เห็นหลี่ซื่อยอมอ่อนข้อให้ ใบหน้าของนักฆ่าจึงดูดนุ่มนวลลง ชำเลืองมองหลี่ซื่อด้วยความเหยียดหยาม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
คนที่ท่องอยู่ในยุทธภพมันจะไม่สนใจคนประเภทหลี่ซื่อ
หลี่ซื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่อาจทำให้คนในยุทธภพขุ่นเคืองได้ คงจะดีกว่าหากสามารถเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร
เรื่องของนักฆ่าจบลงไปแล้ว แต่เรื่องของเซียวเฉวียนที่อยู่ตรงหน้า หลี่ซื่อจะข้ามผ่านมันไปได้อย่างไร?
เห็นใบหน้าที่เยือกเย็นของเซียวเฉวียน ราวกับกำลังรอคิดบัญชีกับหลี่ซื่ออยู่
หลี่ซื่อเงยหน้าขึ้นด้วยความวิตกกังวลและมองไปที่เซียวเฉวียน
สัมผัสได้ถึงสายตาของหลี่ซื่อ เซียวเฉวียนชำเลืองมองด้วยสายตาอันเยือกเย็น กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักหน่วงและมั่นใจ “ทำไม เจ้ามีอะไรจะพูดงั้นหรือ?”
มีอะไรก็พูดออกมา ถ้าไม่มีก็รีบไสหัวไป
ประโยคนี้ของเซียวเฉวียนทำให้หลี่ซื่อตกใจไม่น้อย เขารีบส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า “ไม่มี ไม่มี”
ค้นหาอยู่หลายรอบก็ไม่พบร่องรอยของหลี่เมิ่ง ประกอบกับท่าทางที่เยือกเย็นของเซียวเฉวียน ต่อให้หลี่ซื่อมีอะไรจะพูด เขาก็ไม่กล้าพูดออกมาอยู่ดี
เมื่อพูดประโยคนี้จบ หลี่ซื่อหันหลังเพื่อเตรียมพร้อมที่จะจากไป
ฉวยโอกาสตอนที่เซียวเฉวียนยังอารมณ์นี้ในการหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
หากอยู่ที่นี่ต่อไป หลี่ซื่อคงอุจจาระราดเพราะแรงกดดันของเซียวเฉวียน
ในตอนนั้น เสียงของนักฆ่าก็หยุดหลี่ซื่อไว้ “ช้าก่อน”
เรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ หากนักฆ่าจากไปโดยไม่ทำอะไร พวกเขาจะสูญเสียทั้งชื่อเสียงและเงินทอง มันเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ดังนั้นเพื่อทำให้สถานการณ์คืนกลับมา เขาไม่กลัวที่จะเปิดเผยทุกสิ่ง
เท่าที่นักฆ่ารู้ หลี่เมิ่งเข้าไปในจวนเซียวเพราะต้องการแลกเปลี่ยนถ่ายกับผู้หญิงคนหนึ่งในจวนเซียว
และผู้หญิงในจวนเซียว ตามที่ทุกคนรู้กัน นอกจากเสี่ยวเซียนชิวก็มีเพียงแค่เสวี่ยเยี่ยนเท่านั้น
หากเซียวเฉวียนไม่สามารถเรียกทั้งสองคนนั้นออกมาได้ในเวลาเดียวกัน นั่นก็เป็นเครื่องพิสูจน์ทางอ้อมแล้วว่าหลี่เมิ่งนั้นอยู่ในจวนเซียว
เซียวเฉวียนได้ยินเช่นนั้น เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น “เจ้าคิดว่าข้าเซียวเฉวียนเป็นใคร? เจ้าคิดว่าจวนเซียวเป็นสถานที่แบบไหน?”
คิดว่าทุกอย่างจะเป็นจริงตามที่เจ้าพูดออกมางั้นหรือ?
ความหมายในคำพูดของนักฆ่าก็คือ เขาต้องการให้เซียวเฉวียนเรียกเสี่ยวเซียนชิวและเสวี่ยเยี่ยนออกมาในเวลาเดียวกัน
แล้วเช่นนั้นจวนเซียวจะทำให้ความปรารถนาของเขาสำเร็จได้อย่างไร?
นักฆ่ายิ้มอย่างเยือกเย็น “เรียกพวกนางออกมาแสดงตัว เรื่องนี้มันยากตรงไหนกัน?”
ความหมายของมันก็คือ หากเซียวเฉวียนไม่ยอมเรียกพวกนางออกมา นั่นก็แสดงว่าในใจของเซียวเฉวียนนั้นมีอะไรปิดบังอยู่
นักฆ่าเคยได้ยินการเปลี่ยนถ่ายเลือดมาก่อน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ในระยะเวลาเพียงหนึ่งวัน
คนที่เปลี่ยนถ่ายเลือด ร่างกายจะต้องอยู่ในอาการหนัก หมดสติไปอย่างน้อยสองสามวัน
ขอแค่เสี่ยวเซียนชิวหรือไม่ก็เสวี่ยเยี่ยนหายไปสักคน เช่นนั้นสิ่งที่พูดออกมาจากปากของเซียวเฉวียนก็เริ่มไม่ชัดเจน
สิ่งที่นักฆ่าคาดไม่ถึงก็คือ เซียวเฉวียนพูดเบา ๆ ว่า “เสี่ยวเซียนชิวและเสวี่ยเยี่ยนออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอก ส่วนเรื่องที่ว่าภารกิจคืออะไร หากพวกเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ลองไปถามฝ่าบาทดู”
ขับไล่พวกเขาออกไปเช่นนี้
ความหมายของมันชัดเจน หากเขาไม่เรียกพวกนางออกมา เจ้าจะทำอะไรข้าได้?
คำพูดเพียงประโยคเดียวของเซียวเฉวียนทำให้นักฆ่าต้องพบกับทางตัน พวกเขามองมาที่เซียวเฉวียนด้วยความโกรธ แต่ก็ตอบโต้อะไรกลับมาไม่ได้
และเซียวเฉวียนเองก็กวาดสายตามองไปที่ทุกคนอย่างเยือกเย็น จากนั้นร่างของเขาก็แวบหายไป มันหายไปจากสายตาของทุกคน
ขอโทษ ข้าคงอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับพวกเจ้าต่อไปไม่ได้แล้ว!
แม้นักฆ่าจะไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ทำอะไรเซียวเฉวียนไม่ได้จริง ๆ
เนื่องจากพวกเขาได้ตรวจค้นจวนเซียวไปตั้งหลายรอบแล้ว คนที่เข้าไปตรวจค้นก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แต่กลับไม่มีแม้แต่ร่องรอยของหลี่เมิ่ง
พวกเขาพูดอะไรออกมาไม่ได้เลยจริง ๆ
ส่วนเรื่องที่ให้เซียวเฉวียนเรียกเสี่ยวเซียนชิวและเสวี่ยเยี่ยนออก เหตุผลที่เซียวเฉวียนใช้ในการปฏิเสธก็ไม่อาจโต้เถียงได้เลย
เขาทุกทำอย่างได้สมบูรณ์แบบ
คิดไปคิดมาหลี่ซื่อก็ปฏิเสธความคิดนี้ออกไปทันที
นักฆ่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่ซื่อแต่อย่างใด เขาคงไม่มีทางใจดีมากช่วยเซียวเฉวียนคืนเงิน
และสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของหลี่ซื่อก็คือ นักฆ่าไม่ทำตัวเหมือนกับที่เคยเป็น หลังจากถามหลี่ซื่อชัดเจนแล้วว่าเป็นหนี้จำนวนเงินเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าอยากจะช่วยหลี่ซื่อใช้หนี้
แต่มีข้อแม้ก็คือ เขาต้องการให้หลี่ซื่อสั่งให้เจ้าหน้าที่คอยจับตาดูจวนเซียวต่อไป เฝ้าดูทัศนคติของจวนเซียว และเมื่อเห็นหลี่เมิ่งปรากฏตัวออกมาจากจวนเซียว เขาก็ต้องสร้างความวุ่นวายขึ้นมาในทันใด
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เกิดเงาสีดำขึ้นในใจของหลี่ซื่อ เขาพูดออกมาว่า “หากหลี่เมิ่งไม่อยู่ในจวนเซียวจริง ๆ จะทำเช่นไร?”
ความหมายของเขาก็คือ หากหลี่เมิ่งปรากฏตัวออกมา แต่ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาจากจวนเซียว เช่นนั้นจะต้องทำอย่างไร?
แต่นักฆ่ากลับตอบมาอย่างมั่นใจว่าหลี่เมิ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับจวนเซียวเป็นแน่ มีโอกาสสูงมากที่จะได้พบนางในจวนเซียว
หลี่ซื่ออดไม่ได้ที่จะถามออกมาอีกหนึ่งประโยค “หากนางปรากฏตัวออกมาอีกสถานที่หนึ่งจะทำอย่างไร?”
เรื่องการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของหลี่เมิ่ง หลี่ซื่อเองก็ได้เรียนรู้จากมันเช่นกันว่าไม่มีสิ่งใดแน่นอน จะต้องจับตาดูสิ่งต่าง ๆ เผื่อไว้อย่างระมัดระวัง หากไม่เช่นนั้นเงินที่ได้มาก็อาจจะเปล่าประโยชน์
นักฆ่ารู้สึกว่าหลี่ซื่อไม่เชื่อในพลังในการตัดสินใจของพวกเขา เขาพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด “เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอก หากนางไม่ได้ปรากฏตัวออกมาจากจวนเซียว เงินพวกนี้เข้าก็ไม่จำเป็นต้องคืน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่ซื่อก็ยิ้มออกมา “ยอดเยี่ยม”
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เงินก็ตกเป็นของเขาอยู่ดี คราวนี้ก็ไม่มีอะไรพูดยาก
นักฆ่าคิดว่าอ่านใจของเขาออกแล้ว จึงแจ้งเตือนออกมา “แต่เมื่อเจ้ารับเงินไปแล้วเจ้าก็ต้องทำภารกิจให้เสร็จ ห้ามเล่นตุกติกเป็นอันขาด พวกข้าเองก็จะจับตาดูจวนเซียวอยู่ด้วยเช่นกัน”
หรือพูดอีกอย่างก็คือ หากนักฆ่าพบว่าหลี่ซื่อเล่นตุกติกหรือทำอะไรไม่ชอบมาพากล นักฆ่าก็ไม่รังเกียจที่จะสังหารหลี่ซื่อ
หลี่ซื่อตอบกลับไปว่า “ได้! ฉันจะตั้งใจทำให้เต็มที่”
ไม่ต้องพูดเลย หากนักฆ่าไม่เน้นย้ำประโยคสุดท้ายออกมา หลี่ซื่อก็อาจจะเชิดเงินไปจริง ๆ
เมื่อได้รับการรับประกันจากหลี่ซื่อ นักฆ่าถึงจะควักเงินออกมามอบให้กับหลี่ซื่อ “เงินพวกนี้เยอะกว่าเงินที่เจ้าของที่ดินคืนให้เจ้า เมื่อเจ้านำไปคืนเจ้าของที่ดิน รับประกันได้ว่าชีวิตของเจ้าจะปลอดภัย”
หลี่ซื่อรับเงินอย่างมีความสุข พูดออกไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ขอบคุณเจ้ามาก!”
มอบความอบอุ่นให้กลางพายุหิมะ นักฆ่าเหมือนกับพ่อแม่ของหลี่ซื่อที่กลับมาเกิดใหม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...