สรุปแล้วอยู่ในสายตาของคนประเภทนี้ ไม่ว่าพวกเขาทั้งสามจะทำพฤติกรรมสุดโต่งอะไรก็ตาม ความผิดไม่ได้อยู่ที่ทั้งสามคน แต่อยู่ที่เซียวเฉวียน
เหตุผลที่เซียวเฉวียนผิดก็เพราะเขาแข็งแกร่งกว่าทั้งสามคนนั้นเอง
ความคิดของคนประเภทนี้เป็นสิ่งที่ผิด แต่ความคิดผิดแบบนี้สามารถมีผลต่อพลเรือนมาก
เนื่องจากกลุ่มผู้คนก็เป็นกลุ่มที่อ่อนแอเช่นกัน พวกเขาจึงมีชะตากรรมเช่นเดียวกับทั้งสามคน
แน่นอนว่าในกลุ่มผู้คนก็มีบางคนที่บริสุทธิ์และดี
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไมทั้งสามคนนั้นถึงระเบิดจวนเซียว แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่ได้ผิดที่เซียวเฉวียน
ในสายตาของพวกเขา ลักษณะของเซียวเฉวียนนั้นยิ่งใหญ่มาก โดยปกติแล้วเขาไม่ถือสาคิดเล็กคิดน้อยกับใครเลยและอะไรที่เขาให้อภัยได้ก็ให้อภัยไป
หากไม่ใช่เป็นเพราะมีคนอยากจะกำจัดเซียวเฉวียนให้สิ้นซากละก็ เซียวเฉวียนก็จะไม่ถือสาคิดเล็กคิดน้อยด้วยซ้ำ
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้คนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย
กลุ่มหนึ่งไว้วางใจเซียวเฉวียนโดยไม่มีเงื่อนไข อีกกลุ่มก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะใส่ร้ายเซียวเฉวียน
หากพูดถึงขนาดเล็กใหญ่ของค่าย แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากที่ไว้วางใจเซียวเฉวียนมากกว่าคนที่ใส่ร้ายเขา
อย่างไรแล้วนับตั้งแต่ที่เซียวเฉวียนได้นำดวงวิญญาณห้าหมื่นดวงของกองทัพตระกูลเซียวกลับมาที่เมืองหลวง กลุ่มพลเรือนในเมืองหลวงต่างก็รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของเซียวเฉวียนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อประกอบกับการกระทำต่างๆนาๆของเซียวเฉวียนแล้ว ยิ่งทำให้ตำแหน่งเซียวเฉวียนที่อยู่ในหัวใจของกลุ่มพลเรือนก็มีเสถียรภาพมากขึ้น
มีเพียงแต่กลุ่มคนน้อยเท่านั้นที่จิตใจเหี้ยมโหดเสมือนหมาป่า ชอบเอาชีวิตที่ไม่สมหวังไปใส่ให้คนอื่น เจอใครก็ไม่ชอบไม่เข้าตาสักคนเลย และชอบตัดสินคนอื่นด้วยความรู้สึกของตัวเองเสมอ
ตัวอย่างเช่น หากคนอื่นรู้สึกว่าเซียวเฉวียนเป็นคนดีและยกย่องเซียวเฉวียน พวกเขาจะต่อต้านคนเหล่านั้นและกลายเป็นคนเหยียดหยาม
เช่นเดียวกับเกรียนในโลกอินเทอร์เน็ตในสมัยใหม่ ไม่ว่าเจอใครเห็นใครก็ใส่ร้ายไปทั่ว ไม่ว่าถูกหรือผิดก็ตาม
การใส่ร้ายนั้นกลายเป็นความสุขเพียงอย่างเดียวของพวกเขา
พวกเขามักจะเพ้อฝันและต้องการใช้อำนาจของตนเพื่อบิดเบือนทัศนคติทั้งสามด้านของผู้คน
ฉะนั้น เมื่อผู้ที่มีทัศนคติทั้งสามด้านได้โต้เถียงกับพวกเขาเพื่อโต้แย้งนั้น พวกเขาทั้งๆรู้ว่าความชั่วร้ายนั้นไม่สามารถมีชัยเหนือความดี และไม่สามารถชนะการอภิปรายนี้ได้ แต่พวกเขายังคงรวบรวมพลังทั้งหมดของพวกเขาและใช้มันอย่างรุนแรงในการโต้เถียงต่อไปแม้ว่าพวกเขาจะโมโหจนหน้าดำหน้าแดงก็ตาม
พูดให้ชัดเจนก็คือ ก็เหมือนพูดจาแข็งกร้าวราวกับเป็ดที่ตายแล้ว
ตัวแทนของกลุ่มพลเรือนฝ่ายยุติธรรม การพูดอย่างถูกต้องและยุติธรรม:"พวกเจ้าตาบอดกันแล้วหรือไง?แม้ว่าใต้เท้าเซียวจะผิด แต่พวกเขาก็ไม่ควรมาระเบิดที่ประตูเช่นนี้"
“หากทุกสิ่งทุกอย่างแก้ไขปัญหาด้วยกำลังอันดุร้าย แล้วมีที่ว่าการมีเพื่อประโยชน์อะไร?”
“แค่คุยกันไม่ถูกกันก็จะทะเลาะกันและฆ่ากัน การกระทำเช่นนี้ไร้มารยาท?”
ตัวแทนของกลุ่มพลเรือนฝ่ายต่อต้าน มีน้ำเสียงเหยียดหยาม:"คนยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว ใครล่ะจะอยากเดินเท้าเปล่าถ้าคุณมีรองเท้า?"
“ถ้าเซียวเฉวียนไม่ได้มีอำนาจและอิทธิพลมหึมา ไม่มีทางฟ้องร้องได้ พวกเขาจะต้องใช้มาตรการที่รุนแรงเช่นนี้หรือไม่?”
“ใครล่ะจะไม่อยากอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข?”
ฝ่ายยุติธรรมและฝ่ายต่อต้าน พ่อตาบอกตัวเองมีเหตุผล แม่ยายบอกตัวเองมีเหตุผล และพวกเขาก็โต้เถียงกันไม่ลงตัว
ฝ่ายยุติธรรมพูดอีกว่า:"พวกข้าไว้วางใจในตัวของใต้เท้าเซียว หากไม่ใช่เพราะใต้เท้าเซียวละก็พวกข้าคงตายกันในกองเพลิงนั้นแล้ว"
ตอนที่เซียวเฉวียนสิ้นหวังตกระกำลำบาก ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็มองเรื่องตลกของเซียวเฉวียนและหัวเราะเยาะเขา
เซียวเฉวียนเป็นผู้ช่วยชีวิตพลเมืองของเมืองหลวงจากความทุกข์ยากครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่คำนึงถึงความสงสัยในอดีต
เซียวเฉวียนเป็นผู้มีพระคุณของชาวเมืองหลวงทั้งหมด
เซียวเฉวียนเป็นผู้ที่ต่อต้านเว่ยเชียนชิวอย่างกล้าหาญ โดยค่อยๆสลายอำนาจของเว่ยเชียนชิว และปลดปล่อยพลเมืองในเมืองหลวงและแม้แต่ต้าเว่ย ทั้งหมดจากการกดขี่อำนาจของเว่ยเชียนชิว
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเซียวเฉวียนเป็นคนช่วยและปลดปล่อยชีวิตพลเมืองของต้าเว่ยทั้งหมด
ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวเฉวียน ต้าเว่ยคงไม่อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ถึงแม้ว่ามีก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
ดังนั้นหัวใจของเซียวเฉวียนจึงอยู่ใกล้กับพลเมือง
เสวียนอวี๋เคยได้ยินเสียงในใจของสองคนนี้ สภาพจิตใจของพวกเขาไม่มีความคิดที่ไม่บริสุทธิ์หรือความคิดต่างๆอยู่ในใจ และเป็นเพียงคนที่มาดูความสนุกสนานเท่านั้น เมื่อพวกเขาเข้ามาพวกเขาจะไม่สร้างปัญหาในจวนเซียว
เฮ้ จวนเซียวมีเด็กน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่?
เวลาที่เด็กน้อยพูดยังดูดุและน่ารักน่าเอ็นดูมาก
ทันใดนั้น จากนั้นทุกคนก็เปลี่ยนความสนใจไปที่เสวียนอวี๋
แม้ว่าคนสองคนที่ถูกเสวียนอวี๋เลือกจะสับสนเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ฟังคำพูดของเสวียนอวี๋และก้าวไปข้างหน้า
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว พวกเขากำลังจะถามว่าพวกเขาจะเข้าไปได้อย่างไร แต่พวกเขาเห็นแค่เซียวเฉวียนโบกมือไปมาของเขาเบาๆ และพวกเขาก็เข้าไปในจวนเซียวอย่างสำเร็จ
หลังจากเข้ามาแล้ว ทั้งสองคนก็ทำความเคารพเซียวเฉวียนด้วยความเกรงกลัวอย่างยิ่ง จากนั้นยืนมือลงเพื่อรอคำสั่งของเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนกล่าวว่า:"ไปเลย หาให้ทั่ว"
หาทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดอย่าลืมพลาดแม้แต่จุดเดียว
จะนั้นทั้งสองจึงเริ่มตามหา
เพื่อที่ทำให้ผู้คนเชื่อและชื่นชม เซียวเฉวียนก็ยังสั่งให้เสวียนอวี๋ระบุตัวผู้ที่พูดจารุนแรงที่สุดของฝ่ายต่อต้าน ให้เขาเข้ามาด้วย
ในกรณีนี้ ถ้าหากไม่พบตัวหลี่เมิ่งในจวนเซียว และผู้คนภายนอกก็จะหมดคำจะพูด
พวกเขาทั้งสามตรวจค้นจวนเซียวอย่างละเอียดทั้งภายในและภายนอก แม้กระทั่งห้องน้ำก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่ก็ไม่พบตัวหลี่เมิ่ง
บางคนมีความสุขและบางคนก็เสียใจกับผลลัพธ์นี้
สิ่งที่น่ากังวลที่วุดคือหลี่ซื่อและสามคนนั้นที่ถูกโยนออกไป
หากไม่พบหลี่เมิ่ง หลี่ซื่อตายแน่น
ไม่พบตัวหลี่เมิ่งและจวนเซียวก็ไม่ถูกระเบิด ภารกิจของคนทั้งสามนั้นล้มเหลวโดยอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาทั้งสามเป็นนักฆ่าที่รู้จักกันดีในยุทธภพ และพวกเขาไม่เคยล้มเหลวมาก่อนเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...