ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1568

มนุษย์มันก็ต่ำต้อยเช่นนี้ ในตอนที่เซียวเฉวียนให้โอกาสพวกเขา พวกเขาก็ไม่รู้จักคว้ามันเอาไว้ พยายามดื้อรั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เวลานี้เมื่อรู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีก็พากันมาขอความเมตตาเซียวเฉวียนถึงหน้าประตู

ในเวลานี้ ทั้งสองคนอยู่หน้าประตู ไม่ต้องบอกเซียวเฉวียนก็รู้ว่าว่าพวกเขานั้นมาเพื่อขอความเมตตา

ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเข้ามาขอความเมตตา

ก็รู้อยู่แล้ว เหตุใดตอนแรกถึงยังทำเช่นนั้น?

แต่เซียวเฉวียนไม่ได้คิดที่จะออกมาเผชิญหน้ากับพวกเขา

เซียวเฉวียนมอบคำสั่งแก่เฉวียนอี บอกให้ไล่พวกเขากลับไปให้หมด

ตอนที่ได้ยินว่าเซียวเฉวียนไม่อยู่จวน สีหน้าของอู๋จี้ก็มืดมนลงในทันใด พูดออกมาด้วยความโกรธว่า “ไม่อยู่จวน? ข้าคิดว่าเขาคงกำลังได้ใจและไม่คิดที่ออกมาเผชิญหน้ากับพวกเรามากกว่า?”

ไม่อยู่จวนเป็นข้ออ้างทั่วไปที่จะใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการพบหน้า มีหรือที่หลินฟ่างจะไม่เข้าใจเรื่องนี้?

แต่เวลานี้พวกเขามาเพื่อขอความเมตตาจากเซียวเฉวียน ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นศัตรูกับเซียวเฉวียน การที่เซียวเฉวียนถือตัวนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร มันเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องยอมรับ

คนที่มาขอความเมตตา มันก็ต้องมาด้วยท่าทีของคนที่ต้องการความเมตตา ท่าทางที่ต้องการเอาชนะของอู๋จี้ มันจะนำพาไปสู้ความล้มเหลว

หลินฟ่างเหลือบตามองอู๋จี้โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้ม “จี้เออร์”

เป็นการบอกให้อู๋จี้สงบสติอารมณ์เอาไว้

หลังจากอู๋จี้ได้ยินเช่นนั้น เขาเม้มริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หลินฟ่างจึงหันกลับมา แสร้งทำเป็นยิ้มและถามเฉวียนอีออกมาว่า “ขอถามหน่อยว่าใต้เท้าเซียวจะกลับมาเมื่อใด?”

พวกเขาไม่สามารถรออยู่ที่นี่เป็นเวลานานเกินไปได้

และก็ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เต็มใจที่จะรอ แต่หากพวกเขารอนานเกินไป เกรงว่าประชาชนที่สัญจรไปมาจะรู้สึกตัวและมาล้อมพวกเขาเพื่อสร้างปัญหา

หากความโกรธของประชาชนปะทุขึ้นมา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

แม้ว่าพวกเขาจะถูกรุมทำร้ายกลางท้องถนน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นขุนนางของราชสำนัก ตอนนี้ทุกอย่างล้วนไร้ค่า พวกเขาไม่อาจเอาโทษประชาชนได้!

ขุนนางราชสำนักถูกทุบตีกลางถนน พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะออกมาหรือไม่ หวังว่าเซียวเฉวียนจะเห็นพวกเขาโดยเร็วที่สุด

ต่อให้พวกเขาต้องเข้าไปรอด้านในก็ยอม

โดยไม่คาดคิด เฉวียนอีกล่าวออกมาอย่างสงบว่า “นายท่านออกไปด้านนอก เขาไม่ได้บอกอะไรพวกเราไว้ ลูกน้องอย่างพวกข้าก็ไม่กล้าที่จะไถ่ถาม”

พูดจบเฉวียนอีก็ไม่มีวี่แววว่าจะเรียกพวกเขาเข้าไปในจวน หันหลังและเดินกลับเข้าไป

เห็นเฉวียนอีปิดประตู อู๋จี้ก็ระงับความโกรธเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนออกมาด้วยอารมณ์ว่า “ราชครู ประมุขแห่งชิงหยวนบ้าอะไร! เหตุใดคนในจวนถึงไม่รู้จักคำว่ามารยาท ไม่เคยอบรมสั่งสอนบ้างหรือไง? ไม่กลัวขายหน้าบ้างงั้นหรือ!”

ในฐานะแขก ไม่ว่าจะแย่แค่ไหน อย่างนั้นก็ต้องเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปนั่งพักเสียบ้าง

เมื่อเห็นว่าเฉวียนอีไม่รู้จักแม้แต่มารยาท พูดจาด้วยน้ำเสียงอันเย่อหยิ่ง เป็นแค่คนรับใช้อันต่ำต้อย แต่กลับมาแสดงท่าทีอันเย่อหยิ่งต่อหน้าหลินฟ่างและอู๋จี้

ไม่รู้จักความต่างชั้นเลยบ้างหรือไง?

ไม่มีกฎเกณฑ์เลยแม้แต่น้อย!

อู๋จี้ในตอนนี้ ลืมคำพูดของหลินฟ่างทั้งหมดที่แนะนำเขาว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับเซียวเฉวียนตอนที่อยู่ในจวนอู๋ไปแล้ว

ยังคงเป็นคำพูดเดิม มีแต่ขุนนางเท่านั้นที่รังแกผู้ต้อยต่ำได้ และผู้ต้อยต่ำก็ไม่อาจขัดขืน

เมื่อถูกทอดทิ้งเช่นนี้ แน่นอนว่าหลินฟ่างเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าอู๋จี้เลย

แต่ใครใช้ให้สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ?

มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าชีวิตของเขานั้นอยู่ในกำมือของเซียวเฉวียน พวกเขามาเพื่อขอความเมตตาจากเซียวเฉวียน เช่นนั้นพวกเขาจะมาพูดถึงเรื่องสถานะในพื้นที่ของจวนเซียวได้อย่างไร ต้องการประกาศความยิ่งใหญ่?

หลินฟ่างเหลือบมองอู๋จี้ด้วยสายตาแห่งความโกรธ คิดที่จะดุอู๋จี้ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป

แค่อู๋จี้ตามเข้ามา เท่านี้ก็ยากมากเกินพอแล้ว

หลินฟ่างเลือกที่จะใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนในการพูดคุยกับอู๋จี้ “จี้เออร์ พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว อย่าได้เสียสติเพราะเรื่องเล็กน้อย อย่าไปคิดมากกับคนรับใช้พวกนั้นเลย”

เซียวเฉวียนปฏิบัติต่อคนในจวนเหมือนพี่น้อง เรื่องนี้หลินฟ่างรู้ดี ดังนั้นเมื่อมีเซียวเฉวียนคอยให้การสนับสนุน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนของจวนเซียวจะแข็งกระด้าง

และมีเซียวเฉวียนคอยถือหาง หากท้าทายหรือสร้างปัญหาให้กับคนของจวนเซียว เซียวเฉวียนก็ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ เป็นแน่

ทั้งสองคนหันไปมองด้วยความหวัง คิดว่าคนของจวนเซียวจะออกมาเพื่อเชิญพวกเขาเข้าไปรอด้านใน

แต่ทุกอย่างกลับเกินความคาดหมายของพวกเขา

เพราะคนที่ออกมาก็คือ เซียวเฉวียน!

คือเซียวเฉวียน!

เจ้าคนสารเลว!

ความโกรธในดวงตาคู่นั้นของอู๋จี้แทบจะระเบิดออกมา!

เป็นอย่างที่คิด เป็นอย่างที่เขาพูด ทุกอย่างเป็นเพราะเซียวเฉวียนไม่อยากเจอพวกเขา!

ไม่อยากเจอก็บอกว่าไม่อยากเจอ เหตุใดต้องบอกว่าไม่อยู่จวน?

ปล่อยให้พวกเขาเสียเวลารออยู่ตั้งนาน!

อย่าว่าแต่อู๋จี้เลย แม้แต่หลินฟ่างที่บอกให้อู๋จี้ระงับความโกรธตั้งหลายครั้งก็ยังแทบจนไม่ไหว สีหน้าของเขาดูบูดบึ้งเล็กน้อย

แต่เขาก็ระงับความโกรธพวกนี้อย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นใบหน้าแห่งรอยยิ้ม กล่าวทักทายเซียวเฉวียน “ใต้เท้าเซียว ท่านจะไปไหนงั้นหรือ?”

คำถามนี้ราวกับว่าเฉวียนอีไม่ได้บอกพวกเขาว่าเซียวเฉวียนนั้นไม่อยู่จวน

เซียวเฉวียนจ้องมาที่หลินฟ่างด้วยสายตาอันเฉยเมย ตอบกลับไปอย่างสงบว่า “ไม่ใช่ ข้าแค่ออกมาดู”

การที่ข้าปรากฏตัวออกมา มันเป็นการทำให้พวกเจ้าได้รู้ว่า ข้าอยู่ข้างในตลอดเวลา แค่ไม่อยากออกมาเจอพวกเจ้าเท่านั้น

ความหมายของมันชัดเจน ข้าไม่อยากเจอพวกเจ้า

ดังนั้นหลังจากพวกเจ้ากลับไปแล้ว พวกเจ้าก็อย่าได้กลับมาอีก

พูดจบเซียวเฉวียนก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ปิดประตูและเดินกลับเข้าไป

การเย้ยหยันของเขาทำให้ความโกรธของอู๋จี้พลุ่งพล่านขึ้นมาทันใด!

เขาชี้ไปที่ประตูใหญ่ของจวนเซียวที่ปิดอยู่พร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “ท่านลุง! ท่านดูสิ! ข้าบอกท่านแล้ว! เหตุใดท่านถึงไม่ยอมเชื่อ!” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย