แน่นอน เซียวเฉวียนรู้ดีว่านักปราชญ์ ได้ย้ายฐานทัพแล้ว แต่เขาไม่อยากเรียก เหมิงเอ้ากลับมา เขาต้องการให้เขาออกไปฝึกฝนข้างนอก
กองทัพชาวยุทธ์แท้ ได้ตกอยู่ในมือ นักปราชญ์ แล้ว และเสวียนจิ้ง กับ นักปราชญ์ สมคบกัน และหมิงเจ๋อพวกมันร่วมมือกัน
ในอนาคต พวกเขาอาจไม่เป็นมิตรกับ ต้าเว่ยก็ได้
เพื่อความปลอดภัย เหมิงเอ้าจะต้องเติบโตขึ้น เขาต้องสามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้
ถ้าเป็นแบบนั้น ต้าเว่ยจะมีประกันเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน ต้าเว่ยสามารถป้องกันศัตรูได้ก็เพราะจวนเซียวเท่านั้น ซึ่งสำหรับต้าเว่ย ถือว่าอยู่ในสถานะถูกกระทำ
วิธีเปลี่ยนจากถูกกระทำเป็นผู้กระทำคือ ต้องฝึกฝนแม่ทัพที่มีทั้งความกล้าหาญและไหวพริบให้มากขึ้น
ไป๋ฉี่เติบโตขึ้นแล้ว เซียวเฉวียน ไม่ต้องกังวล
แต่ เหมิงเอ้ายังคงต้องฝึกฝน
ตอนนี้ยังค่อนข้างสงบสุข เป็นช่วงเวลาที่ดีในการฝึกฝน เหมิงเอ้าถ้าไม่ฝึกฝนตอนนี้ แล้ววันหนึ่งเกิดสงครามขึ้น ตอนนั้นจะฝึกฝนก็ไม่ทันแล้ว
เหมิงเอ้าเชื่อฟังคำพูดของ เซียวเฉวียนไม่ว่า เซียวเฉวียน จะให้เขาสืบหาอะไร เขาก็จะสืบหา เขาตอบอย่างรวดเร็วว่า "ขอรับ! นายท่าน!"
เขาจะต้องช่วยเจ้านายหาเบาะแสของนักปราชญ์ และ กองทัพ
เซียวเฉวียนกล่าวว่า "อืม ระวังตัวนะ อย่าลืมอย่าทำอะไรที่เสี่ยงเกินไป"
ต้องเอาชีวิตตัวเองมาก่อนเสมอ
มีหวังก็ต่อเมื่อยังมีชีวิตอยู่
เหมิงเอ้าตอบว่า "ขอรับ! นายท่าน!"
จากนั้นการสนทนาระหว่างนายและบ่าวทั้งสองก็จบลง
แท้จริงแล้ว เซียวเฉวียน พบว่า เหมิงเอ้า ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ในปัจจุบันของเขา พูดจาไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนก่อน พบเจอเรื่องอะไรก็จะคิดไตร่ตรอง สมองก็เฉียบแหลมขึ้นมาก
แต่อย่างไรก็ตาม หากต้องการเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ เขาก็จะต้องพัฒนาต่อไป
ทันใดนั้น ก็ถึงวันเปิดเรียนของห้องสมุดชิงหยวน
เหล่าศิษย์ต่างยิ้มแย้มแจ่มใส เฉพาะอย่างยิ่ง บุตรหลานครอบครัวยากจนยิ่งดีใจ
ไม่เพียงเท่านั้นที่พวกเขาสามารถเข้าเรียนที่ห้องสมุดชิงหยวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาใฝ่ฝันมานาน ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนก็ดีพอแล้ว ยังได้รับเงินในแต่ละเดือนอีกด้วย
ราวกับว่าบรรพชนมาดลบันดาล โชคดีเช่นนี้ตกมาสู่พวกเขา พวกเขาย่อมดีใจ
ทั่วทั้งห้องสมุดชิงหยวน เสียงหัวเราะดังกึกก้อง บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น
การกลับมาเปิดใหม่ของห้องสมุดชิงหยวน แน่นอนว่าย่อมดึงดูดผู้คนมายืนดู
พวกเขาอยากร่วมฉลองเปิดเรียน อยากดูว่าชิงหยวนหลังปรับปรุงใหม่เป็นอย่างไร และอยากฟังว่าเซียวเฉวียน จะพูดอะไรในวันเปิดเรียนที่กระตุ้นอารมณ์
วันนี้ อากาศดี แดดแรง
แต่ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงที่สุดก็ไม่สามารถขัดขวางไม่ให้ประชาชนอยากเข้าร่วมงานได้
ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงที่สุดก็ไม่สามารถลดความตื่นเต้นของนักเรียนได้
ในสายตาที่คาดหวังของนักเรียนและประชาชน เซียวเฉวียน ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างสง่างาม
เดิมทีทุกคนคิดว่า เซียวเฉวียนเมื่อยืนอยู่บนเวทีปราศรัยในสนาม อย่างน้อยก็ต้องพูดคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจ
แต่ เซียวเฉวียนไม่ได้ทำตามแบบแผน เขายืนอยู่บนเวทีและพูดเพียงประโยคสั้น ๆ ว่า “ข้า เซียวเฉวียน ในฐานะประมุขแห่งชิงหยวน มีเพียงความปรารถนาเดียวเท่านั้น ขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียนและก้าวหน้าทุกวัน!”
หลังจากพูดจบประโยคนี้ เซียวเฉวียน ก็หันหลังกลับและจากไป ทิ้งภาพลักษณ์ที่สง่างามไว้ให้กับประชาชนและนักเรียน
นี่...
ในที่ลาน ทุกคนต่างตกตะลึง มึนงงในแสงแดด
ในฐานะประมุขแห่งชิงหยวน และชิงหยวนเปิดเทอม เป็นวันสำคัญเช่นนี้ เซียวเฉวียน พูดแค่นี้เอง?
มีแค่ตั้งใจเรียนให้ดี อนาคตจะได้ก้าวไกลแปดคำ?
นี่ไม่สอดคล้องกับตัวตนของเซียวเฉวียนเลยน่ะ
เมื่อพวกเขาได้สติ เซียวเฉวียน ได้หายตัวไปจากสายตาของพวกเขาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...