ในเมื่อเขาได้ทำตามเงื่อนไขแล้ว พร้อมกับก้มหัวคำนับสามครั้ง เซียวเฉวียนก็ทำตามที่พูดไว้ คือการปล่อยเขาไป
แต่ว่า หัวใจแห่งการนินทาของชาวบ้านก็คึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ
สรุปว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ที่ทำให้เซียวเฉวียนปกป้องจวนฉินโดยไม่ยอมถอยเช่นนี้?
ต้องรู้ก่อนว่า แม้ตระกูลของจวนเฉินจะเทียบไม่ได้กับจวนฉิน แต่เขาก็เป็นถึงผู้ถวายการอารักขา ทำงานในราชสำนักมานานหลายปี มีอำนาจเป็นของตัวเอง
หากไม่มีเหตุผลพิเศษ การผูกความแค้นกับจวนเฉินเพื่อจวนฉิน ไม่ใช่เรื่องที่สมเหตุสมผลเลย
แม้ว่าเซียวเฉวียนไม่เคยหวาดกลัวต่อสิ่งใดมาตลอด แต่หลบเลี่ยงทุกปัญหาที่เข้ามา จะไม่ดีกว่าหรือ?
มีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย!
ทว่า แม้ชาวบ้านมีความสงสัยในใจ แต่เมื่อเซียวเฉวียนตัวเป็น ๆ นั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขา พวกเขากลับไม่กล้าเอ่ยปากถามแม้แต่คำเดียว ยิ่งไม่กล้าถามถึงเหตุผล ทำได้เพียงครุ่นคิดอยู่ในใจ
และเซียวเฉวียนก็ไม่ได้ใส่ใจกับสายตาของซับซ้อนของชาวบ้าน หลังจากสั่งให้ผู้คุ้มกันประตูจัดการสิ่งต่าง ๆ จนสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็กำชับเพิ่มว่า “เมื่อท่านแม่ทัพกลับมา พวกเจ้าก็รายงานตามความจริงเสีย”
คิดว่าฉินเซิงจะต้องเข้าใจ
เมื่อพูดจบ เซียวเฉวียนก็หมุนตัวเดินจากไป เหลือเพียงชาวบ้านที่ยังคงซุบซิบกันต่อไป
แต่เมื่อเห็นเซียวเฉวียนจากไปแล้ว ไม่มีเรื่องสนุกให้ดู พวกชาวบ้านก็ค่อย ๆ แยกย้ายกันไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ เรื่องที่คุณชายใหญ่เฉินก่อเรื่องในจวนฉินก็ปิดฉากลง
แต่ข่าวซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลับแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงในชั่วข้ามคืน
เดิมทีที่คิดว่าเฉินเฮ่อยังพักฟื้นอยู่ ไม่สามารถรับฟังเรื่องร้ายได้ คุณชายใหญ่เฉินตัดสินใจที่จะปิดเรื่องนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ เพียงคืนเดียวเท่านั้น เรื่องนี้กลับถูกลือไปทุกตรอกซอกซอย
โดยเฉพาะในร้านเหล้าโรงสุรา แขกด้านในต่างพากันพูดคุยสนุกปาก
ที่ใดมีคน ที่นั่นมีคนพเนจร
ที่ใดมีคนพเนจร ที่นั่นมีการทะเลาะเบาะแว้งกัน
ท่ามกลางคนเหล่านี้ มีทั้งผู้ที่สนับสนุนจวนเฉิน ผู้ที่สนับสนุนจวนฉิน
ดังนั้น ผู้ที่พูดว่าร้ายจวนเฉิน ก็ถูกผู้ที่สนับสนุนจวนเฉินโมโห ผู้ที่ว่าร้ายจวนฉิน ก็ถูกผู้ที่สนับสนุนจวนฉินโมโห
ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มทำสงครามน้ำลายต่อกัน
แน่นอนว่าพวกชาวบ้านนั้น ยังไม่มีใครที่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าคุณชายใหญ่เฉินไปก่อเรื่องที่จวนฉินทำไม ทุกคนน่าจะคิดว่าจวนฉินทำเรื่องที่จวนเฉินไม่อาจอภัยให้ได้
ไม่เช่นนั้น ลูกชายของผู้ถวายการอารักขาจะกล้ามาหาเรื่องแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน?
จะทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเลยหรือ?
หากไม่ใช่ว่าทนไม่ได้แล้ว ใครจะหาเรื่องใส่ตัว และทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน?
จากการคาดการณ์ของชาวบ้าน คนผิดในเรื่องนี้น่าจะเป็นจวนฉิน
อย่างไรเสีย จวนฉินก็มีอำนาจมากกว่าจวนเฉินอยู่แล้ว
จวนเฉินไม่อาจขัดขืนต่อจวนฉินได้ โดยสถานการณ์ทั่วไปแล้ว จวนเฉินไม่มีทางไปหาเรื่องจวนฉินโต้ง ๆ ได้
ดังนั้น สงครามน้ำลายในครั้งนี้ ผู้ที่สนับสนุนจวนฉินก็ต่อสู้ด้วยใจที่ไม่เป็นสุข
แต่ไม่เป็นสุขก็ช่าง พวกเขาไม่อาจยอมแพ้ได้ จึงต้องหาเหตุผลสำหรับโต้แย้ง
“พวกเจ้าคิดผิดแล้ว ข้าจะยกตัวอย่างให้ฟัง หากว่าจวนเฉินเป็นฝ่ายยั่วยุก่อน จวนฉินทนไม่ได้จนต้องสู้กลับ แต่จวนเฉินไม่ยอมแพ้จนมาก่อเรื่องไงเล่า?”
เรื่องแบบนี้มีให้เห็นบ่อยจนชินตา
เหมือนเด็กที่มีทั้งฉุดกระชากและชอบสร้างปัญหา แต่ไม่มีความสามารถอะไร เมื่อไปหาเรื่องคนอื่นแล้ว สุดท้ายพอถูกคนอื่นทุบตีทำร้าย กลับรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ เลยมาก่อกวนถึงบ้าน
การยกตัวอย่างแบบนี้ถือว่าเห็นภาพชัดเลยทีเดียว
แต่ว่า ต้นไม้หวังอยู่นิ่ง แต่ลมกลับไม่หยุดพัด แฟนคลับของจวนเฉินต้องการทวงคืนความบริสุทธิ์ให้จวนเฉินจวนเฉิน พวกเขาไม่ต้องการจบเพียงเท่านี้
ชวบ้านบางคนร้องตะโกนคัดค้าน “คุณชายใหญ่เฉิน เรื่องนี้จะจบง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้ อย่าให้คนนอกมาหัวเราะเยาะจวนเฉินของเราได้”
“ความจริงของเรื่องนี้คืออะไรกันแน่ คุณชายช่วยบอกพวกเราด้วย”
ความกระตือรือร้นของแฟนคลับ ทำให้คุณชายใหญ่เฉินแอบกำมือแน่น และก่นด่าอยู่ในใจว่า พวกเจ้ายุ่งเรื่องคนอื่นให้มากนัก จะได้หรือไม่?
หากมีคนหัวเราะเยาะ ผู้ที่ถูกหัวเราะใส่คือจวนเฉิน ไม่ใช่พวกเจ้าเสียหน่อย กังวลแทนผู้อื่นทั้งที่ยังไม่รู้เรื่อง
ยังอยากอวดฉลาดแต่ผลที่ออกมากลับดูแย่
หากทำให้ท่านพ่อของข้าที่นอนป่วยบนเตียงต้องตกใจ และโมโหจนตาย ความผิดต้องเป็นของข้าอย่างไม่อาจหลีกหนีได้!
ขุนนางผู้มีความชอบในจวนเฉินโมโหตาย พวกเจ้ายังสนับสนุนจวนเฉินอีกไหม!
ทว่าเฉินเฮ่อเคยสั่งพวกเขาอย่างเด็ดขาดว่า ห้ามปะทะคารมกับพวกชาวบ้านโดยเด็ดขาด ดังนั้น คุณชายใหญ่เฉินจึงทำได้แค่อดกลั้นไว้ พูดอย่างฝืนยิ้มว่า “ขอบคุณความเป็นห่วงของทุกท่าน เรื่องนี้เป็นเพียงการเข้าใจผิด ข้าเข้าใจท่านแม่ทัพฉินผิดไปเอง”
รีบจบเรื่องนี้โดยไวเสียที ให้แฟนคลับพวกนี้รีบแยกย้ายไป สร้างบรรยากาศที่สงบเพื่อให้เฉินเฮ่อได้รักษาตัวจะเป็นการดีที่สุด!
ดังนั้น ภายใต้ความรีบร้อนของคุณชายใหญ่เฉิน จึงพูดออกไปอย่างง่าย ๆ หวังเพียงให้พวกเขากลับไปอย่างโง่ ๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น พวกชาวบ้านก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และถามว่า “จริงหรือ?”
หากเป็นจริงดังนี้ เช่นนั้นก็ดีมากทีเดียว
หากเป็นเช่นนั้น แฟนคลับทั้งสองฝ่ายก็ไม่ต้องตีกันเอง และอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
หากเป็นดังนั้นจริง ๆ การที่คุณชายใหญ่เฉินคำนับจวนฉินต่อหน้าผู้คน ก็ถือเป็นความกล้าหาญที่ยอมรับผิด เป็นคนกล้าทำกล้ารับ เป็นผู้ที่รู้จักแก้ไขความผิดของตนเอง?
ความจริงแล้ว พวกเขาโยนความผิดให้คุณชายใหญ่เฉิน
คำพูดของคุณชายใหญ่เฉิน เขาจึงล้างภาพลักษณ์ในหัวใจของผู้คนได้สำเร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...