คนข้างกายของหมิงเจ๋อได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากเซียวเฉวียนนั้น แน่นอนว่าต้องมีเรื่องราวบางอย่างซ่อนอยู่อย่างแน่นอน
ด้วยลักษณะนิสัยขององค์จักรพรรดิแล้ว พระองค์จักต้องสืบหาเรื่องนี้จนถึงที่สุดเป็นแน่
ดังนั้น หากองค์จักรพรรดิต้องการจักตรวจสอบเรื่องนี้หาใช่เรื่องยากเย็นไม่
หากว่า เซียวเฉวียนจักแจ้งให้ฝ่าบททรงทราบว่าองค์หญิงต้าถงยังมีชีวิตอยู่นั้น ก็เท่ากับว่าเป็นการเปิดเผยองค์หญิงต้าถงสู่สายตาของสาธารณชนในทันที
เช่นนี้จักเป็นการเพิ่มอันตรายให้กับองค์หญิงต้าถงรวมไปถึงเซียวหมิงชิวเช่นกัน
อีกทั้ง เซียวเฉวียนยังซ่อนความจริงที่ว่าองค์หญิงต้าถงยังมีชีวิตอยู่เอาไว้ตั้งแต่แรกอีก
นี่นับว่าเป็นความผิดโทษฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิอีกด้วย
หากว่าเหล่าขุนนางล่วงรู้เรื่องนี้เข้าละก็ พวกเขาจักต้องโวยวายเป็นการใหญ่อย่างแน่นอน ทั้งยังต้องเอ่ยประณามเซียวเฉวียนอีกเป็นแน่ รวมถึงฉวยโอกาสนี้ทำให้เซียวเฉวียนได้รับความยากลำบากให้ตกลงไปในโคลนตม
หลังจากที่เวยเชียนชิวสิ้นใจไปได้ไม่นานนัก ต้าเวยคล้ายกับสงบสุขขึ้นมามาก รวมไปถึงอำนาจขององค์จักรพรรดิที่รวมอยู่ในพระหัตถ์ของฝ่าบาทเอง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่คือว่าต้าเวยยังคงเต็มไปด้วยช่องโหว่ รวมถึงอำนาจขององค์จักรพรรดิที่ยังมิถูกหล่อหลอมเข้าด้วยกันยังคงมีอยู่
ในสายตาของคนทั้งใต้หล้านั้น พวกเขาอาจจะรู้สึกว่าในที่สุดองค์จักรพรรดิก็สามารถรักษาเมฆหมอกให้กระจ่างแจ้งได้เสียที ทว่า แท้จริงแล้วผู้ที่เป็นคนจัดการและลงแรงทั้งหมดอยู่ที่เซียวเฉวียน
หากเซียวเฉวียนล้มลงเมื่อใดนั้น องค์จักรพรรดิย่อมกลับคืนสู่อิสรภาพดังเดิมอย่างแน่นอน
ดังนั้น เหล่าขุนนางมากมายที่มีเจตนาซ่อนเร้นเหล่านั้น จึงรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะจับเซียวเฉวียนพร้อมทั้งเหยียบย่ำเซียวเฉวียนลงไปให้จมดิน
เซียวเฉวียนหาได้เกรงกลัวว่าพวกเขาจักทำให้ตนเองพบเจอความยากลำบากไม่ เขาแค่มิอยากให้องค์จักรพรรดิต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องเช่นนี้
ท้ายที่สุดฝ่าบาทเองก็ถือว่าเป็นเกราะป้องกันให้กับเซียวเฉวียนเช่นกัน อีกทั้ง ในอดีตฝ่าบาทมักจะปกป้องเซียวเฉวียนมาโดยตลอด
เรื่องของเสวี่ยเยี่ยนในยามนี้นั้น นับว่าเซียวเฉวียนให้ความสนใจมากเกินไปจริงๆ
เขามิคิดเลยว่าจักมีคนฉวยโอกาสใช้เรื่องนี้ เพื่อสร้างปัญหาในจวนตระกูลเซียว รวมถึงดึงดูดความสนใจขององค์จักรพรรดิเอาไว้
ในยามที่เซียวเฉวียนมีท่าทีลังเลใจนั้น เสียงอันแหลมคมของกงกงพลันดังขึ้นมาอีกครา "น้อมรับพระราชโองการ เรียนเชิญใต้เท้าเซียวออกมารับพระราชโองการจากฝ่าบาท"
กงกงที่เป็นผู้นำเหล่าคณะยืนอยู่ด้านนอกประตูจวนนั้น เขาพลางคิดว่าบางทีผู้คนภายในตระกูลเซียวอาจจะมิได้ยินเสียงของตนเอง ดังนั้นเขาจึงเปล่งเสียงของตนเองให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย
ในยามนี้ เซียวเฉวียนจึงหันไปสั่งการกับชิงหลงว่า เขาห้ามโผล่หน้าออกไปเป็นอันขาด ก่อนที่ตนเองจักค่อย ๆ ออกไปยังหน้าเปิดประตู เพื่อต้อนรับกงกงที่มาเยือน
เมื่อกงกงเข้ามาแล้วนั้น เหล่าผู้คนมากมายต่างก็มายืนเตรียมตัวอยู่ที่ลานบ้านของจวนตระกูลเซียวแล้ว
นอกจากผู้ที่ออกไปปฏิบัติภารกิจนั้น ผู้คนที่เหลือทุกคนต่างก็ก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้า
กงกงจึงกวาดสายตามองผู้คนที่ยืนเรียงราวเป็นแถวในทันที จากนั้นจึงหันหน้าไปมองเซียวเฉวียนก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ใต้เท้าเซียว ทุกคนมากันครบแล้วหรือ?"
เซียวเฉวียนพลางเอ่ยตอบรับกลับไปด้วยท่าทีเฉยเมยว่า "ขอรับ ทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงนั้น ต่างก็อยู่ที่นี่กันหมดแล้วขอรับ"
“ท่านกงกงคิดว่ามีสิ่งใดผิดปกติไปหรือ?”
กงกงพลางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "หาใช่เช่นนั้นไม่ เนื่องจากการประกาศพระราชกฤษฎีกาไม่สามารถละเลยได้ กระหม่อมจึงเอ่ยถามเพียงเท่านั้น"
“ในเมื่อทุกคนต่างก็อยู่ที่นี่แล้วนั้น เช่นนั้นกระหม่อมจักประกาศพระราชโองการออกมาให้ทุกคนได้รับฟังโดยทั่วกัน”
“ตามโชคชะตาของสรวงสวรรค์ องค์จักรพรรดิเรียกกระหม่อมฉันมาเยือนที่แห่งนี้ เพื่อที่จะประกาศกร้าวว่าท่านราชครูประสบความสำเร็จอย่างมากในการค้นคว้าอาวุธยุทโธปกรณ์ ดังนั้นฝ่าบาทจึงได้พระราชทางรางวัลเป็นจำนวนเงินห้าหมื่นตำลึงให้กับจวนตระกูลเซียว”
พระราชโองการขององค์จักรพรรดินั้นต่างก็เหมือนกันหมด โดยมีความแตกต่างเล็กน้อยเพียงเท่านั้น ฉะนั้นแล้วเซียวเฉวียนจึงจับแต่ประเด็นสำคัญแทน
เงินทุนสำหรับการวิจัยอาวุธที่เขาใช้กับองค์จักรพรรดิมาเป็นเวลานาน ในยามนี้กลับเพียงถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเช่นนี้ นั่นย่อมเป็นเพราะ ฝ่าบาทต้องใช้โอกาสนี้ในการลอบสืบค้นดูว่าชิงหลงอยู่ในจวนตระกูลเซียวหรือไม่
นับว่าน่าเสียดายที่เซียวเฉวียนรู้ทันเสียก่อน ดังนั้นเขาย่อมมิยอมให้ฝ่าบาทล่วงรู้ได้ว่าชิงหลงอยู่ในจวนตระกูลเซียว
หากแต่เรื่องนี้สามารถเก็บเป็นความลับได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เซียวเฉวียนมิต้องการให้คนภายนอกล่วงรู้ว่าองค์หญิงต้าถงยังมีชีวิตอยู่
เซียวเฉวียนเพียงโค้งกายทำความเคารพเบา ๆ จากนั้นจึงเอื้อมมือออกไปรับราชโองการที่ท่านกงกงส่งมอบมาให้
เงินห้าหมื่นตำลึงนี้ นับว่าฝ่าบาทคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี
หลังจากที่ส่งกงกงออกจากจวนตระกูลเซียวไปนั้น กงกงพลันรีบกลับไปที่พระราชวังเพื่อทำหน้าที่ของตนเองในทันที
หลังจากที่ฝ่าบาทรับรู้ว่า กงกงมิเห็นชิงหลงปรากฏกายอยู่ในจวนตระกูลเซียวนั้น เป็นไปดั่งที่เซียวเฉวียนคาดการณ์เอาไว้ ฝ่าบาทยิ่งนึกสงสัยมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
หลังจากที่ฝ่าบาทโบกมือไล่กงกงออกไปแล้วนั้น พระองค์พลางร้องตะโกนออกมาด้วยความเย็นชา "เข้ามา!"
ทันใดนั้น พลันมเงามืดมาปรากฏกายขึ้น พร้อมทั้งถวายบังคมต่อองค์จักรพรรดิด้วยความเคารพว่า “น้อมพบฝ่าบาท!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...