ได้ยินปั๊บ องค์จักรพรรดิทรงมองดูอำมาตย์คนนี้ด้วยสายตาเรียบๆ และถามว่า "ตามที่ท่านหลี่กล่าวมา การกระทำของข้าพเจ้าไม่ยุติธรรมหรือ ? "
อำมาตย์คนนี้แซ่หลี่ เขาเป็นเสนาบดีในรัชกาลปัจจุบัน เป็นข้าราชฯ ระดับสาม ดูแลพิธีการในศาลบรรพชนของราชสำนัก
ตามปกติ เขาน้อยครั้งที่จะคัดค้านความคิดเห็นขององค์จักรพรรดิ
คนๆ นี้รักษาความเป็นกลางมาตลอด มองสิ่งต่างๆ อย่างมีสติสัมปชัญญะ
อย่างครั้งนี้ที่เขาคัดค้านการตัดสินใจขององค์จักรพรรดิ ก็ไม่ได้ตั้งใจมุ่งเป้าต่อบุคคลใด แต่เป็นเพราะเขารู้สึกว่าเซียวเฉวียนมีกำลังไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ยังเป็นมหาราชครู เป็นเจ้าของของชิงหยวน และเป็นข้าราชฯ ระดับสี่
และจ้าวหลานสามคนสนิทสนมกับเซียวเฉวียนมาโดยตลอด ท่านหลี่กังวลว่าการมอบตำแหน่งสูงให้กับทั้งสามคนจะส่งเสริมความทะเยอทะยานของเซียวเฉวียนได้
ท่านหลี่คิดเช่นนั้น ก็หวังดีต่อบ้านเมืองของต้าเว่ย
ทำเช่นนี้ไป เซียวเฉวียนมีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นเว่ยเชียนชิวคนที่สอง
ต้นอ่อนแบบนี้ไม่ควรปล่อยให้มันก่อเกิด ถึงจะเป็นกังวลที่ไม่มีมูล แต่ก็ควรระมัดระวังไว้ก่อนดีกว่ามาล้อมคอกทีหลัง
การกระทำของท่านหลี่เป็นมาตรการเชิงอนุรักษ์นิยมอย่างยิ่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เพื่อป้องกันเซียวเฉวียนมีอำนาจเติบใหญ่ องค์จักรพรรดิไม่ควรให้พวกจ้าวหลานสามคนดำรงตำแหน่งสำคัญเช่นนี้
ท่านหลี่ฟังออกได้ว่า องค์จักรพรรดิไม่พอใจกับการคัดค้านของเขา แต่เพื่อเห็นแก่บ้านเมืองและประชาชนของต้าเว่ย เพื่อป้องกันไม่ให้เว่ยเชียนชิวคนที่สองถือกำเนิด ท่านหลี่แม้จะต้องล่วงเกินองค์จักรพรรดิก็ตาม ท่านก็จะพูด
เขากล่าวอย่างไม่กระด้างกระเดื่อง "ฝ่าบาท ข้าพระองค์ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าพระองค์รู้สึกว่าผู้ตรวจการราชสำนักและมหาเสนาในรุ่นที่ผ่านๆ มา ล้วนได้รับการพิจารณาตามกฎเกณฑ์ ดังนั้นเราควรปฏิบัติตามกฎเพื่อหลีกเลี่ยงครหาของผู้คน"
จู่ๆ ท่านก็ตั้งให้เด็กสองคนอายุอ่อนขนาดนี้ขึ้นอยู่ในอันดับองคมนตรี ทำให้คนกลุ่มใหญ่ที่อยู่จนผมหงอกแล้ว อยู่จนตาลายแล้วมาเรียกพวกเด็กเป็นนาย ใครจะยอมรับได้ ?
นอกจากนี้ นี่ไม่เท่ากับว่า ความหวังของผู้ที่อยู่ในราชการมาหลายสิบปีและปรารถนาที่จะได้ไต่เต้าขึ้นอันดับสูงถูกระงับหมดสิ้นหรือ ?
พูดตามตรง นี่มันไม่ยุติธรรมเลย
แต่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ท่านหลี่คงจะไม่พูดแบบนี้ จักรพรรดิก็คือจักรพรรดิวันยังค่ำ ต้องรักษาหน้าให้องค์จักรพรรดิ
ช่างกล่าวได้ดีจริงๆ เพื่อหลีกเลี่ยงครหาของผู้คน ทำให้องค์จักรพรรดิทรงพูดอะไรไม่ออก
ในเวลานี้ เซียวเฉวียนพูดอย่างเฉื่อยๆ ว่า "คำกล่าวของท่านหลี่นั้นไม่ถูก ถ้าอย่างที่ท่านหลี่กล่าว ข้าเซียวก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นราชครูเลย"
”แต่ฝ่าบาทก็ยังเมินกฎเกณฑ์ยอมรับเซียวเป็นครู เป็นเพราะฝ่าบาทเลอะเลือนหรือ เปล่าเลย มันเป็นการกระทำที่ปราดเปรื่องของฝ่าบาทต่างหาก”
”ในตอนแรกที่เซียวเป็นราชครู พวกท่านไม่ได้คัดค้านต่อต้านอย่างรุนแรงหรือ แต่ตอนนี้ พวกท่านคงยอมรับและชินกันแล้วใช่ไหม ?”
ท่านหลี่มองเซียวเฉวียนด้วยสายตาอันจืดชืด ไม่พูดอะไรสักคำ
เขาไม่พูด เพราะสิ่งที่เซียวเฉวียนกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง
พวกเขาต่อต้านอย่างรุนแรงจริงๆ ที่เซียวเฉวียนได้เป็นราชครูในตอนแรก แต่พวกเขาไม่สามารถยื้อยุดกับการยืนกรานฝ่ายเดียวขององค์จักรพรรดิได้
ต่อมาพวกเขายังเห็นด้วยกับตาตนเองว่า ทุกสิ่งที่เซียวเฉวียนทำล้วนทำเพื่อต้าเว่ย
มองเห็นได้ว่าเซียวเฉวียนอุทิศทั้งกายและใจให้กับต้าเว่ย
ดังนั้น พวกเขาจึงค่อย ๆ เปลี่ยนทัศนคติที่ต่อเซียวเฉวียน และยอมรับเขาในฐานะมหาราชครู
แต่เรื่องนี้แตกต่างจากกรณีของจ้าวหลานพวกเขาที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการราชสำนักและมหาเสนา
ในสายตาของบรรดาข้าราชฯ ราชครูตำแหน่งสูงก็จริง แต่ไม่มีอำนาจที่แท้จริง
ต่างจากผู้ตรวจการราชสำนักและมหาเสนา ซึ่งมีอำนาจแท้จริง โดยเฉพาะอำนาจของผู้ตรวจการราชสำนักเป็นแค่รองจากอัครเสนาบดีเท่านั้น
และอำนาจของเสนาบดียุติธรรมก็ใหญ่เช่นกัน
มีสามคนนี้เกื้อหนุน บวกกับความสามารถของเซียวเฉวียนเอง และบวกกับการเกื้อหนุนของฉินเซิ่ง
เซียวเฉวียนจะพองตัวขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงองค์จักรพรรดิจะเชื่อว่าเซียวเฉวียนไม่มีเจตนาแอบแฝง และยังคงยืนกรานในความคิดเห็นของพระองค์เอง ขอเพียงเซียวเฉวียนไม่คิดที่จะให้ผลกรรมที่อุทิศตนสร้างมาได้ถูกทำลาย เซียวเฉวียนก็จะเกลี้ยกล่อมให้องค์จักรพรรดิทรงถอนราชโองการนี้เอง
และพวกจ้าวหลานสามคนมีความสัมพันธ์สนิสนมกับเซียวเฉวียน ดังนั้นพวกเขาจะไม่ขุ่นเคืองเซียวเฉวียนเพราะเหตุนี้
นอกจากนี้ พวกเขาแค่ไม่ต้องการให้องค์จักรพรรดิมอบตำแหน่งระดับสูงขนาดนี้แก่พวกเขา ไม่ใช่ให้องค์จักรพรรดิงดการเลื่อนตำแหน่ง อาจแต่ตั้งเป็นตำแหน่งอื่นแก่พวกเขาก็ได้
ถึงจ้าวหลานสามคนจะขัดใจเลิกคบกับเซียวเฉวียนเพราะเรื่องนี้ สำหรับเซียวเฉวียนแล้ว เป็นแค่เรื่องขี้ประติ๋ว
ให้เซียวเฉวียนเป็นผู้คัดค้านองค์จักรพรรดิในการนี้ จะเป็นผลดีสำหรับทุกๆ คน
ท่านหลี่คิดว่าเขาพูดมามากมายเสียขนาดนี้ เซียวเฉวียนจะทำตามที่เขาปรารถนาและไปทัดทานองค์จักรพรรดิ
ไม่คิดเลยว่า เซียวเฉวียนมีสีหน้าเฉยๆ และกล่าวว่า "ชาวโลกจะมองเซียวยังไง เซียวไม่ถือ"
ตอนแหวกทะลุมาต้าเว่ยใหม่ๆ ถูกพูดจาถากถางดูถูก เยาะเย้ยและกลั่นแกล้งมานึกว่าน้อยหรือ ?
ทั้งคนทั้งข่าวลือไม่อาจจะสังหารเซียวเฉวียน มีแต่จะทำให้เซียวเฉวียนยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
เซียวเฉวียนจะมีชีวิตแบบไหน อยากใช้ชีวิตอย่างไร ล้วนขึ้นอยู่กับความพยายามของเขาเอง ไม่ใช่อาศัยปากของใคร
จะให้เซียวเฉวียนเสียสละอนาคตของจ้าวหลานสามคนเพื่อรักษาชื่อเสียงของเขาเอง ขอโทษทีเถอะ เซียวเฉวียนทำไม่ได้
ยิ่งกว่านั้น ที่ท่านหลี่กังวลอยู่นั้น องค์จักรพรรดิจะทรงไม่ได้คิดถึงหรือ ?
ไม่ องค์จักรพรรดิทรงคิดถึง
องค์จักรพรรดิให้ความไว้วางใจกับเซียวเฉวียน
ในเมื่อองค์จักรพรรดิไว้ใจเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนจึงไม่สามารถตบหน้าองค์จักรพรรดิ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องลำบากใจ
เสียงของเซียวเฉวียนไม่ดัง แต่ทุกคนในตำหนักใหญ่สามารถได้ยินได้ "ข้าพระองค์สนับสนุนการกระทำของฝ่าบาท และข้าพระองค์เชื่อว่าใต้เท้าจ้าวทั้งหลายคู่ควรดำรงตำแหน่งนี้ จะไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง !"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...