ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1448

ความหมายของมันก็คือ หากครั้งนี้เจ้ายังไม่พูดออกมา เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้พูดอีกตลอดไป

เซียวเฉวียนไม่แม้แต่จะยกหนังตาของเขาขึ้นมา เขาพูดอย่างเยือกเย็น “หากมีความสามารถก็รีบสังหารข้า แต่หากเจ้าทำเช่นนั้น เจ้าก็ไม่มีวันได้รู้ว่าเสบียงอยู่ที่ไหน”

ไม่มีเสบียงพวกนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่ของกองกำลังชาวยุทธ์แท้มากแค่ไหน พวกเขาจะสงสัยในความแข็งแกร่งของนักปราชญ์หรือไม่

หากเป็นเช่นนั้น ความพยาพยามทั้งหมดก่อนหน้านั้นของนักปราชญ์ก็จะสูญเปล่า

นักปราชญ์อยากฆ่าเซียวเฉวียนมากจริง ๆ แต่ด้วยจุดประสงค์ของเขา หากเซียวเฉวียนไม่ยอมบอกที่อยู่ของเสบียงออกมา เขาก็ไม่อาจจบชีวิตของเซียวเฉวียนได้

ที่จริงนักปราชญ์นั้นคิดมากเกินไปแล้ว เซียวเฉวียนคือคนที่เขาอยากจะฆ่าเมื่อไหร่ก็ฆ่าได้อย่างนั้นหรือ?

เซียวเฉวียนเหลือบมองนักปราชญ์อย่างระมัดระวัง จากนั้นก็แอบใช้พลังภายในของเขาในการทำลายตาข่าย

แต่ตาข่ายผืนนี้เหนียวมากจริง ๆ แม้ว่าเซียวเฉวียนจะใช้พลังภายในทั้งหมดของเขา เขาก็ยังไม่อาจทำลายตาข่ายผืนนี้ได้

แย่แล้ว!

ในโลกใบนี้มีสิ่งที่ไม่สามารถทำลายได้ด้วยพลังภายในอยู่ด้วยงั้นหรือ?

โลกแห่งนี้มันช่างลึกลับจริงๆ

นักปราชญ์รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างจากเซียวเฉวียน เขาถอยหลังกลับไปสองสามก้าว จากนั้นก็นั่งยอง ๆ และมองไปที่เซียวเฉวียนด้วยสีหน้าที่มีชีวิตชีวา “เซียวเฉวียน เจ้าอย่าทำอะไรไร้ประโยชน์เลยดีกว่า นี่ไม่ใช่ตาข่ายธรรมดา เจ้าไม่มีทางหนีรอดไปจากมันได้”

เซียวเฉวียนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่นักปราชญ์พูด ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศ

เมื่อถูกนักปราชญ์เพิกเฉยซ้ำแล้วซ้ำเล่า นักปราชญ์ก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

เพราะสุดท้ายแล้วมีศิษย์คนหนึ่งของเขาที่คอยเฝ้าดูอยู่ไม่ไกล

เจ้าสำนักหมิงเซียนที่สง่างามและยิ่งใหญ่ กลับถูกเซียวเฉวียนปฏิบัติอย่างไรมารยาทถึงเพียงนี้ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป นักปราชญ์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

แม้ว่าทุกวันนี้สำนักหมิงเซียนจะล่มสลายไปแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น

ในอนาคต นักปราชญ์จะต้องฟื้นฟูสำนักหมิงเซียนให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งเป็นแน่

ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าสำนัก เขาจะต้องปกป้องศักดิ์ศรีเอาไว้

คิดไปคิดมา นักปราชญ์ลุกขึ้นยืน ตะโกนพูดคุยกับผู้นำทาง “เข้ามานี่”

ผู้นำทางที่สติหลุดลอย คิดไม่ถึงว่านักปราชญ์จะตะโกนเรียกเขา ทำให้เขาไม่ได้ตอบสนองในทันที

นักปราชญ์เห็นว่าผู้นำทางไม่ตอบสนอง เขาจึงตะโกนออกมาอีกครั้ง “เข้ามานี่!”

ในตอนนี้ผู้นำทางถึงได้สติกลับคืนมา เขาวิ่งเข้าไปหานักปราชญ์ กล่าวออกมาด้วยความเคารพ “ท่านเจ้าสำนัก มีเรื่องอันใดงั้นหรือ?”

เหตุใดจึงได้โง่เขลาถึงเพียงนี้

นักปราชญ์มองไปที่ผู้นำทางด้วยสายตาไม่พอใจ “ไปทักทายเซียวเฉวียนสักเล็กน้อย”

คำว่าทักทายที่นักปราชญ์หมายถึง ที่จริงมันคือการสั่งให้ผู้นำทางไปทรมานเซียวเฉวียน

เขาที่เป็นเจ้าสำนักที่สง่างาม หากต้องลงมือทรมานเซียวเฉวียนด้วยตนเอง แบบนั้นจะเป็นการลดฐานะของตนเอง ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของนักปราชญ์ในหมู่สาวกของเขาด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว ในตอนที่อยู่ในสำนัก นักปราชญ์คือผู้ที่ซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ใจกว้างเหนือมนุษย์คนใด

แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่เขาคิดไปเอง

ในสายตาของคนในสำนัก นักปราชญ์นั้นเป็นคนเคร่งครัดอย่างมาก

ดังนั้นสาวกในสำนักทุกคนจึงเกรงกลัวต่อนักปราชญ์

ผู้นำทางเองก็เช่นกัน

หลังจากผู้นำทางได้คำแนะนำแล้ว เขาก็นั่งลงไป ตบหน้าเซียวเฉวียนอย่างแรง

“ปัง!” เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังอย่างชัดเจน

สายตาที่ผู้นำทางจ้องมองเซียวเฉวียนนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

เซียวเฉวียนคือคนที่ทำลายภูเขาหมิงเซียน ทำให้เขาไม่มีบ้านอยู่

เซียวเฉวียนใส่ร้ายสำนักหมิงเซียนต่อหน้ากษัตริย์แห่งซินเจียง ทำให้สำนักหมิงเซียนต้องถูกกษัตริย์แห่งซินเจียงทำลายจนไม่เหลือซาก

เซียวเฉวียนคือคนที่สังหารพี่น้องของเขาทั้งหมด สลายอำนาจทั้งหมดของสำนักหมิงเซียน

ผู้นำของพวกเขาย่าเหยียนยังอยู่ในมือของกษัตริย์

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของเซียวเฉวียน!

และวันนี้เซียวเฉวียนยังกล้ามากล้ำกรายสำนักหมิงเซียนของพวกเขา กัดพวกเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังกล้ามาสร้างปัญหาให้กับพวกเขา!

ความโกรธแค้นนี้ ผู้นำทางจะกล้ำกลืนมันไปได้อย่างไร!

จากนั้นผู้นำทางก็ตอบไปบนใบหน้าของเซียวเฉวียนอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย