ในเวลานี้ เซียวเฉวียนหวังว่าทหารเหล่านี้จะหนีทัพไป อย่างน้อยก็รักษาชีวิตได้
แต่ว่า นั่นเป็นเพียงความปรารถนาส่วนตัวของเซียวเฉวียน อย่าว่าแต่สงครามยังไม่เริ่ม ถึงจะเริ่มแล้วก็ตาม ก็ไม่อนุญาตให้มีทหารหนีทัพได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบรรดาเจ้าเมืองต่างเชื่อว่าศึกครั้งนี้จะต้องชนะอย่างไม่ต้องสงสัย เชื่อว่าทหารเหล่านี้ก็มั่นใจเต็มร้อย จะเป็นทหารหนีทัพได้อย่างไร ?
ตั้งใจจะสร้างผลงานทางทหารในสงครามครั้งนี้สิไม่ว่า
ช่างมันเถอะ ความทะเยอทะยานของเหล่าเจ้าเมืองในที่สุดจะต้องชำระค่าตอบแทนอันหนักอึ้ง สงสารแต่ทหารเหล่านี้
สันติภาพเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ
หวังว่าหลังจากศึกครั้งนี้ ต้าเว่ยจะหมดศึกภายใน ทวยราษฎร์ของต้าเว่ยจะสามารถอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
ที่เขาหมิงเซียนในภูมิภาคตะวันตก
ข่าวคราวถึงหูตาของนักปราชญ์ว่องไวจริงๆ
เรื่องของบรรดาเจ้าเมืองแห่งต้าเว่ยคิดก่อการกบฏ เขาก็รู้แล้วด้วย
ตอนนี้ เขากำลังหารือเรื่องนี้กับหมิงเจ๋ออยู่
นักปราชญ์คิดว่าเขาสามารถอาศัยโอกาสนี้ ผูกพันธมิตรกับเหล่าเจ้าเมืองและโจมตีเมืองหลวงได้
สามารถใช้โอกาสนี้เพื่อทำลายจวนเซียวให้ราบคาบได้ในคราวเดียว
หมิงเจ๋อก็รู้สึกว่าแผนนี้เป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม หมิงเจ๋อได้ร้องขอว่าหลังจากที่นักปราชญ์จับตัวเซียวเฉวียนได้ เขาจะต้องรักษาชีวิตของเซียวเฉวียนไว้ และพาเขากลับมายังภูมิภาคตะวันตกเพื่อให้หมิงเจ๋อทำทารุณกรรม
เงื่อนไขของหมิงเจ๋อนี้ นักปราชญ์ก็ตอบตกลงแล้ว
แต่ว่า นักปราชญ์ก็มีเงื่อนไขข้อหนึ่งเช่นกัน
คิดจะร่วมมือกับเหล่าเจ้าเมือง นักปราชญ์ไม่อาจไปเจรจาความร่วมมือด้วยมือเปล่าๆ เขาจะต้องแสดงความจริงใจให้เขาดูบ้าง
ปัจจุบันที่ภาคตะวันตก ราชินีเป็นผู้ทรงปกครอง และราชินีก็ทรงรักหมิงเจ๋อมาก
ขอเพียงให้หมิงเจ๋อเสนอต่อราชินี ให้ถือโอกาสนี้ส่งทหารไปโจมตีต้าเว่ย ต้าเว่ยก็จะตกอยู่ในภาวะระส่ำระสายทั้งภายในและภายนอก
เมื่อตอนนั้น เซียวเฉวียนจะไม่มีเวลามาระวังนักปราชญ์อย่างแน่นอน นักปราชญ์ก็สามารถถือโอกาสนี้สังหารเซียวเฉวียนชนิดตั้งตัวไม่ทัน เซียวเฉวียนจะไม่อยู่แค่ปลายนิ้วหรือ ?
พอได้ยินเช่นนี้ หมิงเจ๋อรู้สึกว่าแผนนี้เป็นไปได้ แต่ตัวนักปราชญ์เองก็มีกองทัพนักรบแท้ไม่ใช่หรือ ?
เอาคนต้าเว่ยรบกับคนต้าเว่ย ไม่ดีกว่าหรือ ?
ทั้งกองทัพนักรบแท้ยังกล้าหาญเก่งในการรบ สู้ไม่เคยถอยรบไม่เคยแพ้
นอกจากนี้ หากให้ทหารของราชสำนักภูมิภาคตะวันตกไปโจมตีต้าเว่ย ศึกนี้จะบานปลายกลายเป็นภูมิภาคตะวันตกไปยั่วยุต้าเว่ย เจตนาจะเป็นศัตรูกับต้าเว่ย
ความหมายก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ภูมิภาคตะวันตกกับต้าเว่ยมีสัมพันธไมตรีที่ดีมาโดยตลอด หากจู่ๆ ภูมิภาคตะวันตกเปิดฉากสงครามกับต้าเว่ย จะถูกชาวโลกรังเกียจ
ถึงแม้หมิงเจ๋อจะรู้ว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นราชาแห่งภูมิภาคตะวันตกอีกต่อไป แต่เขาก็ไม่อยากให้ทั้งสองประเทศกลายเป็นศัตรูกัน
ดังนั้นหมิงเจ๋อรู้สึกว่า ไม่ว่าจะมองในแง่ใดก็ตาม ใช้ทหารนักรบแท้ไปปลุกปั่นจะเหมาะสมกว่า
เหตุการณ์นี้ถึงเป็นอย่างไรก็ไม่อาจตำหนิต่อราชสำนักของภูมิภาคตะวันตก
ถึงราชสำนักต้าเว่ยจะรู้ว่านักปราชญ์เป็นผู้ที่ยุยงในเรื่องนี้ หากนักปราชญ์ยืนยันไม่รับสารภาพ ราชสำนักต้าเว่ยก็ทำอะไรนักปราชญ์ไม่ได้
ถึงพวกเขาจะมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่านักปราชญ์เป็นผู้ทำเรื่องนี้ แต่มันก็เป็นพฤติกรรมส่วนตัวของนักปราชญ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชสำนักภูมิภาคตะวันตก
หากต้าเว่ยแข็งกร้าว ยืนกรานที่จะให้ภูมิภาคตะวันตกส่งมอบตัวนักปราชญ์ ราชสำนักภูมิภาคตะวันตกก็ยังสามารถรำมวยไทเก๊กกับพวกเขาได้
นักปราชญ์กระทำการเรื่องนี้ ทำลายความสัมพันธไมตรีอันดีของทั้งสองประเทศ ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจ
พูดถึงตรงนี้ นักปราชญ์แอบเหลือบมองไปที่หมิงเจ๋อ เห็นสีหน้าของหมิงเจ๋อกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาในทันใด
นักปราชญ์รู้ดีว่าหมิงเจ๋อกำลังคิดอะไรอยู่ในเวลานี้ นัยน์ตาเขาส่อรอยยิ้มฉายแววว่าแผนกำลังจะสำเร็จ อาศัยโอกาสนี้ เขายิ่งเน้นย้ำต่อหมิงเจ๋อว่า "เจ้าชายลืมคำทำนายแล้วหรือ ข้าเฒ่าคนนี้พยากรณ์ว่ายังไงในวันนั้น ?"
หมิงเจ๋อไม่ได้ลืมอย่างแน่นอน ตอนนั้นนักปราชญ์บอกเขาว่า "เซียวเฉวียนเป็นจอมผู้ร้ายที่ทำให้ประเทศภูมิภาคตะวันตกวิบัติ หากภูมิภาคตะวันตกจะหลีกเลี่ยงพ้นภัยพิบัตินี้ พวกเขาจะต้องฆ่าเซียวเฉวียน !"
ก็เพราะคำพูดของนักปราชญ์นี้ ตั้งแต่นั้นมาหมิงเจ๋อก็ย่ำเข้าสู่หนทางที่เป็นศัตรูของเซียวเฉวียน ย่ำอยู่บนเส้นทางนี้ตลอดไม่มีวันหวนกลับ
สังหารเซียวเฉวียนไม่สำเร็จ แต่ตัวเองกลับกลายเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง ทำลายชีวิตที่ควรจะรุ่งโรจน์ของเขาเองหมดสิ้นลง !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หมิงเจ๋อก็อดกำหมัดแน่นไม่ได้ จากเสียงดังก๊อกแก๊กที่ข้อนิ้ว รู้เลยว่าเขาเคียดแค้นในใจขนาดไหน !
หมิงเจ๋อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วพูดว่า "แน่นอน จะลืมได้ยังไง !"
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หมิงเจ๋อก็เข้าใจความหมายในคำพูดของนักปราชญ์ เขาหมายถึงว่าราชินีแตกหักกับเซียวเฉวียน และเซียวเฉวียนในฐานะราชครูแห่งต้าเว่ย เป็นบุคคลที่ได้รับการโปรดปราน ได้รับความไว้วางใจที่สุดขององค์จักรพรรดิ เขาคงเป่าหูองค์จักรพรรดิแล้วอย่างแน่นอน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง องค์จักรพรรดิต้าเว่ยก็คงเปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกเช่นกัน
บวกกับเว่ยเชียนชิวได้ล่มสลายไป อำนาจราชาก็กลับคืนสู่มือขององค์จักรพรรดิ ต้าเว่ยไม่ใช่ต้าเว่ยอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป พลังของชาติเริ่มพัฒนาเติบใหญ่แล้ว
หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป ต้าเว่ยและภูมิภาคตะวันตกขัดแย้งกันก็อยู่ในเวลาไม่ช้าก็เร็ว
แทนที่จะรอให้ต้าเว่ยมาโจมตีภูมิภาคตะวันตก ทำไมไม่ถือโอกาสที่ต้าเว่ยยังไม่ได้เตรียมการพร้อม ชิงลงมือก่อนให้ต้าเว่ยรู้ดีซะบ้างล่ะ ?
ยิ่งกว่านั้น เซียวเฉวียนเติบใหญ่มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่นักปราชญ์และหมิงเจ๋อบอกจะกำจัดก็กำจัดได้
หากคิดจะปกป้องรักษาภาคตะวันตกไว้ มีแต่จะต้องชิงลงมือก่อน
ขอให้ต้าเว่ยขัดแข้งขัดขากันเองที่ภายใน นักปราชญ์ก็สามารถฉวยโอกาสจับปลาในน้ำขุ่นๆ หาจังหวะเก็บเซียวเฉวียนซะ
ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ หมิงเจ๋อก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งและพูดว่า “ท่านนักปราชญ์คิดรอบคอบมองการณ์ไกลกว่า ตกลง ข้าจะเขียนจดหมายถึงท่านแม่และขอให้ท่านส่งกองกำลังไปยังต้าเว่ย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...