ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1580

หลังจากทักทายกันสักพัก ชาวบ้านก็ตรงเข้าประเด็นสำคัญ "ใต้เท้าเฉิน ได้ยินมาว่าท่านกับแม่ทัพฉินไม่ลงรอยกัน เป็นความจริงหรือเปล่า ?"

พอได้ยิน เฉินเหอก็ยิ้มอย่างสงบนิ่งและพูดว่า "ไม่มีอะไร หากพวกท่านกังวลเกี่ยวกับลูกชายไปก่อเรื่องที่จวนฉินมา ข้าต้องขออภัยทุกท่านด้วย"

ผู้คนต่างพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและถามต่อว่า "แล้วทำไมคุณชายเฉินถึงไปที่จวนฉินล่ะ ?"

เฉินเหอยังคงมีรอยยิ้มที่ดูดีบนใบหน้าและกล่าวว่า "เข้าใจผิด เป็นเรื่องเข้าใจผิดล้วนๆ ลูกชายทะเล่อทะล่าไปเอง"

”ตอนที่ข้าไปราชสำนัก ร่างกายเกิดไม่สบายกระทันหัน ท่านแม่ทัพฉินส่งข้ากลับมา ลูกชายเห็นเข้า เลยคิดว่าแม่ทัพฉินทำร้ายข้า ด้วยอารมณ์ร้อน จึงแอบไปที่จวนฉินมา”

ความหมายก็คือมันแค่เข้าใจผิด และที่ลูกชายคนโตมีความคิดจะไปหาเรื่องกับฉินเซิ่ง ข้าก็ยังไม่รู้เรื่อง

คำกล่าวนี้ เป็นได้ทั้งจริงทั้งเท็จ

ชาวบ้านฟังแล้วกลับเชื่ออย่างสนิทใจ ต่างมีท่าทีเหมือนตระหนักได้ว่า "เป็นอย่างนี้นี่เอง เป็นความเข้าใจผิดจริงๆ นี่เอง"

ทั้งสองตระกูลไม่วิวาทกันขึ้นมา ผู้คนจึงโล่งใจ

ที่อยากรู้ก็ได้รับรู้แล้ว สิ่งต่าง ๆ เรื่องราวเป็นอันว่ากระจ่าง ชาวบ้านจึงไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นั่นต่อไปอีก

ชาวบ้านต่างก็แยกย้ายกันไปอย่างรู้ตัว

เนื่องจากคำปฏิเสธข่าวลือของเฉินเหอ ผู้คนจึงไม่หัวเราะเยาะตระกูลเฉินอีกต่อไป แต่พวกเขากลับยกย่องตระกูลเฉินเป็นอย่างมากเนื่องจากลูกชายคนโตคุกเข่าลงคำนับยอมรับผิดต่อหน้าทันที

พวกเขายกย่องมากที่สุดคือตระกูลเฉินมีการอบรมสั่งสอนคนในครอบครัวดีมาก นิสัยเที่ยงตรง กล้าทำกล้ารับ

ถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับครอบครัวทั่วไป

ครั้งนี้ ถือว่าทุกขลาภหล่นใส่จวนตระกูลเฉิน ได้รับคำยกย่องจากผู้คนมากมาย

คุณชายใหญ่เฉินอดประทับใจในความสามารถของเฉินเหอไม่ได้

ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างสบายๆ ให้ตระกูลเฉินได้รับคำชื่นชมเช่นนี้

ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่าอยู่นั่นเอง

เซียวเฉวียนออกจากจวนเฉินก็ตรงไปที่โรงเรียนชิงหยวน

ก่อนหน้านี้ไม่นาน ได้ยินเจี้ยนจงว่า สาเหตุจากเล่าลือ ลูกหลานมีตระกูลทั้งหลายถือโอกาสยั่วยุหาเรื่องพวกลูกหลานจากครอบครัวยากจน

ถึงแม้เจี้ยนจงจะระงับเหตุได้ แต่เซียวเฉวียนรู้สึกว่าตราบใดที่ลูกหลานของตระกูลร่ำรวยมีอำนาจยังมีความคิดแบ่งแยกชนชั้น เหตุการณ์อย่างนี้จะไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสิ้นซาก

เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตและจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

หากคิดจะแก้ไขความขัดแย้งนี้ให้สิ้นซาก ก็ต้องแก้ด้วยการถอนราก

หากจะถอนราก ก็ต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของลูกหลานตระกูลเหล่านี้

โดยผ่านการอบรมสั่งสอน เจือจางความคิดแบ่งแยกชนชั้นของพวกเขาให้น้อยลง นานวันเข้า แนวคิดของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไป

ถ้าหากสามารถละทิ้งไปโดยสิ้นเชิงได้ก็จะดีที่สุด

ถ้าไม่ได้ ก็ขอให้มันเบาบางลงให้มากที่สุด

หลังจากได้รับการสั่งสอนจากเจี้ยนจง เหล่าลูกศิษย์ก็เริ่มเชื่อฟังมากขึ้นและไม่กล้าก่อปัญหาอีกต่อมา

แต่นั่นเป็นเพราะเกรงกลัวอำนาจบารมีของเจี้ยนจง

ในบรรดาลูกหลานกุลชาติ ในโรงเรียนชิงหยวนมีอาจารย์อยู่หลายท่าน พวกเขาเกร่งกลัวแค่เจี้ยนจงคนเดียว

หากเจี้ยนจงไม่อยู่ที่นั่น พวกเขายังคงรังแกลูกหลานจากตระกูลยากจนต่างๆ นาๆ อย่างลับหลังและขู่เข็ญไม่ให้ฟ้องร้องด้วย

อย่างในวันนั้นที่เจี้ยนจงกลับไปที่จวนเซียว ลูกหลานของตระกูลเหล่านั้นก็ทำเช่นนั้นอีก

และเจี้ยนจงก็รู้เรื่องนี้ด้วย

ที่เขาบอกตั้งแต่แรกว่าใครก็ตามที่สร้างปัญหาจะถูกไล่ออกจากชิงหยวน ก็แค่ข่มขู่พวกลูกศิษย์ เขาไม่สามารถไล่พวกเขาออกได้จริงๆ ในเมื่อเด็กๆ จะทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องปกติ และมีคนจำนวนมาก จะลงโทษคนส่วนรวมทีเดียวได้อย่างไร

ดังนั้น ลูกหลานยากจนไม่ได้มาฟ้อง เขาก็ทำเป็นไม่รับรู้ ไม่ไปขุดเรื่องนี้

แต่เพื่อป้องกันมิให้มีสถานการณ์รุนแรงจนควบคุมไม่อยู่ เจี้ยนจงก็เลือกที่จะอยู่ในชิงหยวนให้มากที่สุด ใช้อำนาจบารมีของเขาคุ้มหัวไว้

ตราบใดที่เขาอยู่ที่นั่น ลูกศิษย์เหล่านั้นก็ไม่กล้าเล่นแง่

แต่นั่นก็เป็นแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ

หลิงเฉิงเป็นลูกชายของหลินฟ่างที่ได้มาตอนแก่ อายุได้ 12 ปี หุ่นอ้วนตุ๊ต๊ะดูน่ารัก แต่มีสันดานค่อนข้างยโสโอหัง เห็นได้ว่าเขาถูกโปรดปรานจนเสียนิสัยมาจากที่บ้าน

ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่โตมามีนิสัยเช่นนี้

รักลูกตามใจลูกก็เสมือนกับฆ่าลูก

นับตั้งแต่มาถึงต้าเว่ยจนถึงปัจจุบัน เซียวเฉวียนได้เห็นตัวอย่างลักษณะนี้มาไม่น้อย อย่างจูชงรายนั้น ก็เป็นเยี่ยงอย่างรายหนึ่ง

ประกาศเสร็จปั๊บ เซียวเฉวียนไม่ได้ถือโอกาสเทศนาแต่อย่างใด หันหลังให้และเดินจากไปทันที ทิ้งให้เหล่าลูกศิษย์สับสนวุ่นวายอยู่ตรงนั้น

นี่จบแค่นี้หรือ ?

อาจารย์เซียวอุตส่าห์มาที่นี่ทีหนึ่ง ไม่พูดอะไรอย่างอื่นบ้างเลยหรือ ?

อาจารย์เซียวก็สมกับอาจารย์เซียว มาไวไปไวเฉียบขาดเหมือนดั่งเช่นเคย

ไม่เหมือนกับอาจารย์เว่ย ก็เว่ยเป้ยนั่นแหละ ประชุมทีไรบ่นไม่จบไม่สิ้น

ลูกศิษย์ต่างสับสนไม่หาย ทำไมเว่ยเป่ยอายุน้อยๆ แต่เป็นคนขี้จู้จี้จุกจิกที่สุด ?

คิดเท่าไรก็คิดไม่ตกจริงๆ

ยังดีที่มีการประชุมร่วมกันแค่เดือนละสองครั้ง ไม่งั้นพวกเขาจะต้องเป็นโรคประสาทเพราะปากของเว่ยเป้ยแน่ๆ

แต่ว่า สิ่งสำคัญแน่ๆ ในปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่ปัญหาการจู้จี้จุกจิกในการประชุม แต่ต้องจดจำไว้เสมอว่าจะต้องไม่สร้างปัญหาขึ้นในชิงหยวนอีกต่อไป

มิฉะนั้น หลินเฉิงก็จะเป็นชะตากรรมของพวกเขา

เกี่ยวกับชะตากรรมของหลินเฉิง มีแต่พวกเด็กจากตระกูลผู้ดีเท่านั้นที่ให้ความเห็นใจและสงสาร เด็กๆ จากครอบครัวยากจนโดยเฉพาะผู้ที่เคยถูกเขารังแกมาต่างก็ปรบมืออย่างดีอกดีใจ

มีเซียวเฉวียนให้การหนุนหลังพวกเขาและอำนวยความเป็นธรรมให้กับพวกเขา มาดูกันว่าลูกหลานจากตระกูลชั้นสูงจะกล้ามาหยิ่งผยองถึงขนาดนี้อีกหรือไม่ในวันข้างหน้า !

ฮึ !

สมน้ำหน้ามันแท้ๆ !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย