเฉวียนด้วยสีหน้าอันน่าหวาดกลัว “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะพูดมันออกมาหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...