ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1623

ใช่ ใต้เท้าหลี่พูดมาซะมากมาย แต่ถูกมองไปในแง่อื่น

แต่ว่า จุดยืนที่เขาต้องรักษา ก็ยังต้องรักษาต่อไป

เห็นว่ากล่อมเซียวเฉวียนไม่สำเร็จ เขาจึงเปลี่ยนเป้าไปคุยกับองค์จักรพรรดิต่อ

เขาพูดเสมือนมีความชอบธรรมว่า "ฝ่าบาท แม้ทรงกล่าวเช่นนั้น แต่ข้าพระองค์รู้สึกว่าพวกใต้เท้าจ้าวมีวุฒิตำแหน่งตื้นเขิน ไม่เหมาะที่จะรับหน้าที่ความรับผิดชอบสำคัญขนาดนี้"

องค์จักรพรรดิเหลือบมองท่านหลี่อย่างไม่แยแสและกล่าวว่า "สิ่งที่ท่านหลี่กล่าวนั้นก็ใช่จะไร้เหตุผล แต่เรื่องของวุฒิตำแหน่งจะใช้เป็นเงื่อนไขอ้างอิงเท่านั้น ใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาปรับเลื่อนตำแหน่งไม่ได้"

บางคนเป็นข้าราชฯ มาหลายสิบปี แต่ความสามารถมีจำกัด จึงเหมาะอยู่กับแค่ตำแหน่งนั้น แล้วองค์จักรพรรดิยังต้องการเลื่อนตำแหน่งให้เพราะวุฒิตำแหน่งของเขาหรือ ?

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

จ้าวหลานทั้งสามคนสามารถปฏิบัติงานที่องค์จักรพรรดิมอบหมายให้จนสำเร็จลุล่วงอย่างโดดเด่น พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขามีความสามารถเป็นอย่างดี

พวกเขาคู่ควรกับตำแหน่งที่องค์จักรพรรดิแต่งตั้งให้

ที่ไปฝึกฝนในครั้งนี้ เพิ่มพูนความรู้ให้พวกเขาไม่น้อยไปกว่าเหล่าข้าราชฯ ที่อยู่ในแห่งนี้ กระทั่งบางคนที่อยู่มานานหลายสิบปี ก็อาจได้ประสบมาน้อยกว่าสามคน มีการรับรู้และเข้าใจน้อยกว่าทั้งสามคนด้วยซ้ำ

สรุปแล้วก็คือ องค์จักรพรรดิตรัสว่าพวกเขามีความสามารถดำรงตำแหน่งได้ พวกเขาก็มีความสามารถ

องค์จักรพรรดิจะใช้โอกาสนี้ วางคนของค่ายพระองค์เองขึ้นไปดำรงตำแหน่งสำคัญ

พระองค์ต้องการจะล้างไพ่เหล่าข้าราชสำนักสักครั้ง และนี่คือก้าวแรกของพระองค์

ที่พระองค์ทรงจัดการเช่นนี้ เพื่อให้ชาวโลกได้รู้ว่า ระบบการบริหารบุคลากรในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว

ไม่สนใจว่าวุฒิตำแหน่งของท่านจะตื้นหรือลึก ท่านจะอายุเท่าไหร่ ขอให้ท่านมีความสามารถ ท่านก็มีโอกาสรับราชการในราชสำนักได้

แน่นอน เงื่อนไขเบื้องต้นต้องมีนิสัยประพฤติที่เที่ยงตรง

ที่องค์จักรพรรดิทรงกระทำเช่นนี้ เป็นการให้ความหวังอย่างมากแก่ลูกหลานของครอบครัวที่ยากจนในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็หมายถึงการเคาะกะลาลูกหลานของครอบครัวชนชั้นสูงด้วย

มีจุดมุ่งหมายเพื่อบอกทุกคนให้ทราบว่า นับจากนี้ไป ข้าราชฯ ในราชสำนักจะถูกพิจารณาจากนิสัยประพฤติของพวกเขาเป็นอันดับแรก อันดับต่อมาดูความสามารถของพวกเขา จะไม่ดูภูมิหลังทางครอบครัว

มาตรการดังกล่าวหมายความว่าสถานการณ์ที่ลูกเต้าจากครอบครัวยากจนที่ถูกครอบครัวชนชั้นสูงข่มขี่จะกลายเป็นอดีต นับจากนี้ไป ลูกเต้าจากครอบครัวยากจนสามารถเชิดหน้าอก มีชีวิตอย่างเชิดหน้าชูตา ยืนอยู่ในราชสำนักด้วยความพยายามของตน แบ่งเบาภาระให้กับบ้านเมือง และแสวงหาสวัสดิการให้กับประชาชน

ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบเจอกับวันๆ ของฤดูใบไม้ผลิของพวกเขาเองจนได้ !

วาจาขององค์จักรพรรดิ ท่านหลี่ไม่สามารถจะหักล้างได้

เขารู้สึกว่ามุมมองขององค์จักรพรรดินั้นไม่ผิด วุฒิตำแหน่งไม่อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาการเลื่อนตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ความหมายของเขาก็ว่าอย่างชัดเจน ที่เขากังวลมากที่สุดคือการเลื่อนตำแหน่งของจ้าวหลานสามคนจะทำให้เซียวเฉวียนมีอิทธิพลเติบใหญ่ขึ้น

เขากังวลว่าเซียวเฉวียนจะคุกคามอำนาจของราชา !

ปกติแล้วองค์จักรพรรดิก็ดูฉลาดเฉลียว แต่ทำไมในเรื่องนี้พระองค์ถึงได้ดูเลวไหล ?

องค์จักรพรรดิทรงไม่เข้าใจจริง ๆ หรือพระองค์ทรงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ?

โอย !

ท่านหลี่ร้อนใจจนเหมือนมดปีนขึ้นบนหม้อไฟ รู้สึกตัวร้อนๆ อยู่

แต่เขาพูดอะไรอีกไม่ได้แล้ว

ห่วงไปก็ทำอะไรไม่ได้ !

พูดมากไป ไม่เพียงแต่จะได้ผลตรงข้ามกัน ยังอาจนำภัยถึงตายมาสู่ตัวเองด้วย

ตัวเองมีชีวิตอยู่มาถึงขนาดนี้แล้ว ตายไปไม่สำคัญ แต่จะเดือดร้อนไปถึงชีวิตเก้าชั่วโคตรไม่ได้

อดีตมีบทเรียนเป็นตัวอย่างให้ดูมากมาย การทัดทานเบื้องสูงต้องระวังให้รอบคอบ

ท่านหลี่จึงได้แต่ยืนเอามือลง ยุติการพูดด้วยอารมณ์ไม่พอใจ

ในเวลานี้ องค์จักรพรรดิตรัสด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "ข้าฯ เข้าใจสิ่งที่ท่านหลี่พูด ล้วนคำนึงถึงแผ่นดินและบ้านเมืองของต้าเว่ย มีจิตใจที่จริงใจบริสุทธ์ มีอำมาตย์เช่นนี้อยู่ ข้าฯ รู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก"

”แต่ท่านหลี่จงหายห่วง เรื่องที่ท่านห่วงใยกังวล จะไม่เกิดแน่นอน”

น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่รู้สึกตัว พวกเขาคิดแต่จะปกป้องหวงแหนพื้นที่ของตนเอง ไม่คิดแสวงหาความก้าวหน้า

ตัวเองไม่คิดแสวงหาความก้าวหน้าไม่ว่า แต่ยังไม่ยินดีให้คนอื่นเหลือบมองในสิ่งของของเขา

ใช่แล้ว พวกเขามองว่าตำแหน่งทางการเป็นของพวกเขา ไม่ยอมให้ใครมาพรากเอาไปได้

พวกเขาไม่คิดจะทำงานหนัก ต้องการเพลิดเพลินกับความมั่งมีศรีสุขที่มีอยู่ต่อไป แล้วพวกเขาจะทำอะไรเป็น ?

พวกเขาจึงทำตัวเป็นเจ้าระเบียบ คัดค้านนโยบายทั้งหลายที่ไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา

ตัวอย่างเช่นระบบการสอบประเมินปีละครั้งนั้น พวกเขากีดกันมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อน สมัยที่เว่ยเชียนชิวยังอยู่ ก็คงต้องมีเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงในราชสำนักอย่างแน่นอน

แต่ว่าเว่ยเชียนชิวตายแล้ว องค์จักรพรรดิตอนนี้ดูแข็งกร้าวมาก ไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ พวกเขาจึงจำต้องยอมรับการปฏิรูปนี้

ถ้าองค์จักรพรรดิเปลี่ยนมาใช้วิธีวัดตามความสามารถเพื่อเลือกใช้ข้าราชสำนัก นั่นไม่ใช่ไล่ให้พวกเขาไปเข็นครกขึ้นเขาหรือ ?

เข็นครกขึ้นเขานี้ยังดี แต่ถ้าเข็นไม่ขึ้น ถูกคนอื่นมาเสียบแทน อาชีพทางราชการจะไม่จบเห่หรือ ?

หากสูญเสียตำแหน่งราชการ พวกเขายังสามารถทำอะไรได้อีก ?

พวกเขายังเป็นอะไรได้อยู่หรือเปล่า ?

เก้าสิบเก้าส่วนร้อยของข้าราชในปัจจุบันมาจากตระกูลขุนนาง และในบรรดาข้าราชฯ เหล่านั้น ผู้ที่มีความคิดเช่นนี้มีสัดส่วนที่สูงมาก

ตามที่เซียวเฉวียนว่า พวกเขาคือพวกกินแรงชาวบ้าน

อาศัยภูมิหลังของพวกเขา กินอย่างเชิดหน้า กินอย่างชูตา กินเหมือนตัวเองมีระดับเหนือกว่าคนอื่น

เซียวเฉวียนกล่าวว่า หากต้าเว่ยต้องการพัฒนา จะต้องกำจัดนิสัยที่เลวร้ายพวกนี้

ตอนแรก องค์จักรพรรดิทรงรู้สึกว่าเซียวเฉวียนกล่าวเกินจริง แต่หลังจากทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้งถี่ถ้วน โดยเฉพาะหลังจากที่องค์จักรพรรดิได้รับรู้ว่าลูกหลานจากครอบครัวยากจนสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนชิงหยวนได้ ลูกหลานจากครอบครัวชั้นสูงก็ไม่ค่อยหยิ่งผยองนัก องค์จักรพรรดิจึงตระหนักได้ว่าที่เซียวเฉวียนกล่าวมีเหตุผลอย่างยิ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย