ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1492

เพราะหมิงเจ๋อเป็นเจ้านาย อำนาจเด็ดขาดจึงอยู่ในมือของเขา

ยิ่งคิด เซียวเฉวียนก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้

ไม่เช่นนั้น ตอนที่องค์หญิงอยู่ในถ้ำ สถานที่ปกปิดมิดชิดขนาดนั้น ไม่น่าจะมีคนหาพบ

เพียงแต่ด้วยเหตุบังเอิญ องค์หญิงถูกเซียวเฉวียนพาลงจากเขาไปก่อน พวกเขาเลยช่วยชีวิตของเสวียนจิ้งไปแทน

สำหรับญาณสัมผัสนี้สร้างขึ้นมาได้ยังไง เซียวเฉวียนไม่ทราบรายละเอียด เพราะเซียวเฉวียนไม่คิดจะสนใจ

แต่ว่า ทั้งหมดนี้น่าจะไม่ต่างจากหลักการเดียวกัน เหมือนกับการเชื่อมญาณ

จะปลดมันอย่างไรนั้น เซียวเฉวียนไม่รู้จริงๆ แม้แต่องค์หญิงก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

พอได้คิดเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็ยิ่งมั่นใจว่า คนที่ส่งสัญญาณจะต้องเป็นหมิงเจ๋อ

เมื่อคิดอย่างรอบคอบ ญาณสัมผัสระหว่างเสวี่ยเยี่ยนกับหมิงเจ๋อจะต้องหาทางแก้ไขให้ได้ ไม่เช่นนั้นเสวี่ยเยี่ยนจะไม่สามารถมาอยู่กับองค์หญิงและดูแลเธอได้ถ้าหมิงเจ๋อไม่ตาย

แต่ว่าองค์หญิงยังต้องมีใครสักคนมาคอยดูแลเธอ

เซียวเฉวียนส่งเสียงในใจถึงชิงหลงโดยกล่าวว่า "ตอนนี้องค์หญิงปลอดภัยดีมาก ขอบคุณที่เป็นห่วง"

จากนั้น เซียวเฉวียนถือโอกาสกล่าวถึงเหตุการณ์ของเสวี่ยเยี่ยนกับชิงหลงและถามชิงหลงว่ามีวิธีใดที่จะกำจัดญาณสัมผัสระหว่างเสวี่ยเยี่ยนกับหมิงเจ๋อหรือไม่ ให้พวกเขาหลุดกาเชื่อมต่อ

ชาวคุนหลุนเห็นมากรู้มาก ดีไม่ดีอาจจะรู้วิธี

แต่ว่า ยังไม่ทันได้คำตอบจากชิงหลง องค์จักรพรรดิเหมือนจะพบว่าเซียวเฉวียนกำลังมึนอะไรอยู่ "ท่านราชครู เป็นอะไรไป ?"

เซียวเฉวียนพูดอย่างนิ่งเฉย "ไม่เป็นไร ครูแค่กำลังครุ่นคิดเรื่องหนึ่งอยู่"

เพื่อไม่ให้องค์จักรพรรดิเกิดระแวง เซียวเฉวียนจึงปิดการติดต่อทางไกลกับชิงหลง และตาจ้องไปที่กระดานหมากรุก

เขาถือตัวหมากรุกไว้ในมือ แล้ววางมันลงอย่างฉับไว และพูดอย่างภาคภูมิใจ "ฝ่าบาท ครูชนะแล้ว"

องค์จักรพรรดิพินิจดูอีกที พบว่าตัวเองพลาดไปด้วยความประมาท ถูกเซียวเฉวียนชิงโอกาสไป

องค์จักรพรรดิหันความสนใจจากกระดานหมากรุกไปที่เซียวเฉวียน และทรงถามด้วยความอยากรู้ "เมื่อกี้ท่านราชครูกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ ?"

ในความทรงจำขององค์จักรพรรดิ เซียวเฉวียนมักจะคิดตัดสินเรื่องราวอย่างฉับไว น้อยครั้งที่จะครุ่นคิดเรื่องในลักษณะนี้

เซียวเฉวียนพูดอย่างใจเย็น "ครูกำลังคิดว่า อู๋จี้จะทำอะไรในขั้นต่อไป"

เอาตัวไทเฮาใช้เป็นประโยชน์ไม่ได้แล้ว แผนยุแยงตะแคงรั่วก็ล้มเหลว พูดตามเหตุผล อู๋จี้ก็หมดปัญญาแล้ว

แต่เขามีความแค้นต่อเซียวเฉวียนและองค์จักรพรรดิฝังใจลึกเกินไป เขาไม่อาจละมือง่ายๆ

ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงอยากรู้ว่า อู๋จี้จะมีกลอุบายอะไรมาใช้ได้อีก

เป็นไปไม่ได้ที่จะลอบสังหารเซียวเฉวียนและองค์จักรพรรดิซึ่งหน้า จวนอู๋ยังไม่มีปัญญาขนาดนี้

คิดไปคิดมา เซียวเฉวียนก็เสนอคำถาม "ฝ่าบาท หากพระองค์เป็นอู๋จี้ พระองค์จะไปก่อเรื่องที่โรงเรียนชิงหยวนหรือไม่ ?"

ถ้าไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้จริงๆ ก็เป็นไปได้ที่อู๋จี้ไปก่อเหตุอะไรสักอย่างในโรงเรียนชิงหยวน

ถึงอย่างไร โรงเรียนชิงหยวนก็คืออาณาเขตของเซียวเฉวียน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกศิษย์ที่โรงเรียนชิงหยวน เซียวเฉวียนก็ต้องลำบากอย่างแน่นอน

หนักๆ เข้า ถ้ามีคนเสียชีวิต ชาวบ้านจะต้องเอาเป็นเอาตายกับเซียวเฉวียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เป็นผลให้ชื่อเสียงของเซียวเฉวียนตกต่ำ ถูกรายล้อมไปด้วยคดีความ

จากนั้น อู๋จี้ก็เติมน้ำมันลงไปในกองไฟ ขับไล่เซียวเฉวียนออกจากโรงเรียนชิงหยวน

คนทั่วเมืองหลวงรู้ดีว่าโรงเรียนชิงหยวนถูกพี่น้องเหวินฮั่นมอบไว้ให้กับเซียวเฉวียน และเซียวเฉวียวนก็ทะนุถนอมเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับเซียวเฉวียน ถ้าสูญเสียชิงหยวนอันเป็นที่ทะนุถนอมของเขา มันคงกระทบกระเทือนตัวเขาเป็นอย่างมาก

ตามตรรกะการคิดของคนโบราณเหล่านี้ เซียวเฉวียนพอเข้าใจกลอุบายของอู๋จี้คร่าวๆ แล้ว

กลอุบายที่คนโบราณใช้ทำร้ายผู้อื่นนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่ากลอุบายเหล่านั้น ทำมาซ้ำๆ ซากๆ ทำเพื่อโยนความผิดให้ผู้อื่น

กลวิธีพวกนี้ พวกเขาชอบใช้นัก

องค์จักรพรรดิทรงกล่าวอย่างครุ่นคิด “บางทีอาจทำ บางทีก็อาจจะไม่ทำก็ได้”

มาก่อเรื่องในอาณาเขตของเซียวเฉวียนนั้น มีความเสี่ยงสูง หากทำสำเร็จก็จะไม่เป็นไร หากล้มเหลว ให้เซียวเฉวียนสืบรู้เข้า ชีวิตคงไม่เหลือแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย