สรุปตอน บทที่ 1457 นึกสงสัย – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1457 นึกสงสัย ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สวีซูผิงก็เข้าใจเจตนารมณ์ของจางเคอแล้ว
จางเคอ โอ้ ไม่ใช่ เป็นเสวียนจิ้ง เขาทำอย่างนี้เพียงเพราะต้องการอาศัยความสามารถของนักปราชญ์มาช่วยแก้แค้นให้เขา
สำหรับศัตรูของเสวียนจิ้ง นอกจากเซียวเฉวียนแล้ว ยังมีองค์จักรพรรดิอีกด้วย
เขาต้องการจะสังหารเซียวเฉวียนและองค์จักรพรรดิ และวิธีที่ถึงอกถึงใจที่สุดสำหรับเขาคือการโค่นล้มราชวงศ์ต้าเว่ย
ด้วยจิตที่บิดเบี้ยวของเสวียนจิ้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่เขามีความคิดเช่นนั้น
เพราะในตอนแรก เพื่อจะแก้แค้นเซียวเฉวียนและองค์จักรพรรดิ เขายังคิดจะทำลายพิธีปลอบวิญญาณอย่างบ้าคลั่งด้วย
แต่ว่า เวลาที่เสวียนจิ้งอยู่ในต้าเว่ย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม มันก็เป็นการขัดแย้งภายใน
แต่ตอนนี้ เขาได้สมรู้ร่วมคิดกับนักปราชญ์รวบเอากองทัพนักรบแท้ ทั้งสมรู้ร่วมคิดกับชาวภูมิภาคตะวันตก สภาวการณ์นั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
การกระทำของเขาเช่นนี้ ข้อหาชักศึกก่อกบฏนี้ สวมอยู่บนหัวของเสวียนจิ้งอย่างดิ้นไม่หลุดแล้ว
ก้าวพลาดทีเดียว ฝังเจ็บกลางใจชั่วนิรันดร์แท้ๆ
เดิมทีเสวียนจิ้งก็เป็นคนที่มีความสามารถ แต่น่าเสียดาย ใจเขาไม่เที่ยงตรง สุดท้ายก็ทำร้ายตัวเองเข้าจนได้
ตระกูลจะมีบุคลากรเชิดหน้าได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เสวียนจิ้งก้าวมาถึงจุดนี้ ถือว่าได้ทำชีวิตของตัวเองจนป่นปี้
โธ......น่าเสียดาย
สวีซูผิงถอนหายใจเงียบๆ
จากนั้นเขาก็พูดอย่างมีอารมณ์ชวนคิด "เกิดมาเป็นคน ที่สำคัญที่สุด ยามเชิดหน้าต้องไม่ละอายต่อฟ้าเบื้องบน ยามก้มหน้าต้องไม่ละอายต่อผู้คนเดินดิน"
หมายความว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง รู้สึกว่าไม่ได้ทำผิดต่อท้องฟ้า และเมื่อก้มศีรษะลง จะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำให้ใครอื่นเดือดร้อน
เป็นคนต้องเปิดเผยมีความเที่ยงธรรม มีจิตสำนึก ทำใจให้กว้าง
ที่เสวียนจิ้งก้าวมาถึงจุดนี้ เพราะเขายึดติดเกินไป จิตใจคับแคบ
เพียงเพราะองค์จักรพรรดิยกองค์หญิงให้กับเซียวเฉวียน เขาก็มององค์จักรพรรดิและเซียวเฉวียนเป็นศัตรู และแปรพักตร์ไปหาฝ่ายของเว่ยเชียนชิว ทำลายอนาคตของเขาเองและทำร้ายชีวิตของเขาเอง
ผีเข้าสิงจริงๆ !
เซียวเฉวียนพูดอย่างใจเย็น "เขาเลือกทางเดินของเขาเอง ไม่มีอะไรน่าเสียดาย"
ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถแค่ไหน ไตรทัศน์ของเขาไม่เที่ยงธรรมคือความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดของเขา
ใต้ฟ้าพิภพ คนฉลาดและคนมีพรสวรรค์มีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่คนที่หายากคือคนที่มีทัศนคติสามอย่างที่มีความเที่ยงธรรม
ตลอดทุกยุคทุกสมัย ผู้คนที่มีไตรทัศน์ที่ไม่อยู่ในธรรม ล้วนก่อความวิบัติต่อชาวโลก
ผู้ที่มีไตรทัศน์เที่ยงธรรมเท่านั้น จึงจะสามารถคืนความแจ่มใสให้กับชาวโลก ส่งเสริมการพัฒนาประเทศได้
คนอย่างเสวียนจิ้งนี้ บอกได้เพียงว่า หาเรื่องใส่ตัวเอง ตายก็ไม่เสียดาย !
คำพูดของตัวเองถูกพลิกตลบอย่างไร้ความปราณีโดยเซียวเฉวียน สวีซูผิงแอบแตะจมูก กระแอมทีหนึ่งเพื่ออำพรางความรู้สึกเคอะเขินบนใบหน้าที่แทบจะมองไม่เห็น
ไอ้หมอนี้พูดจาดูจะไม่ไว้หน้าใครนิดหน่อย แต่ต้องบอกว่าเขาพูดมีเหตุผลทีเดียว
ใช่ เสวียนจิ้งตายก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย !
ทั้งสามคนเดินไปคุยกันไป มาถึงหอปี้เซิ่งโดยไม่รู้ตัว
พวกบริกรในหอปี้เซิ่งคุ้นเคยกับสามคนนี้มาก
เซียวเฉวียนและอี้กุยเป็นเจ้านายของพวกเขา และสวีซูผิงเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง พอเห็นทั้งสามคน บริกรก็รีบวิ่งเข้าไปต้อนรับอย่างขยันขันแข็ง
เซียวเฉวียนโบกมือแล้วพูดว่า "พอแล้ว พวกเจ้ามีหน้าที่ทำอะไรก็ไปทำ"
จากนั้น เซียวเฉวียนก็นำสวีซูผิงและอี้กุยเข้าไปในห้องพิเศษสำหรับสมาชิกชั้นสูง*
ห้องพิเศษนี้เซียวเฉวียนเตรียมไว้สำหรับตัวเขาเอง
แต่ว่าปกติเซียวเฉวียนไม่ค่อยได้ใช้มัน เมื่อก่อนตอนที่โย่วควนอยู่ที่นี่ โย่วควนมีเวลาว่างก็จะมาพักที่นี่สักหน่อย
ตอนนี้โย่วควนไม่อยู่ และเซียวเฉวียนก็ไม่มา ห้องพิเศษนี้ก็ว่างมาโดยตลอด
ไม่ว่าหอปี้เซิ่งจะขายดิบขายดีเพียงใด ห้องพิเศษนี้ก็ไม่เปิดให้กับบุคคลทั่วไป
นี่คือกฎที่เซียวเฉวียนตั้งไว้
ห้องพิเศษนี้ ให้เซียวเฉวียนใช้เพื่อต้อนรับคนที่เขาต้องการรับรองเท่านั้น
อี้กุยรู้ดีอยู่แล้วว่ามีห้องนี้อยู่ ดังนั้น สีหน้าเขาก็ดูสงบนิ่ง
ก็นั่นสิ เซียวเฉวียนดูออกมานานแล้วว่า สวีซูผิงเป็นคนใจถึง
ก็เพราะเขาเป็นคนแรกที่เป็นมิตรกับเซียวเฉวียนมากตอนที่เซียวเฉวียนมาถึงราชวงศ์ต้าเว่ยทีแรก
เซียวเฉวียนยิ้มก็ไม่เชิงยิ้มและพูดว่า "ใต้เท้าสวีเกรงใจแล้ว อยู่ที่นี่ ตามใจท่านทุกอย่าง"
ดี !
สวีซูผิงก็รอคำนี้ของเซียวเฉวียนนั่นแหละ เขาขยิบตาให้เซียวเฉวียนและส่งสัญญาณให้เซียวเฉวียนกันอี้กุยออกไปก่อน เขามีเรื่องสำคัญที่ต้องถามเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนมองสวีซูผิงด้วยสายตาที่มีหลักประกัน บ่งบอกให้เขาพูดได้เลย อี้กุยเป็นคนที่ไว้ใจได้ ไม่จำเป็นต้องหลบ
ในเมื่อเซียวเฉวียนแสดงความไว้วางใจต่ออี้กุยขนาดนี้ สวีซูผิงจึงพูดตรงประเด็น "ท่านเซียว มีสิ่งหนึ่งที่ข้าคิดมานานแล้ว แต่ยังคิดไม่ตก ขอให้ท่านเซียวช่วยชี้แนะด้วย”
ฟังน้ำเสียงนี้ สัญชาตญาณของเซียวเฉวียนบอกเขาว่าสิ่งที่สวีซูผิงพูดต่อไปนี้น่าจะค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่
เซียวเฉวียนเหลือบมองสวีซูผิงแล้วพูดว่า "ใต้เท้าสวีพูดมาได้เลย"
ความหมายคือ ต่อหน้าข้าพเจ้า ท่านอย่าพูดอ้อมค้อมนัก
สวีซูผิงกล่าวว่า "ท่านเซียว ตราจูเสินถูกทำลายไปแล้วจริงหรือ ?"
เรื่องของตราจูเสินนี้จบไปตั้งนานแล้ว สวีซูผิงยังเอาขึ้นมาพูดอีก แสดงว่าเขาเริ่มสงสัยในตัวเซียวเฉวียนแล้ว
ขณะสบสายตาที่พินิจพิเคราะห์ของสวีซูผิง เซียวเฉวียนก็ยิ้มเรียบ ๆ และย้อนถามว่า "แล้วใต้เท้าสวีคิดว่ายังไงล่ะ"
สวีซูผิงพูดอย่างไม่ลังเล "ข้ารู้สึกว่า ไม่"
ตอนนี้ อี้กุยซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดก็ปริปากขึ้น "ใต้เท้าสวี ตราจูเสินถูกลุงปู่ของข้าทำลายไปนานแล้วไม่ใช่หรือ ? เป็นเรื่องที่ทุกคนใต้ฟ้าพิภพนี้รู้กันหมด"
ไม่เชื่อ ยังสามารถไปที่เกาะจูเสินสักเที่ยว ไปดูว่าตราจูเสินยังอยู่หรือเปล่า
เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้ว สวีซูผิงยังมาถามเซียวเฉวียนเรื่องนี้ เขาหมายความว่าอะไร ?
หรือเขากำลังสงสัยในความสามารถของลุงปู่ ?
หรือกำลังสงสัยว่าลุงปู่พูดปลด ?
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถ้าตราจูเสินยังไม่ถูกทำลาย มันก็ต้องยังอยู่ที่เกาะจูเสิน อยากรู้ข้อเท็จจริง ก็ไปที่เกาะจูเสินสืบดู ก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...