หลังจากกำจัดคนเลวแล้ว เจี้ยนจงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "อย่าตกใจ คนที่นั่นต้องการใส่ยาพิษลงในขนม ข้าจึงต้องลงมือ"
ความหมายโดยนัยคือ หากพวกเจ้าทำงานหนักและซื่อสัตย์ จะไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น
พ่อครัวต่างพากันมองหน้ากัน จากนั้นพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ใช่ บรรพชน!"
ในช่วงที่เจี้ยนจงอยู่ที่ชิงหยวนแห่งนี้ มักจะพูดคำว่า "บรรพชน" อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นผู้คนในชิงหยวนจึงเรียกเขาว่า "บรรพบชน"
เจี้ยนจงพอใจแล้วพูดว่า "เอาล่ะ พวกเจ้าก็ทำงานของพวกเจ้าต่อไปเถิด"
พูดจบ เจี้ยนจงก็หันหลังและออกจากโรงอาหาร
คนธรรมดาอย่างเขา กล้าที่จะใส่ยาพิษต่อหน้าเจี้ยนจง น่าจะเป็นคนโง่เขลาที่ไม่รู้แม้แต่ตัวอักษร "ตาย"
เรื่องคนนั้นถูกจัดการแล้ว แต่เจี้ยนจงก็ต้องบอกเซียวเฉวียนให้ระวังตัวด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว หากมีคนกล้ามาก่อเรื่องให้องสมุดชิงหยวน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังย่อมจะไม่ทุ่มเททุกอย่างเพียงเพื่อส่งคนเพียงคนเดียวมา
เป็นไปได้ว่ามีคนอื่นกำลังทำอะไรบางอย่างที่ไม่ดีในสถานที่อื่นในชิงหยวน
ในเวลานี้ เจี้ยนจงกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องสมุดชิงหยวนกับมุ่จิ่น และเว่ยเป้ย
วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียน เพียงแค่ให้นักเรียนทำความคุ้นเคยกับชิงหยวนและห้องเรียนเท่านั้น ยังไม่มีการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการ
ดังนั้นเซียวเฉวียนและพวกเขาจึงว่างมาก
เมื่อเห็นเจี้ยนจงเดินเข้ามาจากด้านนอก เวียวเฉวียนยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า "เจ้าไปไหนมา?"
สี่คนจากฮว๋าเซี่ยรอแค่เจี้ยนจงมาครบเท่านั้น
แต่เซียวเฉวียนทั้งสามคนรอเจี้ยนจงมาสักพักแล้ว ก็ยังไม่ทราบว่าคน ๆ นี้ไปทำอะไร
แม้ว่าใบหน้าของเจี้ยนจงจะดูปกติ แต่เจี้ยนจงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งการสังหารเบาๆ จากตัวเขา
เซียวเฉวียนรู้สึกว่าคนๆ นี้เพิ่งจะลงมือ
เจี้ยนจงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "เพิ่งจะฆ่าคนโง่คนหนึ่ง"
จากนั้น เจี้ยนจงก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เซียวเฉวียนและคนอื่นๆ ฟัง
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ทั้งสามคนต่างก็มองดูเสินหลิง เด็กสาวคนนี้ด้วยสายตาที่แปลกใจ
นางอายุยังน้อย แต่มีจิตใจเช่นนี้ ในอนาคตจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
อันที่จริง เซียวเฉวียนได้สั่งให้เฉวียนซานแอบเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของห้องครัวแล้ว
หากมีคนต้องการก่อเรื่องในชิงหยวน สถานที่ที่ดีที่สุดในการลงมือย่อมต้องเป็นห้องครัว
ส่วนสถานที่อื่นๆ ผู้คนก็พลุกพล่าน ไม่กล้าทำอะไร
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเสินหลิงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของคนๆ นั้น และหากเจี้ยนจงไม่ลงมือ ก็จะมีคนอื่นจัดการคนๆ นั้น
และเฉวียนซานเห็นเจี้ยนจงลงมือแล้ว ไม่อยากขัดขวางความสนุกของเจี้ยนจงจึงไม่ได้ปรากฏตัว
เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ เจี้ยนจงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "คนๆ นี้ช่างรู้จักกาลเทศะจริงๆ"
เซียวเฉวียนยิ้มอย่างภาคภูมิใจแล้วพูดว่า "แน่นอน เขาเคยเป็นมือขวาของเสวียนอวี๋"
คนที่ถูกเสวียนวี๋ส่งฆ่าเซียวเฉวียน ในดินแดนตะวันตก จะสามารถแย่ไปได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น เสวียนอวี๋เป็นหนึ่งในคนสนิทของเว่ยเชียนขิว อยู่ในตำแหน่งนี้ในแวดวงของเว่ยเชียนชิว แน่นอนว่าต้องไม่ผิดพลาดในด้านการใช้คน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...