ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1601

แต่เฉินเหยาไม่เคยเจอคนผ๔นั้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะรู้จักเลย

ในตอนนี้เอง ต่อให้เฉินเหยาโง่แค่ไหน ก็ยังอยากให้นางตกเป็นเป้าสายตา ไม่ก็มีคนขายศักดิ์ศรีของนาง

คิดได้ นางก็เบนสายตาไปยังเยว่เอ๋อร์ สำหรับนางแล้วคนที่รู้จักนางดีที่สุดก็มีแต่เยว่เอ๋อร์

แน่นอนว่าเฉินเหยาไม่ได้สงสัยความหมายของเยว่เอ๋อร์ หากคิดแบบเดียวกับนาง นางควรทำอย่างไร

นางอยากฟังความคิดเห็นของเยว่เอ๋อร์

แต่สายตาของนางทำให้เยว่เอ๋อร์ตื่นตระหนก เยว่เอ๋อร์คิดว่าเฉินเหยาสงสัยตัวนาง นางจึงรีบอธิบายอย่างหวาดกลัว “ฮูหยิน หม่อมฉันซื่อสัตย์ต่อพระองค์ พูดตามสัตย์จริง ฟ้าดินเป็นพยาน หากหม่อมฉันคิดร้ายต่อพระองค์ หม่อมฉันคงโดนฟ้าผ่า ไม่ตายดีไปแล้ว!”

กล่าวจบ เยว่เอ๋อร์ก็ยกมือขึ้นมาตั้งสัตย์สาบาน

ท่าทางจริงจังนั้นทำให้เฉินเหยาอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก “เอาละ ๆ ข้าไม่ได้บอกว่าสงสัยเจ้า ดูสิทำเจ้าตัวสั่นเป็นลูกนกเชียว”

“ข้าแค่อยากฟังความคิดเห็นของเจ้าเท่านั้น”

ได้ยินดังนั้น เยว่เอ๋อร์ก็วางใจลงในที่สุด นางสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเบาสายตาไปมองเฉินเหยาอย่างเด็ดเดี่ยว แม้ในใจจะยังหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย พระเจ้า ตกใจจนฉี่เกือบราด

ความหมายของเยว่เอ๋อร์ไม่ต่างกับเฉินเหยา

ส่วนจะเป็นเหตุผลไหนนั้น เยว่เอ๋อร์ไม่แน่ใจ

แต่เยว่เอ๋อร์คิดว่าต่อให้องครักษ์ในจวนหลินจะแน่นหนา สอดส่องจวนหลินเป็นครั้งคราวก็มีความเป็นไปได้ แต่เฉินเหยาเคยชินกับความเป็นไปได้นี้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเสร็จไยในวันสองวัน ต้องมีการเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ลับ ๆ

การเฝ้าติดตามจวนหลินในระยะยาว อย่าแต่คนทั่วไป แม้แต่คนที่มีศิลปะการต่อสู้แข็งแกร่ง ก็ยังถูกจับได้

ดังนั้นความเป็นไปได้ที่เฉินเหยาจะถูกจับตามองจึงมีไม่มากนัก

ความเป็นไปได้ที่จะถูกคนขายศักดิ์ศรีนั้นมากกว่า

โดยปกติแล้ว เฉินเหยาและหลินฟางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนเบื้องล่าง แต่ไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก หลินเฉิงชินกับความผยอง ความโมโหร้ายของคุณชายใหญ่เป็นที่เลื่องลือในจวนหลิน มักจะทุบตีเบื้องล่าง และด่าทอผู้คนอยู่เสมอ

คนเบื้องล่างมีความเกลียดชังในใจ หากมีคนยอมจ่ายเงินเพื่อถามถึงสถานการณ์ของจวนหลิน พวกเขาก็ยินดีที่จะพูด ไม่แปลกใจสักนิด

พูดได้ว่า เยว่เอ๋อร์รู้สึกว่าอาจจะมีคนขายศักดิ์ศรีของเฉินเหยาเช่นกัน

เยว่เอ๋อร์วิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล

แต่เนื่องจากจำนวนคนในจวนหลินนั้นมีมาก มีคนเข้าออกจวนหลินก็นับไม่ถ้วน จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นคนขายศักดิ์ศรีของเฉินเหยา?

อยากจะกระชากหน้ากากคนผู้นี้ออกมา ไม่ใช่เรื่องง่าย

ยังมีความเป็นไปได้อีกเรื่อง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนในจวนหลินที่ขายเฉินเหยาเสียเอง และมีความเป็นไปได้ว่าคนที่สนิทสนมกับเฉินเหยาอาจจะเป็นคนขายนาง

เป็นแบบนี้ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

จะว่าไปแล้ว แค่ความสามารถของเฉินเหยา การคิดจะกระชากหน้ากากคนผู้นี้ออกมา ยากเกินจะบรรยายได้

ดังนั้นความหมายของเยว่เอ๋อร์คือการขอความช่วยเหลือ

เมื่อเฉินเหยาได้ยิน นัยน์ตาก็อดเปล่งประกายไม่ได้ ก่อนพูดว่า “ความหมายของเจ้าคืออยากให้เซียวเฉวียนช่วยเรา?”

ท่าทางเมื่อครู่ของเซียวเฉวียน เกรงว่าจะไม่ได้?

การตายของหลินเฉิง หากมีความเกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนคงจะไม่เห็นด้วย ใครจะช่วยศัตรูสืบหาตัวเองเล่า?

หากเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนยิ่งไม่เห็นด้วยไปใหญ่ มันเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ?

ไม่เกี่ยวกับตนก็อย่าเข้าไปยุ่ง ใครใช้ให้เข้ามายุ่งล่ะ

เฉินเหยาคิดเช่นนี้ก็ไม่ผิด แต่นางเมินเฉยต่อปัญหา

ทันทีที่เยว่เอ๋อร์กล่าวสิ่งนี้ เฉินเหยาก็ถึงกับตื่นตระหนก ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่หรือไม่เกี่ยวกับเซียวเฉวียน ความขัดแย้งของคนผู้นั้นก็พุ่งเป้ามาที่เซียวเฉวียนอยู่ดี

เซียวเฉวียนอยากรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ทำไมต้องเผชิญหน้ากับเขาด้วย

พอคิดได้ สีหน้าเศร้าโศกของเฉินเหยาก็ค่อย ๆ หายไป จริงสิ นางควรไปขอความช่วยเหลือกับเซียวเฉวียน

หลังจากผ่านการวิเคราะห์กับเยว่เอ๋อร์แล้ว เฉินเหยาคิดว่าการตายของหลินเฉิงไม่เกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน คนผู้นั้นชี้ทางให้นางก็เท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย