ภาษาเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก
คนที่มีวาทศิลป์อันยอดเยี่ยมในสถานการณ์เฉพาะเองก็เป็นคนที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
เนื่องจากคนที่พูดเก่ง วาทศิลป์ที่ดี มีความเข้าใจในเรื่องการล่อลวงผู้อื่นมันก็ถือเป็นทักษะอย่างหนึ่งเช่นกัน
แต่คุณชายใหญ่เฉินยังคงประเมินความคลั่งไคล้ของเหล่าแฟนคลับของเขาต่ำเกินไป
ในเมื่อมาแล้ว พูดล่อลวงออกมาเพียงไม่กี่คำแล้วจะกลับไปได้อย่างไร?
แม้ว่าจะไม่เห็นผู้นำตระกูลอย่างเฉินเหอ แต่คุณชายใหญ่เฉินก็อยู่นี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสร้างความเบื่อหน่ายให้กับเขาบ้าง ไม่เช่นนั้นการเดินทางครั้งนี้คงเสียเปล่า!
ดังนั้นจึงมีชาวบ้านเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าเฉินป่วย แต่คุณชายกลับบอกว่าเขาไม่อยู่จวน อาการป่วยของเขาหายดีแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เฉินเหอป่วยจนไม่สามารถไปประชุมราชสำนักได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ และนี่ก็ผ่านไปสามวันแล้ว เรื่องราวได้แผ่กระจายออกไป การที่พวกชาวบ้านรับรู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
คุณชายใหญ่เฉินนึกไม่ถึงว่าชาวบ้านจะเป็นห่วงเฉินเหอถึงเพียงนี้ เป็นห่วงจวนเฉิน ดูจากท่าทางแล้ว หากคุณชายใหญ่เฉินไม่พูดคุยกับพวกเขาสักเล็กน้อย เกรงว่าพวกเขาก็คงไม่ยอมจากไปง่ายๆ!
ดังนั้นเขาจึงกระแอมออกมาในลำคอ ตอบคำถามชาวบ้านว่า “ขอบคุณทุกคนที่เป็นพวกท่านพ่อของข้า ท่านพ่อของข้าดีขึ้นมากแล้ว วันนี้เขาออกไปทำธุระตั้งแต่เช้าตรู่”
ความหมายของมันก็คือ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล
เมื่อได้ชาวบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ดีมากเลย!”
หัวข้อการพูดคุยควรจะสิ้นสุดลงตรงนี้
ในตอนที่คุณชายใหญ่เฉินกำลังจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เห็นว่าพวกเขากำลังจะจากไป ชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นผู้หนึ่งก็ถามออกมา “ข้าได้ยินมาว่า ใต้เท้าเฉินมีร่างกายที่แข็งแรงมาโดยตลอด ไม่ค่อยเจ็บปวด ต่อให้เจ็บปวดก็เป็นการเจ็บปวดที่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ร้ายแรงแต่อย่างใด”
“คราวนี้ใต้เท้าเฉินป่วยจนไม่อาจเข้าร่วมการประชุมราชสำนักได้ ไม่รู้ว่าใต้เท้าป่วยเป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ถูกตาเฒ่าฉินเซิงทำให้โกรธจนแทบสติแตก!
แต่คุณชายใหญ่เฉินก็ไม่อาจพูดออกไปแบบนั้นได้
เขายิ้มออกมาและพูดว่า “ทุกคนไม่ต้องกังวล ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือโรคอะไร แม้แต่หลางจงเองก็ไม่ได้พูดออกมา แต่โชคดีที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ทำให้รอดพ้นจากภัยพิบัติแห่งชีวิต”
เจ้าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มาดูกันว่าเจ้าจะถามอะไรต่อไป
ชาวบ้านได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ “อ่า ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
ตอนนี้ความเข้าใจผิดได้รับการแก้ไขแล้ว และอาการป่วยของเฉินเหอเองก็ดีขึ้นแล้วเช่นกัน
เห็นคุณชายใหญ่เฉินพูดจาฉะฉาน ชาวบ้านที่ยังคงก่อกวนอยู่ก็เริ่มอับอาย
ดังนั้นเหล่าชาวบ้านจึงเตรียมที่จะแยกย้ายกันไป
แต่ในตอนนั้นเอง ทาสรับใช้ผู้หนึ่งก็รีบวิ่งออกมาจากด้านใน กล่าวออกมาด้วยความเคารพว่า “คุณชายใหญ่ นายท่านฟื้นแล้ว เขากำลังเรียกหาท่านอยู่”
คุณชายใหญ่เฉินอยากจะตบทาสรับใช้ผู้นั้นให้ตายด้วยฝ่ามือของเขา
เขาจ้องมองไปที่ทาสรับใช้ผู้นั้นด้วยแววตาอันดุเดือด ระงับความโกรธในหัวใจเอาไว้ กัดฟันและพูดออกมาว่า “เจ้าคนไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ! ตัวเองไม่ได้เรื่องไม่พอ ยังทำให้คนอื่นเสียเรื่อง!”
เมื่อนางพูดออกมา คำพูดก่อนหน้านี้ทั้งหมดของคุณชายใหญ่เฉินก็ไร้ความหมาย เป็นการตบหน้าตัวเองต่อหน้าชาวบ้านมากมาย
คุณชายใหญ่เฉินมองไปที่พวกประชาชนด้วยความเขินอายอย่างสุดขีด ยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “ที่แท้ท่านพ่อก็นอนกลับอยู่ในจวน เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าไม่เห็นจะรู้เลย ใช่แล้ว ข้ามัวแต่ยุ่งอยู่กับการฝึก ไม่แปลกที่จะไม่รู้”
ภายใต้สถานการณ์ที่สิ้นหวัง คุณชายใหญ่เฉินทำอะไรไม่ได้นอกจากโกหกเพื่อเติมเต็มคำโกหกก่อนหน้านี้
เป็นเรื่องจริงว่าหากพูดโกหกไปแล้วหนึ่งครั้ง เช่นนั้นก็ต้องโกหกต่อไปอีกนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อปกปิดมัน
มุมปากของคุณชายใหญ่เฉินกระตุกอย่างผิดปกติ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองไม่ใช่มนุษย์
เขาจ้องมองทาสรับใช้ที่อยู่ด้านหลังอีกครั้งด้วยแววตาที่โหดเหี้ยม ยัยคนโง่ไร้สมอง!
ทาสรับใช้ที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เห็นคุณชายที่เป็นเจ้านายของตนเองมองมาเช่นนั้นก็รู้สึกงุนงงไม่ใช่น้อย
แต่แววตาของคุณชายนั้นเหมือนกับเปลวไฟที่ลุกโชน อย่าว่าแต่ถามเลย แค่ส่งเสียงทาสรับใช้ยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ
ส่วนคำพูดที่ทาสรับใช้กล่าวออกมา ชาวบ้านทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน พวกเขาหยุดฝีเท้าเอาไว้ หันกลับมามองคุณชายใหญ่เฉิน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดคุณชายถึงไม่ยอมให้ใต้เท้าเฉินออกมาพูดต่อหน้าพวกเราให้ชัดเจน?”
ตื่นขึ้นมาก็เรียกหาเขา จะต้องเป็นเรื่องใหญ่?
ไม่มีลูกชายคนไหนรู้ดีไปกว่าพ่อ
คุณชายใหญ่เฉินพยายามเปลี่ยนหัวข้อการพูดคุย แค่มองเฉินเหอก็รู้แล้วว่ามีปัญหา เขากลับมาที่หัวข้อเดิมว่า “พ่อถามลูกว่า เมื่อครู่เจ้าโกรธใคร แล้วโกรธเขาเรื่องอะไร?”
ปกติแล้วเขาสอนลูกของเขาอย่างไร ห้ามโกรธใครสุ่มสี่สุ่มห้า และห้ามระบายความโกรธกับลูกน้อง
แม้ว่าคุณชายใหญ่เฉินจะไม่ได้พูดอะไร แต่เฉินเหอก็รู้ว่าเขากำลังโกรธทาสรับใช้คนที่ออกไปเรียกเขาเมื่อครู่
เนื่องจากทาสรับใช้ผู้นั้นเขามาด้วยดวงตาสีแดง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะร้องไห้
คุณชายใหญ่เฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด ดังนั้นจึงไม่กล้าเถียงออกมา
แต่เฉินเหอเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เขาถามออกมาอย่างจริงจังว่า “ที่พ่อเรียกเจ้าเข้ามาเพราะมีเรื่องอยากจะบอกกับเจ้า ห้ามสร้างปัญหาให้กับจวนฉินและจวนเซียวเป็นอันขาด”
หากไม่ได้รับคำสั่งจากเขา คนในตระกูลเฉินก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ประกอบกับที่เขาป่วยอย่างกะทันหัน จึงไม่ทันได้สั่งเสียอะไรไว้
และก่อนที่เขาจะฟื้นขึ้นมา เขาก็เห็นลูกชายคนโตของเขาอยู่ข้างกาย เฉินเหอคิดจึงว่าไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งอะไร
ในจวนเฉิน มีเพียงลูกชายคนโตเท่านั้นที่อารมณ์รุนแรงที่สุด หากเขาไม่เคลื่อนไหว ก็ไม่จำเป็นต้องอะไรกังวลอะไร
จนกระทั่งตอนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา พบว่าเขาไม่อยู่ข้างกาย เฉินเหอรู้สึกกระวนกระวายใจ กลัวว่าเขาจะไปจวนฉิน ดังนั้นจึงอยากเรียกเขากลับมาเพื่อเตือนสติเขาสักเล็กน้อย
ได้ยินเช่นนั้นคุณชายใหญ่เฉินถึงกับตะลึงงัน เขาอยากจะตายขึ้นมาทันใด!
ท่านพ่อ! เหตุใดท่านถึงเพิ่งจะมาพูดเอาเวลานี้?
เรื่องที่ไปสร้างปัญหา ข้าได้ทำไปเรียบร้อยแล้ว
เห็นท่าทางของลูกชาย ลางสังหรณ์อันเลวร้ายก็ปรากฏขึ้นในใจของเฉินเหอ
และเซียวเฉวียนที่มาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเพราะเสียงดังจากเหล่าชาวบ้าน เวลานี้เขามองดูพ่อลูกพูดคุยกันอยู่บนหลังคา หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...