ตอนแรกวันนี้เขาจะไปเยี่ยมชมที่สถานศึกษาชิงหยวน
สุดท้ายเดินทางมาได้ครึ่งทาง เขาเห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่หน้าจวนเฉินจึงลงไปถามรายละเอียด
เซียวเฉวียนอยากรู้ว่าคุณชายใหญ่เฉินจะจัดการกับชาวบ้านกลุ่มนี้อย่างไร
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงเปลี่ยนแผนการเล็กน้อย โดยแอบเข้ามาที่จวนเฉิน
หรือพูดอีกอย่างก็คือ เซียวเฉวียนมองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกอย่างชัดเจน
พูดตามตรง คุณชายใหญ่เฉินค่อนข้างเป็นคนฉลาด
แต่น่าเสียดาย เห็นอยู่ว่าทุกอย่างกำลังจบลงได้ด้วยดี แต่กลับถูกทาสรับใช้เข้ามารบกวน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะโกรธ
ฮ่าฮ่าฮ่า!
คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งดังเทพเจ้าก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับเพื่อนร่วมทีมที่ไร้สมอง
จากนั้นเฉินเหอจึงหันไปมองลูกชายของเขาพร้อมถามว่า “พูดความจริง ลูกมีอะไรปิดบังพ่อหรือไม่?”
คำถามนี้ทำให้คุณชายใหญ่เฉินตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบส่ายหน้า ตอบปฏิเสธกลับไป “ไม่ ลูกไม่ได้มีอะไรปิดบัง”
เฉินเหอไม่เชื่อ “จริงหรือ?”
คุณชายใหญ่เฉินกลอกตา พูดประจบประแจง “ท่านพ่อ ลูกเรื่องใดบ้างที่ลูกทำแล้วท่านพ่อไม่รับรู้?”
พูดจบคุณชายใหญ่เฉินก็ยิ้มออกมา มันเป็นการฝืนยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
แต่ไม่ว่าเฉินเหอจะมองอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าลูกชายของเขาผิดปกติ
ดังนั้นเขาจึงเรียกทาสรับใช้คนนั้นเข้ามา “เจ้ามานี่ บอกข้ามาว่าคุณชายใหญ่ดุเจ้าเพราะเหตุใด?”
ฮึ!
คิดว่าเจ้าไม่พูดแล้วข้าจะไม่มีวันหาความจริงได้อย่างนั้นหรือ?
ทาสรับใช้จ้องมองคุณชายใหญ่เฉิน ร่างกายของนางสั่นเทา เล่าความจริงออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นจนสังเกตได้ “เป็นเพราะข้าพูดเสียงดังเกินไป จึงทำให้คุณชายใหญ่โมโห”
เอ๊ะ?
เฉินเหอได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ความสงสัยปรากฏขึ้นในหัวใจ ลูกชายคนโตของเขาเป็นคนที่พูดเสียงดังอยู่แล้ว เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มทนไม่ไหวที่คนอื่นพูดดังกว่า?
เรื่องนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก!
เฉินเหอยังคงตามต่อไป “ตอนนั้นคุณชายใหญ่กำลังทำสิ่งใดอยู่?”
ทาสรับใช้หลบสายตาคุณชายใหญ่ สายตาแห่งความแจ้งเตือนที่เขาจ้องมองมาเมื่อครู่มันทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก
ฮือฮือฮือ.....
คุณชายใหญ่ไม่ให้พูด ใต้เท้าจะให้พูด ต่อให้นางพูดหรือไม่พูดก็ต้องทำให้ใครคนใดคนหนึ่งขุ่นเคือง
มันช่างลำบากใจเสียจริง!
คราวนี้จะทำอย่างไร?
ทาสรับใช้กำลังใช้ความคิด เฉินเหอตะโกนออกมาเสียงดังว่า “พูดออกมา ไม่ต้องไปกลัว บ้านหลังนี้เป็นของข้า เขาไม่กล้าทำอะไรเจ้าเป็นแน่!”
เสียงที่คมชัดและฉับพลันนี้ทำให้ทาสรับใช้หวาดกลัวจนแทบจะสูญเสียความกล้า
ได้ยินเช่นนั้นทาสรับใช้ก็หมดทางเลือก ทำได้เพียงกัดฟันและพูดออกมา “คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่เขา เขากำลังพูดคุยกับชาวบ้านกลุ่มใหญ่อยู่ด้านนอก”
คุณชายใหญ่ในตอนนี้ ฉวยโอกาสตอนที่เฉินเหอไม่สนใจ จ้องมองไปที่ทาสรับใช้ผู้นั้นด้วยสายตาที่เหี้ยมโหด จากนั้นก็ทำเหมือนกับว่ากำลังก้มหน้า
เขาไม่กล้าสบตาเฉินเหอโดยตรง ทำได้เพียงหลบตาเท่านั้น
กำลังคุยกับชาวบ้านกลุ่มใหญ่?
เฉินเหอหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง จ้องไปที่คุณชายใหญ่ด้วยสีหน้าสงสัย ทำให้คุณชายใหญ่ถึงกับขนลุก
ในใจคิดว่า ถูกพ่อของตนเองมองด้วยสายตาเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ทุกสิ่งในโลกล้วนสัมพันธ์กัน
หากมีลูกที่รู้ดีกว่าพ่อ เช่นนั้นก็ต้องมีพ่อที่รู้ดีกว่าลูก!
แน่นอนว่าเฉินเหอสั่งให้ทาสรับใช้ออกไปก่อน จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นว่า “พูดออกมา! มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ไม่ว่าคุณชายใหญ่จะว่างขนาดไหน หากไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่มีทางไปยืนคุยกับพวกชาวบ้านอยู่หน้าประตูจวนเฉิน
และคุณชายใหญ่ก็กตัญญูต่อเฉินเหอจริงๆ ร่างกายของเขายังไม่หายดี แต่ยังต้องมารู้สึกโกรธเช่นนี้ เกรงว่าอาการของเขาจะกำเริบ คุณชายใหญ่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกไปตามความจริง
หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เฉินเหอก็เงียบไปพักใหญ่
นี่ทำให้คุณชายใหญ่ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบก้าวไปด้านหน้า พยุงแขนของเฉินเหอ จากนั้นก็ตะโกนออกมา “ท่านพ่อ? ท่านพ่อ?”
ข้าตกใจแทบแย่!
ฉวยโอกาสก่อนที่เขาจะทำผิด ดึงเขากลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงเข้าไปด้านในจวนเฉินในพริบตา
ทาสรับใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าเห็นคนแปลกหน้าปรากฏตัวออกมา นางร้องออกมาด้วยความตกใจ “เอ๊ะ!”
เสียงนี้ของนาง ทำให้เฉินเหอและคุณชายใหญ่เพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาทันใด จ้องมองออกมาด้านหน้าประตูโดยตรง
เมื่อเห็นว่าเป็นเซียวเฉวียน สองพ่อลูกก็ตกใจจนลูกตาแทบหลุดออกมาจากเบ้า
คุณชายใหญ่ตอบสนองออกมาก่อน เขาลุกขึ้นยืนเพื่อปกป้องเฉินเหออยู่ด้านหน้า จากนั้นกล่าวออกมาว่า “เซียว ใต้เท้าเซียว ท่านมาทำอะไร?”
เมื่อเห็นเซียวเฉวียน คุณชายใหญ่ก็ทำท่าทางราวกับเห็นผี เขาตื่นตระหนกจนเกือบจะพูดผิด เกือบจะเรียกชื่อแซ่ของเซียวเฉวียนออกมาโดยตรง
เซียวเฉวียนหยิบเก้าอี้มาหนึ่งตัวแล้วนั่งลงไปอย่างใจเย็น จากนั้นพูดออกมาว่า “ข้าแค่ผ่านทางมาเท่านั้น จึงอยากเข้ามาดู”
เมื่อคำพูดนี้เข้าไปในหูของสองพ่อลูก ทั้งสองคนก็เข้าใจว่าเซียวเฉวียนมาที่นี่เพื่อต้องการหัวเราะเยาะพวกเขา
ดังนั้นเฉินเหอจึงพูดออกไปอย่างเยือกเย็นว่า “ใต้เท้าเซียวช่างมีจิตใจดียิ่งนัก ร่างกายของข้าไม่ค่อยดี ต้องขอโทษด้วยที่ไม่อาจทักทายได้”
ความหมายของมันก็คือ เขาต้องการส่งแขก
เซียวเฉวียนแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ พูดออกมาอย่างสงบ “ไม่เป็นไร ข้าเซียวเฉวียนเองก็ไม่ได้ต้องการคำทักทายแต่อย่างใด ข้าแค่อยากจะมาพูดอะไรกับใต้เท้าเฉินสักสองสามประโยค”
พูดจบเขาก็จ้องมองไปที่คุณชายใหญ่ ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมงั้นหรือ คุณชายใหญ่รู้สึกหวาดกลัวข้า?”
หากเซียวเฉวียนคิดจะทำร้ายพวกเขา คนระดับต่ำอย่างเขา แค่ปกป้องตัวเองได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังคิดจะปกป้องเฉินเหออีกงั้นหรือ?
ช่างโง่เขลาเกินกว่าจะรับได้
ได้ยินเช่นนั้นเฉินเหอก็กระแอมออกมา โบกมือไปทางคุณชายใหญ่ “ออกไป! อย่ามาขวาง”
เมื่อรู้สึกว่าถูกพ่อของตนเองทอดทิ้ง คุณชายใหญ่ก็รู้สึกเศร้าใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมา ทำได้เพียงออกไปยืนอยู่ด้านข้าง
แต่อย่างไรก็ตาม ดวงตาคู่นั้นของเขายังคงจับจ้องไปที่เซียวเฉวียน ระมัดระวังเซียวเฉวียนเคร่งครัด
เซียวเฉวียนเห็นเช่นนั้นก็แทบจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะทำอะไรกับคุณชายใหญ่ เขาพูดออกมาว่า “ใต้เท้าเฉินกำลังหงุดหงิดเกี่ยวกับเรื่องที่ฝ่าบาทเปลี่ยนองครักษ์ในพระราชวังอยู่ใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเฉินเหอก็ตกตะลึงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...