ดังนั้น ฮ่องเต้จึงฟังคำพูดของเซียวเฉวียนและเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงระบบการคัดเลือกขุนนาง
และจ้าวหลานสามคนก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการฝึกวรยุทธ์
ผลก็เป็นไปตามที่เซียวเฉวียนคาดไว้ การกระทำของฮ่องเต้จะต้องถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากขุนนาง
หากต้องการประสบความสำเร็จ ฮ่องเต้จะต้องยืนกรานและให้เหตุผลกับขุนนาง
ฮ่องเต้พูดมากขนาดนี้ แม้จะมีความไม่พอใจอยู่ในใจ แต่เหล่าขุนนางก็ไม่กล้าพูดคัดค้านอีกต่อไป
ทุกคนก็เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ตั้งใจจะทำเช่นนั้น หากพวกเขาไม่เข้าใจ ชนเข้ากับหัว จะถูกฆ่าตายในไม่กี่นาที
ดังนั้น เหล่าขุนนางจึงปิดปาก ทั่วทั้งห้องโถงเงียบสงัดจนได้ยินเสียงเข็มเงินตกพื้น
สิ่งที่ฮ่องเต้กล่าว เมื่อพวกเขาสงบสติอารมณ์ลง พวกเขารู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล
พวกเขาก็ตระหนักในเวลานี้ว่า ไม่รู้ตัวว่าเซียวเฉวียนแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
จริง ๆ แล้ว ดังที่ฮ่องเต้กล่าว ความแข็งแกร่งของเซียวเฉวียนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถป้องกันได้หากพวกเขาต้องการ
คำพูดของฮ่องเต้ประสบความสำเร็จในการชักชวนผู้คนจำนวนมากที่มีอคติต่อเซียวเฉวียน พวกเขาสาบานกับตัวเองในใจว่าจะไม่ให้เซียวเฉวียนมีปัญหาอีกต่อไป
การอยู่ร่วมกับเซียวเฉวียนอย่างสันติเท่านั้นจึงจะอยู่ได้นานขึ้น
สิ่งต่าง ๆ มักจะมีด้านบวกและด้านลบเสมอ เมื่อมันได้ผลในทางบวก ก็มีด้านลบเช่นกัน
ขุนนางบางคนที่ดื้อรั้นเกลียดเซียวเฉวียนมากขึ้นไปอีก
ในสายตาของพวกเขา เพียงแค่เซียวเฉวียนปรากฏตัว ผลประโยชน์ของพวกเขาก็ถูกทำลาย พวกเขายิ่งมีชีวิตที่ย่ำแย่ลง และทุกอย่างไม่เป็นไปด้วยดี
ตอนนี้ยังยุยงให้ฮ่องเต้ปฏิรูประบบการคัดเลือกขุนนางอีกด้วย จัดทำการทดสอบปีละครั้งและกล่าวว่าการเลือกขุนนางตามความสามารถ
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการหาวิธีลดอำนาจของพวกขุนนางเหล่านี้
แม้ว่าจ้าวหลานและฉินหนานทั้งสามคนจะเป็นขุนนางจากตระกูล แต่พวกเขาได้ร่วมมือกับเซียวเฉวียนแล้ว พวกเขาอยู่ในตำแหน่งสามขุนนาง และผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือเซียวเฉวียน
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะไม่มีใจที่จะยึดอำนาจ แต่การขึ้นสู่ตำแหน่งของจ้าวหลาน ก็เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเซียวเฉวียน
ตามมุมมองของกลุ่มขุนนางนี้ เซียวเฉวียนทำเช่นนั้น พูดชื่อเพื่อประโยชน์ของต้าเว่ยแต่จริงๆแล้ว ต้องการเปลี่ยนขุนนางของต้าเว่ยให้กลายเป็นลูกหลานจากตระกูลยากจนเพื่อที่เขาจะใช้
ฮ่องเต้ก็ไว้ใจเขามาก อะไรก็ฟังเขา
ยังช่วยเซียวเฉวียนพูดว่าเขาไม่ต้องการยึดอำนาจ
ใช่ เป็นไปได้ว่าเซียวเฉวียนไม่มีใจที่จะยึดอำนาจ แต่ก็ไม่อาจแยกแยะได้ว่าเซียวเฉวียนจะเป็นที่สองของเว่ยเชียนชิวและกลายเป็นอุปสรรคต่อฮ่องเต้
หากถึงตอนนั้น ฮ่องเต้จะเสียใจ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
เว่ยเชียนชิวมีเซียวเฉวียนช่วยฮ่องเต้เอาชนะ แต่เซียวเฉวียนล่ะ?ใครสามารถเอาชนะเขาได้?
ตราประทับจักรพรรดิหรือไม่?
อย่าลืมว่าเซียวเฉวียนสามารถทำลายผนึกจูเสินได้ เป็นไปได้ว่าตราประทับจักรพรรดิไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้
ฮ่องเต้ไว้ใจเซียวเฉวียนมากจริงๆ ไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนให้อะไรฮ่องเต้กิน!
ฮึ่ม!
ตั้งแต่สอบชิงจอหงวนจนถึงตอนนี้ ไม่ถึงสองปี ก็ได้เป็นราชครูและประมุขแห่งชิงหยวนแล้ว สิ่งใดบ้างที่ผู้คนทั่วไปใฝ่ฝันถึง?
เขาได้รับมันมาอย่างง่ายดาย
แต่กลับทำให้เว่ยเชียนชิวพ่ายแพ้อย่างยับเยิน!
ความสามารถขนาดนี้ ยังไม่น่าเกรงขามอีกหรือ?
พวกเขาหากยังคงปล่อยให้เซียวเฉวียนทำเช่นนี้ต่อไป ในอนาคต ราชสำนักย่อมไม่มีที่ยืนให้กับพวกเขาเหล่าขุนนางตระกูลใหญ่อีกต่อไป!
ดังนั้น เหล่าขุนนางจึงคิดว่า เซียวเฉวียนจะต้องกำจัดทิ้งให้ได้!
และในบรรดาขุนนางเหล่านี้ มีห้าคนคือผู้ที่เข้าวังในวันนั้นเพื่อหวังจะอาศัยฮ่องเต้ส่งสาวงามให้เซียวเฉวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...